บัญชามังกรเดือด บทที่ 559 เกมพึ่งจะเริ่มขึ้นเอง
เมื่อเผชิญกับน้ำใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมฆตาของทุกคน ฉินเทียนได้แต่ขมวดคิ้ว และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นมา
ฮือ?
เขาชะงักไปครู่หนึ่ง และรีบเงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าในระยะไกล
“เป็นเฮลิคอปเตอร์หรือ?”
“เฮลิคอปเตอร์ของใครบินมาถึงที่นี่ และยังมีถึงตั้งสองลำ”จี้ซิงหันหน้ามองขึ้นไป และอดสงสัยอย่างไม่ได้
ในเวลานี้ บนท้องฟ้าสีครามในระยะไกล ทุกคนมองเห็น จุดสีดำสองจุด ซึ่งดูแล้วเหมือนกับนกอินทรี ที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
เฮลิคอปเตอร์นี้ของแบบนี้ มีให้เห็นอยู่ทั่วไป โดยผู้มีอิทธิพลหลายคนที่อยู่ที่นี่ ต่างมีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวกันทั้งนั้น
ฉินเทียนเมองไปยังเฮลิคอปเตอร์สองลำที่บินมาด้วยความรวดเร็วอย่างใจจดใจจ่อ และขมวดคิ้วแน่น
เสียงแรกที่ได้ยินเมื่อครู่นั้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป และตอนนี้เมื่อได้เห็นลักษณะการบินของเฮลิคอปเตอร์สองลำนั้นแล้ว เขาจึงมั่นใจการคาดคะเนตนเอง
นี่ไม่ใช่เฮลิคอปที่เตอร์ที่ประชาชนทั่วไปใช้ แต่เป็นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธทหารขนาดใหญ่ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
หรือว่าจะเป็นการฝึกภาคสนามของกองทัพ? แต่ดูเหมือนแถวนี้จะไม่มีฐานทัพทหารอะไรเลยนี่นา
และเห็นได้ชัดเจนว่า เอลิคอปเตอร์สองลำนี้ กำลังพุ่งมาที่นี่
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉินเทียนถึงจะรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทุกคนล้วนได้รับอิทธิพลจากสีหน้าของฉินเทียน จนเงียบสงบลง และแหงนคอมองไปยังเฮลิคอปเตอร์ที่บินมาอย่ารวดเร็ว
เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กสองลำที่ไม่มีหมายเลข และเริ่มลงจอดเมื่อถึงบนเหนือหุบเขา
ประตูห้องโดยสารได้เปิดออก ซึ่งมีความสูงประมาณหลายร้อยเมตร โดยมีของบางอย่างมีควันถูกโยนลงมา
พวกเขาจะปล่อยดอกไม้ไฟหรือไง?
“นี่มันกลางวันแสกๆ อยู่นะ”ไม่รู้ว่าลิฉุนมาอยู่ข้างหลังของฉินเทียนตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยแหงนหน้าขึ้นถามด้วยความประหลาดใจ
พลางมองไปยังวัตถุมีควันที่หล่นลงมากลางอากาศ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ ล้วนไม่รู้ว่ามันคืออะไร
และไม่รู้ว่า อีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่
รูม่านตาของฉินเทียนหดตัวลง
“คือระเบิดควัน!”
“ยังมีแก๊สน้ำตาด้วย!”
“ทุกคนระวัง!”
มันเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งกลุ่มคนไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างอย่างไร
อีกอย่างก็คือ ทุกคนเองก็คิดไม่ถึงว่า จะมีเอลิคอปเตอร์ติดอาวุธมาขว้างของพวกนี้ตอนกลางวันแสกๆ
เพียงแค่ชั่วอึดใจ ก็มีระเบิดควันและแก๊สน้ำตาตกลงมาบนพื้นจำนวนเท่าไหร่ไม่รู้ หมอกควันหนาทึบและกลิ่นฉุนแสบตาแสบจมูก ทำให้ที่เกิดเหตุความวุ่นวายไปทั่ว
ทั้งหุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน จนมองไม่เห็นคนที่อยู่ตรงหน้า
ผู้คนแตกตื่น วิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง จนเกิดการเหยียบกันและมีเสียงร้องครวญครางไปทั่ว
ฉินเทียนพลางกลั้นหายใจ เพื่อไม่ให้ตัวเองสูดควันเข้าไปด้วย และร้องตะโกนเสียงดังไปด้วย:”ทุกคนอย่าแตกตื่นกัน!”
“ปิดจมูกไว้ และอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับ!”
แต่ทว่าที่เกิดเหตุ ได้สูญเสียการควบคุมไปแล้ว และเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมได้
ในเวลานี้ เฮลิคอปเตอร์ที่อยู่เหนือศีรษะลงจอดอย่างรวดเร็ว โดยอยู่ห่างจากด้านบนหุบเขาในระยะประมาณ 100 เมตร
จากนั้นมีเหงาดำหลายตัว จับอยู่ที่เชือก และไถลจากข้างบนลงมา
“ศัตรูลอบโจมตี!”
“ระวัง!”
ฉินเทียนตะโกนเสียงดังลั่น แต่ในขณะนี้ นอกจากเขาที่ยังสามารถสงบสติอารมณ์ไว้ได้อยู่บ้าง และสายตาสามารถเห็นเลือนรางแล้ว คนที่เหลือล้วนขาดกำลังที่จะต่อต้านได้
สายตาของฉินเทียนมองพลาง ไปยังกลุ่มคนที่สวมหน้ากากกันแก๊สพิษชุดดำ ซึ่งหลังจากที่ลงมาแล้ว ก็มุ่งหน้าไปยังลิเหลียง
ในที่สุดเขาก็คิดขึ้นได้!
ฝ่ายตรงข้ามมาช่วยลิเหลียงนั่นเอง!
สถานะของลิเหลียงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการจะขุดความลึกลับของวิหารเทพสังหารได้หรือไม่ ในภายใต้ความตื่นเต้นของฉินเทียน เขาสูดควันเขาไปอย่างไม่คิดชีวิต และโดดลงจากเวทีลงมาอย่างจัง และพุ่งตรงเข้าไป
ในเวลานี้ความอยากจะฆ่าสังหารของเขาทวีขึ้นอย่างแรง
และได้ตัดสินใจแล้วว่า ถึงแม้ต้องตาย ก็ต้องรั้งอีกฝ่ายไว้ให้ได้
ทันใดนั้น ร่างสูงใหญ่สวมหน้ากากกันแก๊สพิษชุดดำคนหนึ่ง ก็มาขวางอยู่ตรงหน้าเขา
ฉินเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง สัญชาตญาณบอกเขาว่า คนคนนี้เ เขานะจะรู้จักดี
หลังจากสบตากันอย่างเงียบ ๆ คนชุดดําก็เอื้อมมือถอดหน้ากากออกจากศีรษะ
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเขา สีหน้าของฉินเทียนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“นายนี่เอง!”
“ปรมาจารย์พิษ!”
คนคนนี้มีผมสีทองดวงตาสีฟ้า มีใบหน้าและโครงร่างสวยงามอย่างไร้ที่ติ ไม่ว่าจะมองจากทางไหน ก็คือหนุ่มหล่อต่างชาติอเมริกันคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม กลับมีรัศมีแห่งปีศาจประกายระยิบระยับ อยู่ภายในสายต่คู่นั้น จนทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกงูพิษจับจ้องอยู่
เขามองฉินเทียนและฉีกรอยยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า:”ราชาเทพเจ้าฉิน เราเจอกันอีกแล้ว”
“วันนี้ที่ฉินมา แค่อยากพาคนคนหนึ่งไปเท่านั้น”
“ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ แต่ถ้าคุณขัดขวางฉัน เช่นนั้นก็อย่าโทษฉันที่ต้องลงมือสังหารอย่างอำมหิต”
ชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังของเขา ก็หันกลับมาพร้อมกัน ตามเสียงของเขา
พวกเขาถอดปืนกลมือบนหลังลงมา ถืออยู่ในมือ
ฉินเทียนตกใจจนพูดไม่ออก
คนพวกนี้มีการเตรียมการมาก่อน นึกไม่ถึงว่าจะพกอาวุธมาครบครันขนาดนี้
ขณะนี้ ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยควัน และบริเวณโดยรอบคือเป้ายิงที่มีชีวิตเช่นแมลงวันหัวขาด (คนที่เลื่อนลอย)
เพียงแค่ปรมาจารย์พิษออกคำสั่ง ให้พุ่งเข้าใส่และยิงกราด เกรงว่าจะมีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คน
ฉินเทียนเกิดโทสะอย่างสุดขีด!
กำหมัดไว้แน่น จนเล็บได้ทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อ
ปรมาจารย์พิษ คือพวกกากเดนมนุษย์ของดอกไม้แห่งความมืด จากองค์กรอาชญากรในอดีต
สงครามนองเลือดบนเกาะนิรนามในโพ้นทะเล วิหารพญายมและดอกไม้แห่งความมืด เกือบจะพังทลายไปพร้อมกัน
วิหารพญายมเคยมีชื่อเสียงเกรียงไกร ถึงแม้ว่าจะมีหลายองค์กรเก่าแก่รอดมาได้ แต่ก็อยู่ด้วยความกระสับกระส่าย。
แต่ในฐานะที่เป็นผู้นำและหัวใจสำคัญของดอกไม้แห่งความมืด ปารมาจารย์พิษ ก็กลายเป็นผู้หนีพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด โดยได้รับทุนสนับสนุนจากพลังลึกลับ กระทั่งก่อตั้ง”ดวงตาแห่งนางฟ้า”ขึ้นมาได้อีกครั้ง
นั่นคือองกรค์อาชญากรแห่งหนึ่งที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าดอกไม้แห่งความมืดเลย
เพื่อไล่ล่าฆ่าสังหารปรมจารย์พิษ ฉินเทียนเดินทางไปประเทศนับไม่ถ้วน โดยครั้งที่แล้ว ถึงขนาดไล่ตามจากหมู่เกาะมาราในแอฟริกาเหนือ ไปยังป่าแม่น้ำไนล์ จนกระทั่งไปถึงทะเลทรายซาฮารา
หลังจากเห็นว่าปรมจารษ์พิษ ใช้ยาพิษควบคุมชาวบ้านในท้องถิ่น และเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นเครื่องจักรสังหารที่ไร้ความรู้สึกแล้วนั้น ฉินเทียนจึงได้ทำลายฐานทัพของเขา และสัญญาว่าจะฆ่าปรมจารย์พิษให้จงได้
ในตอนนั้น ถึงกระทั่งร่วมมือกับวิศวกรที่มีฉายาว่า นก อมตะในตะวันออกกลาง
แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ แต่ก็ยังปล่อยปรมจารย์พิษหนีไปได้ มันเป็นเรื่องที่ทำให็ฉินเทียนเสียใจยิ่งนัก
ในช่วงไม่นานมานี้ เขาได้เจอกับปรมจารย์พิษที่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ปรมาจารย์พิษใช้เฉินเอ้อร์กั่วกับเนี่ยชิงหลงเป็นหยื่อ หลอกล่อให้เขาไป
นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของปรมจารย์พิษ
สุดท้าย ปรมาจารย์พิษก็ใช้ร่มพาราไกลดิงโดดลงจากหน้าผา และหลบหนีไปต่อหน้าต่อตาของฉินเทียน
นายคนนี้เหมือนจะวางแผนมาอยางรอบคอบทุกครั้ง จนทำให้ฉินเทียนรับมือไม่ถูก
ฉินเทียนไม่เคยคิดมาก่อนว่า การได้เจอปรมาจารย์พิษอีกครั้ง กลับเป็นที่นี่
แต่อีกฝ่ายกลับพยายามหาหางช่วยเหลือลิเหลียง
เมื่อครั้นนึกถึงครั้งที่แล้วที่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ที่ปรมาจารย์พิษเคยชักเชิญตัวเอง ให้เข้าร่วมองค์กรขนาดใหญ่ที่เขาเป็นคนอยู่เบื้องหลัง
ฉินเทียนหัวใจเต้นกระตุก และพูดขึ้นอย่างตื่นตะลึง:”นายคือคนของ ‘วิหารเทพสังหาร’ หรอกหรือ?”
“องกรณ์เบื้องหลังที่นายกล่าวถึงนั่น ก็คือ ‘วิหารเทพสังหาร’ อย่างนั้นหรือ?”
ปรมาจารย์พิษยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย:”สิ่งที่คุณรู้ทั้งหมด เป็นเพียงแค่มุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น”
“หรือ แม้แต่มุมของภูเขาน้ำแข็งก็ไม่ถึงด้วยซ้ำไป”
“ราชาเทพเจ้าฉิน คุณคือคู่ต่อสู้ที่ดี ฉันเชื่อว่า เราจะได้เจอกันอีกในไม่ช้า”
ในขณะที่พูด เขาก็โบกมือขึ้น แล้วลูกน้องที่อยู่ข้างหลัง จึงพยุงลิเหลียงขึ้นมา จับเชือกแกว่งไปมา
คนบนเฮลิคอปเตอร์สตาร์ทเครื่อง และยกพวกเขาขึ้นสู่บนกลางอากาศ
ลิเหลียงในตอนนี้ เหมือนกับลูกบอลที่ลมรั่ว ดูแล้วอ่อนแรงเป็นอย่างมาก ได้แต่ปล่อยให้คนชุดดำอุ้มพยุงเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาสุดท้ายที่ลอยสู่กลางอากาศ เขามองฉินเทียนด้วยยิ้มที่ชั่วร้าย
“ฉินเทียน เกมพึ่งจะเริ่มขึ้นเอง”