บัญชามังกรเดือด บทที่ 504 มีภารกิจมาแล้ว
“คุณพูดว่าอะไรนะ? เยี่ยมเยียนหรือ?
“คุณจะส่งของขวัญให้ฉินเทียนอย่างนั้นหรือ?” เมื่อได้ฟังคำพูดของหยางหยวนชิ่ง ปีศาจขาวก็เกิดโทสะขึ้นมาทันควัน
เขายืนขึ้นทันที จนหนวดเคราและขนคิ้วเลิกขึ้น แล้วกล่าวว่า:”ฉินเทียนฆ่าน้องชายของผม ผมกับฉินเทียนจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!”
“ฉันจะฉีกศพของมันออกเป็นพันๆ ชิ้น ถึงจะสาามารถคลายความแค้นในใจได้!”
“แต่คุณกลับให้ผมนำของขวัญไปมอบให้มัน ตกลงมันหมายความว่ายังไง?!”
โช่เหล็กสั่นคลอน และมีเสียงสะท้อนดังสนั่นหวั่นไหวภายในห้องลับ มันสั่นสะเทือนจนทำให้แก้วหูของหยางหยวนชิ่งสั่นระริก
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที และรีบถอยห่างออกไป
“นายฟังฉันพูดก่อน!”
“ปีศาจขาว อย่าพึ่งตื่นตระหนกไป!”
“ที่ฉันต้องทำแบบนี้ ก็มีเหตุผลยากลำบากเหมือนกัน!”
เมื่อเห็นปีศาจขาวสงบลง หยางหยวนชิ่งจึงพ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก แล้วอธิบายเหตุผลนั้นด้วยเสียงเบา
พูดตรงๆ ก็คือ เพื่ออาศัยความสัมพันธ์ดึงคะแนนสองเสียงจากอานกั๋วและตระกูลจ้าวเมืองอวิ๋นชวน ผ่านทางฉินเทียน
ซึ่งมันสำคัญมาก เนื่องจากมันเกี่ยวโยงเรื่องที่เขาจะสามารถนั่งในตำแหน่งสันนิบาตได้อย่างราบรื่นหรือไม่
“นายวางใจได้ เพียงแค่ให้ฉันได้ครองตำแหน่งผู้นำแล้ว ต้องส่งฉินเทียนให้นายจัดการอย่างแน่นอน!”
“เมื่อถึงตอนนั้น นายอยากจะทรมานเขายังไงก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว!”
“ปีศาจขาว นายเองก็รู้ ตำแหน่งผู้นำนี้ มันสำคัญกับฉันเพียงใด ครั้งนี้ฉันตั้งปณิธานไว้ว่าจะเอามาให้ได้”
“แล้วอีกอย่างหนึ่ง ถ้าฉันกลายเป็นผู้นำขึ้นมา นายอยู่กับฉัน ก็ได้หน้าเหมือนกันไม่ใช่หรอกหรือ?”
ปีศาจขาวกัดฟันแน่นแล้วพูดว่า:”ถ้าฉินเทียนสำคัญขนาดนี้จริง ผมจะปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่ออีกหลายวันก็ได้”
“แต่ ทำไมถึงเป็นผมที่นำของขวัญไปให้มัน? คุณจงใจยั่วยุผมอย่างนั้นเหรอ?”
หยางหยวนชิ่งรีบพูดขึ้นมาทันควัน:”ฉินเทียนเป็นคนเย่อหยิ่ง ถ้าส่งคนอื่นไป ฉันเกรงว่าจะถูกเขาปฏิเสธเอาได้”
“แต่นายไม่ใช่”
“พรุ่งนี้ที่นายไป ถึงแม้ว่าจะยังไม่ฆ่าเขา แต่นายสามารถโชว์ฝีมือ และข่มเขาไว้ได้”
“ด้วยวิธีนี้ ฉินเทียนก็รู้แล้วว่าเราไม่ใช่คนที่จะล่วงเกินได้ง่ายๆ ซึ่งจะรับของขวัญอย่างว่านอนสอนง่าย และเชื่อฟังคำพูดของเรา”
“นี่เรียกว่าใช้บุญคุณและแผ่อำนาจพร้อมกัน เข้าใจความหมายของฉันหรือยัง?”
ปีศาจขาวเงียบไปครู่หนึ่ง และพูดอย่างเย็นชาว่า:”ครับ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พรุ่งนี้ผมก็จะไปเยี่ยมคนแซ่ฉินนี้หน่อย แต่ผมมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง——”
“พอคุณได้นั่งบนตำแหน่งหัวหน้าสันนิบาตแล้ว ผมอยากได้ของบางอย่างจากเรืออับปางในทะเลตงไห่ ซึ่งตอนนี้ผมรู้แค่ตำแหน่งโดยประมาณของเรืออำบปางลำนั้น”
“เมื่อถึงเวลานั้น คุณก็ส่งคนเข้าไปค้นหากู้เรือที่จมอยู่ใต้น้ำ”
หยางหยวนชิ่งรีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว:”ไม่มีปัญหา!”
“ขอแค่ฉันได้ครองตำแหน่งผู้นำสหภาพธรุกิจในเจ็ดเมืองทางใต้ อย่าพูดถึงเรืออับปางเพียงลำเดียวเลย ต่อให้เป็นสิบลำ ฉันก็ไม่เกี่ยง ไม่ว่าจะสูญเสียอะไรไป ก็จะให้คนกู้เรือขึ้นมา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย:”นายพอจะบอกได้หรือไม่ว่ามันคือของอะไรไหม?”
ปีศาจขาวพึมพำคำหนึ่ง และพูดว่า:”สำหรับพวกคุณแล้ว มันไม่ได้มีประโยชน์เลย แต่มันกลับเป็นสมบัติที่หายาก สำหรับคนที่ฝึกวิทยายุทธอย่างพวกเรา”
“เอาเป็นว่าคุณทำตามที่ผมบอกก็พอแล้ว พวกเราก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน และต่างคนต่างก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ”
“ตกลง!”หยางหยวนชิ่งรับประกันอีกครั้งทันที
ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ฝึกวิทยายุทธกับตระกูลร่ำรวยนั้น มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน และการฝึกวิทยายุทธต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล อาศัยแค่ตัวเองคนเดียวนั้นเป็นไปได้ยาก
ตัวอย่างเช่นของที่อยู่บนเรืออับปางที่ปีศาจขาวพูดถึง เขาแค่ประมาณอย่างคร่าวๆ และให้หยางหยวนชิ่งไปงมขึ้นมา ซึ่งก็เป็นการเสี่ยงดวงเท่านั้น เพราะยังไงเสียเขาก็ไม่ได้เสียเงินอยู่แล้ว จะอย่างไงก็ได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาพูดดูง่าย ต้องการค้นหาเรือที่จมอยู่ในผืนทะเล และงมมันขึ้นมานั้น จะต้องใช้กำลังคน ทรัพยากรและกำลังเงินมากมายเท่าไหร่?
อาศัยแค่กำลังของปีศาจขาวคนเดียวนั้น เกรงว่าทั้งชาติก็ไม่สามารถทำได้
สำหรับหยางหยวนชิ่งแล้ว เงินพวกนี้เป็นเพียงแค่ตัวเลขซึ่งพวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน ที่ขาดคือ ความปลอดภัยของชีวิต
อีกทั้ง การมีกำลังอันแข็งแกร่งนั้น จะสามารถการันตีได้ตลอดเวลาว่า ตระกูลจะไม่ถูกโจมตีจากการคิดไม่ดี
ถ้าพูดจากด้านนี้ การที่เขาใช้เงินจำนวนมาก ในการช่วยปีศาจขาวปรับปรุงบ่มเพาะ ก็เท่ากับเป็นการลงทุนด้านความปลอดภัยให้กับตัวเองและวงศ์ตระกูล
……
พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากทางทิศตะวันออก
เมื่อวันใหม่มาถึง สหพันธ์การค้ากลางแห่งเจ็ดเมืองทางใต้ได้ลงมติกำหนดเวลาสิบวันสำหรับการตัดสินผู้นำ เริ่มนับเวลาอย่างเป็นทางการ
วันที่หนึ่ง
ฝ่ายโครงการที่ฉินเทียนดูแลอยู่ มีแขกพิเศษมากลุ่มหนึ่ง โดยมีทั้งหมดสิบสองคน ซึ่งทีมหมาป่าเดียวดายมีเหล่าลิ่วเป็นผู้นำทีม
โดยพวกเขาทั้งหมดผ่านการอบรมรักษาความปลอดภัยอย่างมืออาชีพมาแล้ว รปภ.ทั่วไปที่มารับช่วงแทน ให้รับผิดชอบความปลอดภัยทั่วไปของโรงแรมทั้งหมด
นอกจากนี้ ฉินเทียนได้แบ่งองค์กรคำสาปสวรรค์ออกเป็นนักรบสองทีมย่อย ทีมที่หนึ่งมีเถียหนิงซวงเป็นหัวหน้าทีม รับผิดชอบเฝ้าระวังตอนกลางวัน
อีกทีมหนึ่ง มีหม่าหงเทาเป็นหัวหน้าทีม และคอยเฝ้าระวังในเวลากลางคืน
โดยพวกเขาจะรับมือกับการบุกรุกโจมตีของยอดฝีมือโดยเฉพาะ
เงียบสงบปลอดภัยไร้กังวล ตลอดทั้งวัน โดยไม่มีสิ่งผิดปกติ
แต่ฉินเทียนทราบว่า นี่เป็นเพียงเสียงเตือนก่อนที่จะมีพายุลูกใหญ่เข้ามา
การหาเสียงได้เริ่มขึ้นแล้ว และเป็นไปไม่ได้ที่ห้าตระกูลใหญ่จะไม่ก่อเรื่อง
แสงไฟพลบค่ำตอนกลางคืน
มีรถเบนซ์ไม่ติดป้ายทะเบียนคันหนึ่ง ค่อยๆ มาจอดหยุดอยู่หน้าประตูโรงแรม
เหล่าลิ่วไปต้อนรับพร้อมกับพวกพ้องอีกสองคน
เมื่อเห็นชายที่ดูเหมือนซอมบี้ผมขาวลงมาจากรถ ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่สะกดความรู้สึกของคนมาจากร่างกายของอีกฝ่าย จนสีหน้าของเหล่าลิ่วเคร่งขรึมขึ้นมา
“สหายท่านนี้ โรงแรมนี้ไม่ได้เปิดบริการให้แก่คนนอกแล้ว หากคุณอยากเข้าพักโรงแรม เช่นนั้นเเรียนเชิญไปที่อื่นนะครับ”
เหล่าลิ่วพูดขึ้นอย่างเกรงใจ
ส่วนคนที่มานั้นก็คือปีศาจขาวนั่นเอง
เขาไม่แม้แต่มองเหล่าลิ่วด้วยซ้ำ แต่กลอกตาราวกับราวกับปลาตายคู่หนึ่ง มองเข้าไปในโรงแรม
“ฉันมาหาฉินเทียน”
“จงเรียกเขาออกมา”น้ำเสียงเย็นชา เหมือนกับวิญญาณร้าย กำลังกัดฟันกลางดึก
ที่แท้เป็นศัตรู แต่ไม่ใช่มิตรสหายนี่นา
เหล่าลิ่วขยับหยุดอยู่ตรงหน้าหน้าของปีศาจขาวก้าวหนึ่งโดยปริยาย
“คุณเป็นใคร?”
“มาหาพี่เทียนทำไม?”
“พูดมาชัดเจนแล้ว ฉันถึงจะรายงานให้คุณ”
ปีศาจขาวส่งเสียงครวญคราง จากนั้นก็ลงมือทันที จนเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม แล้วเตะเหล่าลิ่วจนกระเด็นออกไป
“ยกของแล้วตามฉันมา!”
เขาพาลูกน้องสองคนที่ถือกล่องใหญ่หนึ่งใบ เดินตรงเข้าไปข้างใน
“เร็ว ขวางมันไว้!”
“มีศัตรู!”เหล่าลิ่วหวาดกลัวอย่างที่สุด
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่รู้เลยว่า ฝ่ายตรงข้ามลงมืออย่างไร เขาถูกตีจนกระเด็นด้วยความงงงวย
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา รปภ.ที่อยู่เหลืออยู่ข้างใน ก็พุ่งกันออกมา
ถึงแม้กำลังการต่อสู้ของพวกเขาจะไม่เทียบเท่ากับองค์กรคำสาปสวรรค์ แต่ทั้งหมดก็ผ่านการฝึกอย่างมืออาชีพมาแล้วทั้งนั้น โดยหนึ่งคนสามารถรับมือศัตรูสิบคนได้โดยไม่มีปัญหา
ใครจะรู้ว่าทุกที่ ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของปีศาจขาวกวักแกว่งผ่านนั้น จะมีกลิ่นอายเยือกเย็นมหาศาลอบอวลไปทั่ว
รปภ.ต่างถูกเตะลอยออกไปกันหมด ราวกับเข้ามาในพื้นที่ที่ไร้ซึ่งผู้คน
มองดูปีศาจขาวพาคนบุกเข้ามาในห้องโถง และขึ้นไปยังชั้นสอง โดยกล่องที่ถืออยู่ในมือของลูกน้องสองคนนั้นดูเหมือนหนักมาก ไม่รู้ว่าข้างในเป็นวัตถุอันตรายอะไร
เหล่าลิ่วตกใจยกใหญ่ เขาจึงรีบรายงานผ่านหูฟังทันควัน
“พี่ใหญ่ มีศัตรูร้ายกาจ!”
“ขอใช้อาวุธ!”
พูดไปก็พลางจับปืนที่เอวไว้แน่น
ที่จริงแล้ว ฉินเทียนมองเห็นผ่านกล้องวงจรปิดในห้องแล้ว ตั้งแต่รถของปีศาจขาวมาจอดหยุดอยู่หน้าโรงแรม
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักปีศาจขาว แต่เขาพลางนึกถึงเมื่อวาน ก่อนที่หม่าจั๋วชุนจะจากไปนั้น ก็ได้เคยพูดถึงเขาว่า ให้ระวังยอดฝีมือคนหนึ่งที่ตระกูลหยางชุบเลี้ยงไว้ด้วย
มีนามว่าปีศาจขาว
เขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ปีศาจดำ แต่เกรงว่าจะเหนือกว่าปีศาจดำเป็นสิบเท่าหรือมากกว่านั้น
ดูเหมือนว่า คนที่มาเยือนจะไม่ประสงค์ดี
“เหล่าลิ่ว กฏยุทธภพ”
“อย่าใช้ปืน”เขาสั่งเหล่าลิ่วผ่านทางหูฟัง
หลังจากนั้น ก็รีบออกไปจากห้อง และเคาะประตูห้องที่อยู่ข้างๆ แล้วตะโกนว่า:”เหล่าหม่า ภารกิจมาแล้ว!”