Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1520 ผิดบาปกับหยาบช้า

ตอนที่ 1520 ผิดบาปกับหยาบช้า
เสี่ยวอิ๋นโกรธจนกัดฟันจวนจะหัก พูดว่า “เทพธิดารั่วอู่ ข้าจะไปเรียกเสี่ยวเทียน พวกเราร่วมมือกันสังหารพวกสารเลวนั่นเสียเป็นอย่างไร”
รั่วอู่ส่ายหน้า “อย่างไรก็รอหลินสวินตัดสินใจดีกว่า ข้าสงสัยว่าพื้นที่รอบหุบเหวใหญ่นั่นถูกกางแหฟ้าตาข่ายดินไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่อาจใจร้อนวู่วาม”
เสี่ยวอิ๋นขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ทอดถอนใจกล่าว “ช่างเถิด ได้แต่อดทนรอไปก่อนเท่านั้นแล้ว”
อันที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอสังหารภายในใจของเทพธิดารั่วอู่ในขณะนี้แทบจะควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว!
ท้ายที่สุดทั้งคู่ก็ฝืนข่มโทสะเอาไว้ ย้อนกลับไปที่แดนลับวังใต้ดิน
……
นอกหุบเหวใหญ่
เล่อเซวี่ยซิวกล่าวเรียบๆ “ในเมื่อเซวี่ยชิงอีบอกให้พวกเราต้องสังหารคู่สุนัขชายหญิงนั่นให้ได้ไม่ว่าต้องทำอย่างไร เช่นนั้นในระหว่างนี้ พวกเราก็ได้แต่เฝ้ารอที่นี่เท่านั้น”
มกุฎอริยะอีกหกคนที่เหลือย่อมไม่มีข้อคิดเห็น
“แต่ถ้าพวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นไม่ยอมออกมาจะทำอย่างไร”
มีคนถาม
“เช่นนั้นก็ใช้ศพแพะสองขามาถมหุบเหวนี้ให้เรียบ”
เล่อเซวี่ยซิวพูดเสียงเรียบ “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะยังนิ่งเฉยอยู่ได้”
กล่าวถึงตรงนี้เขาก็ออกคำสั่ง “กระจายคำสั่งข้าออกไป แพะสองขาที่จับได้ในโลกมารโลหิตต่อจากนี้ไปให้ส่งมาที่นี่ทั้งหมด”
“ขอรับ!”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าผึ้งมารลายดำคนหนึ่งรับคำสั่งแล้วออกไป
“นอกจากนี้พวกเราเองก็ต้องเตรียมพร้อมด้วยส่วนหนึ่ง อย่างเช่นวางค่ายกลใหญ่ในพื้นที่แห่งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน”
เล่อเซวี่ยซิวแค่นเสียงเย็น “แล้วก็สั่งการผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าให้ปิดผนึกป่าหลอมจิตเอาไว้ เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกร้ายกาจจากดินแดนรกร้างโบราณโผล่เข้ามาช่วย”
ทุกคนต่างพยักหน้า เริ่มเคลื่อนไหว
เซวี่ยชิงอีออกคำสั่งจับตายลงมา คราวนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสังหารชายหญิงคู่นั้นให้ได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจเมินเฉย
เซวี่ยชิงอีอาจจะยังไม่บรรลุอริยะ แต่ในโลกมารโลหิต เขาก็คือผู้นำ มีวาจาสิทธิ์เด็ดขาด
“ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง หากครั้งนี้สามารถฆ่าสุนัขชายหญิงคู่นี้ได้ นั่นย่อมสร้างแรงโจมตีที่รุนแรงให้ฝั่งดินแดนรกร้างโบราณได้อย่างแน่นอน!”
นัยน์ตาเล่อเซวี่ยซิวมีไอสังหารพลุ่งพล่าน
คนอื่นๆ ต่างเห็นด้วยอย่างที่สุด
ดินแดนรกร้างโบราณเสื่อมโทรมมานานเกินไป พวกคนรุ่นเยาว์ที่ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎก็เป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น
บุคคลชั้นนำอย่างพวกหลินสวิน รั่วอู่ ต้องเป็นคนสำคัญระดับผู้นำในดินแดนรกร้างโบราณแน่
ถ้าพวกเขาตาย ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณก็อาจกลายเป็นฝูงมังกรไร้หัว!
……
ในป่ากว้าง เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณกำลังหนีอุตลุด แต่ละคนล้วนสีหน้าแตกตื่น
ด้านหลังพวกเขาผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยวมารเหินกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ล่า ท่วงท่าสบายๆ มุมปากยกโค้งอำมหิต
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง
การต่อสู้ก็ปะทุขึ้น ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณเหล่านั้นประสบการโจมตีรอบด้าน มีคนตายในการต่อสู้เจ็ดคน อีกสิบสามคนที่เหลือถูกจับตัว
“เก็บนางคนนี้ไว้ ข้าต้องระบายอารมณ์ซะก่อน”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าเหยี่ยวมารเหินคนหนึ่งที่นำขบวนมองไปทางหญิงสาวหน้าตาสะสวย ทรวดทรงอ้อนแอ้นคนหนึ่งด้วยสายตามาดร้าย สาวเท้าก้าวยาวๆ เดินเข้าไป
ไม่ทันไรเสียงกรีดร้องแหลมด้วยความเดือดดาลขมขื่นก็ดังก้องในป่ากว้าง
หญิงสาวขัดขืนไม่คิดชีวิต
เผ่าเหยี่ยวมารเหินพวกนั้นหัวเราะผสมโรง
……
ตูม!
เหนือทะเลสาบการต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้น
ไม่ทันไรอริยะดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งถูกลากตัวออกจากก้นทะเลสาบ ถลาลงบนพื้นเหมือนหมาตาย
“ไม่ผิด ในที่สุดก็รวบปลาตัวใหญ่เอาไว้ได้”
อริยะดินแดนโบราณมารโลหิตหลายคนที่ลงมือต่างเผยรอยยิ้มพึงพอใจ
“ขังปลาตัวใหญ่ตัวนี้ไว้ แล้วส่งไปที่ป่าหลอมจิต”
อริยะคนหนึ่งกล่าวสั่งการ
จากนั้นก็มีคนยืนขึ้นมา ล่ามโซ่รวบหัวอริยะดินแดนรกร้างโบราณเอาไว้ ลากตามพื้นมุ่งหน้าห้อตะบึงไกลออกไปเหมือนจูงสุนัขไม่มีผิด
……
“คนตายพวกนั้นจะทิ้งเสียเปล่าไม่ได้ เก็บรวบรวมกะโหลกพวกมันไว้ เมืองอารักษ์มรรคของพวกเราจะขยายกว้างใหญ่ในภายหน้า กะโหลกพวกนี้ก็คือวัสดุชั้นดีในการสร้างกำแพงเมือง”
บนที่ราบรกร้างสีเลือดทั้งแถบ ชายหนุ่มเงาร่างผอมสูงคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบที่ซากศพนอนเกลื่อน เอ่ยปากราบเรียบ
จากนั้นผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งก็เริ่มเคลื่อนไหว เก็บหัวของศพบนพื้นขึ้นมาทีละหัว ราวกับกำลังรวบรวมเลือดเนื้อของสัตว์ มือไม้คล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้
……
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้กำลังเกิดขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วทั้งโลกมารโลหิต
ภายใต้คำสั่งของเซวี่ยชิงอี ผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตล้วนเริ่มให้ความร่วมมือการเคลื่อนไหวของพวกเล่อเซวี่ยซิวเต็มที่ ดำเนินการจับกุมผู้แข็งแกร่งจากดินแดนรกร้างโบราณ
การต่อต้านล้วนเสียเปล่า
ภาพเหตุการณ์อันนองเลือด โหดร้าย รุนแรงมากมายล้วนดำเนินอย่างต่อเนื่อง
ผิดบาปและหยาบช้าเกี่ยวประสานกัน
……
เพียงสามวันสั้นๆ ก็มีผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณถูกจับตัวหลายร้อยคน ถูกส่งไปยังบริเวณหุบเหวใหญ่ในส่วนลึกของป่าหลอมจิต
ในนั้นยังมีอริยะรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง!
ในดินแดนรกร้างโบราณ อริยะเหล่านี้ล้วนเป็นพวกยิ่งใหญ่คับฟ้า บารมีสะท้านฝั่งหนึ่ง ได้รับความเคารพยำเกรงจากผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้แต่ละคนล้วนหมดสภาพ บาดแผลเต็มตัว อนาถหาใดเปรียบ ตกอยู่ในสภาพถูกคุมขัง
เล่อเซวี่ยซิวสีหน้าเลือดเย็น ไม่แม้แต่จะมอง เงื้อมือขึ้นกวาดลงมา
ปังๆๆ!
เสียงแตกระเบิดน่าสะพรึงดังระลอกหนึ่ง จากนั้นก็เห็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณหนึ่งร้อยคนถูกสังหาร ตายอนาถคาที่
และเลือดเนื้อของพวกเขาก็ล้วนถูกพัดม้วนโยนลงไปในหุบเหว
มองจากไกลๆ ก็เหมือนฝนเลือดเนื้อห่าใหญ่ระลอกหนึ่งอยู่เหนือหุบเหว กลิ่นคาวเลือดนั้นครอบฟ้าคลุมดินพาให้ผู้คนสะอิดสะเอียน
ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนอื่นๆ ที่ถูกจับ เห็นเช่นนี้ก็ตกใจจนสั่นเทิ้มทั่วร่าง คนไม่น้อยต่างเข่าอ่อนทรุดตัวลงกับพื้น
มีคนสบถด่าสาปแช่ง มีคนกรีดร้องโกรธกรุ่นฉุนเฉียว มีคนร้องฟูมฟายอ้อนวอนขอความเมตตา…
แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีความกล้าเผชิญหน้ากับความตายอย่างองอาจ และใช่ว่าทุกคนล้วนใจเด็ดหนักแน่น เรื่องอ้อนวอนขอความเมตตาต่อผู้แข็งแกร่งต่างดินแดนก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเปลืองแรงเปล่า
มกุฎอริยะเจ็ดคนอย่างพวกเล่อเซวี่ยซิวต่างไม่แยแสตั้งแต่ต้นจนจบ
สำหรับพวกเขาแล้ว ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน ไม่เช่นนั้นจะถูกเรียกว่า ‘แพะสองขา’ ได้อย่างไร
กระทั่งสุดท้ายเล่อเซวี่ยซิวถึงได้ส่งเสียง “นี่คือเลือดเนื้อของแพะสองขาร้อยคน หากพวกเจ้ายังทนได้อีก ครั้งหน้าแพะสองขาที่ต้องตายเพราะพวกเจ้าจะไม่ได้มีเพียงเท่านี้”
เสียงเลือดเย็นก้องสะท้อนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
และลอยลงสู่เบื้องล่างหุบเหวลึกด้วยเช่นกัน
“มาอีกแล้ว!”
เสี่ยวอิ๋นแค้นจนใบหน้าเล็กเปี่ยมด้วยไอสังหาร จวนจะระงับโทสะไม่ไหว
“หากเจ้าพรวดพราดออกไปก็ติดกับพวกมันทันที”
รั่วอู่สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝืนระงับเพลิงโทสะภายในใจเอาไว้กล่าวว่า “จำไว้ ก่อนที่หลินสวินจะตื่นขึ้นมา อย่าได้ทำอะไรตามอำเภอใจ”
กล่าวจบนางก็นั่งขัดสมาธิ ละทิ้งการรับรู้ นั่งสมาธิทำจิตใจให้สงบ
นางกลัวว่าหากฟังต่อไป ตนจะอดไม่ไหวลงมือเสียก่อน
เสี่ยวอิ๋นสีหน้าเขียวคล้ำ วูบไหวไม่นิ่ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดกลั้นไว้ ซัดหมัดกระแทกใส่พื้นอย่างรุนแรง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “แค้นนี้ต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า!”
ไกลออกไปหลินสวินนั่งนิ่งไม่ไหวติง เงียบสงบไร้สุ้มเสียง หลายวันมานี้เขาอยู่ในท่าแบบนี้มาตลอด เหมือนโขดหินก้อนหนึ่ง
เวลาเคลื่อนคล้อย โดยไม่ทันรู้ตัวเวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไปแล้ว
ในช่วงเวลานี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าถูกสังหารด้วยวิธีโหดเหี้ยมอำมหิตไม่ขาดสาย ซากศพและเลือดเนื้อถูกโยนลงไปในหุบเหว
เล่อเซวี่ยซิวต้องการใช้วิธีนองเลือด โหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้บีบให้หลินสวินและรั่วอู่ออกมา
แต่จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เป็นไปตามปรารถนา
ส่วนศพที่โยนลงไปในหุบเหวลึกก็มีมากถึงหลายพันศพ ในนั้นมีผู้สืบทอดของสำนักใหญ่ในดินแดนรกร้างโบราณ มีผู้แข็งแกร่งที่ถูกมองว่าเป็นหงส์มังกรในหมู่ผู้คน มีผู้กล้าหญิงที่บุคลิกโดดเด่น…
และมีอริยะที่เคยทรงอิทธิพลอยู่ด้วย
แต่ไม่ว่าใคร จุดจบล้วนไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน หลังจากถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดก็โยนศพทิ้งลงไปในเหว!
ช่วงเวลาหนึ่งเดือน รอบบริเวณหุบเหวทิ้งกลิ่นคาวเลือดที่ไม่อาจลบล้าง ทพเอาห้วงอากาศล้วนย้อมด้วยสีแดงฉาน
หากบนโลกนี้มีกรรมตามสนองอยู่จริง เกรงว่าพวกเล่อเซวี่ยซิวคงประสบเคราะห์ไปนานแล้ว
น่าเสียดาย กรรมตามสนองที่พูดกันเป็นแค่ความคิดเพ้อฝันของผู้อ่อนแอเท่านั้น!
ในสมรภูมิเก้าดินแดน การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนแต่ละครั้งก็มีศพหลายแสนฝังอยู่ที่นี่ เลือดนองเป็นสายน้ำเสมอ
และสำหรับพวกเล่อเซวี่ยซิว พวกที่ตายล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกใดๆ อยู่แล้ว
“มั่นใจได้ว่ารั่วอู่นั่นต้องบาดเจ็บลึกถึงฐานมหามรรคแน่ ไม่น่าเป็นภัยแล้ว”
ชายหนุ่มชุดเขียวคนหนึ่งสีหน้ามืดทะมึน “มีแต่หลินสวินนั่นที่ทำให้คนมองไม่ทะลุ ยังไม่บรรลุอริยะก็มีความสามารถในฆ่าอริยะแล้ว ถ้าเขาบรรลุอริยะขึ้นมา นั่นจะไม่ยิ่งแย่หรือ”
“ฮ่าๆ เจ้าคงไม่ได้คิดว่าเจ้าหมอนั่นจะบรรลุมกุฎอริยะที่ใต้หุบเหวลึกนี่ได้หรอกกระมัง”
เล่อเซวี่ยซิวหัวเราะเยาะ
“เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่ ต่อให้เป็นรากฐานพลังของเซวี่ยชิงอี ก็ยังได้แต่มุ่งหน้าไปแดนลับนรกโลกันตร์ เสาะหาวาสนาในการบรรลุมกุฎอริยะเท่านั้น”
“เจ้าตัวจ้อยนี่ถูกขังอยู่ที่นี่ ย่อมพลาดโอกาสเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะไร้วาสนาต่อการบรรลุมกุฎอริยะอย่างแน่นอนเช่นกัน!”
กล่าวถึงตอนสุดท้าย เล่อเซวี่ยซิวก็อดแค่นหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะซ่อนตัวอยู่ใต้หุบเหวรอให้พวกเราอับจนหนทาง แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เขาสูญเสียไปก็คือโอกาสในการบรรลุมกุฎอริยะ เป็นเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว!”
มกุฎอริยะคนอื่นขบคิดครู่หนึ่ง ต่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ต่อให้ยังฆ่าเจ้าหมอนั่นให้ตายตอนนี้ไม่ได้ แต่การกักขังเขาไว้ที่นี่ทำให้เขาพลาดโอกาสการบรรลุมกุฎอริยะ นี่ก็เรียกได้ว่าคุ้มค่ายิ่งเช่นกัน
ควรรู้ว่าเจ้าหมอนั่นเป็นถึงพวกระดับผู้นำชั้นยอดคนหนึ่ง หากกลายเป็นมกุฎอริยะ นั่นจะน่าสะพรึงปานใด
และตอนนี้ทุกอย่างไม่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว!
เวลาเคลื่อนคล้อย ผ่านไปอีกครึ่งเดือน
โลกมารโลหิต เมืองอารักษ์มรรค
ตูม!
แสงประหลาดบาดตาสายหนึ่งพุ่งออกมาจากสถานที่ปิดด่านของเซวี่ยชิงอี แผ่ขยายปกคลุมชั้นเมฆบนฟ้า สว่างไสวไพศาล
วันนี้เซวี่ยชิงอีออกด่าน เขาออกคำสั่งลงไปว่าจะออกเดินทางวันนี้ พาบุคคลชั้นยอดของดินแดนโบราณมารโลหิตทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของดินแดนรกร้างโบราณ
เพราะครึ่งเดือนให้หลัง แดนลับนรกโลกันตร์ก็จะมาเยือนแล้ว!
ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป เมืองอารักษ์มรรคก็เดือดพล่าน บุคคลชั้นยอดของแต่ละเผ่าใหญ่ที่เตรียมตัวพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ต่างรับคำสั่ง ไปรวมตัวกับเซวี่ยชิงอี
บุคคลชั้นยอดเหล่านี้จำศีลเก็บตัวอยู่ในเมืองอารักษ์มรรคเรื่อยมา ล้วนเพื่อโอกาสเข้าสู่แดนลับนรกโลกันตร์ ตอนนี้พวกเขาใกล้จะออกเดินทางแล้ว!
เพียงแต่ก่อนออกเดินทางเซวี่ยชิงอีได้รู้ข่าวเรื่องหนึ่ง ทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่น หว่างคิ้วผุดแววไม่สบอารมณ์
“เหล่ามกุฎอริยะจนป่านนี้ยังไม่สามารถฆ่าชายหญิงคู่นั้นได้อีกหรือ พวกเลี้ยงเสียข้าวสุกชัดๆ!”
เสียงของเขาเรียบเฉย ไม่ได้ปิดซ่อนความไม่พอใจของตนเลยสักนิด
“กระจายคำสั่งของข้า ตอนที่ข้ากลับมาจากแดนลับนรกโลกันตร์ หากพวกเล่อเซวี่ยซิวยังฆ่าชายหญิงคู่นั้นไม่ได้ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
กล่าวจบเซวี่ยชิงอีก็นำทัพจากไป
ตลอดทางย่อมมีมกุฎอริยะทั้งกลุ่มติดสอยห้อยตาม เป็นผู้พิทักษ์อารักขาให้แก่บุคคลชั้นยอดจากดินแดนโบราณมารโลหิตอย่างพวกเขา
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท