Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1537 มั่นคงหนึ่งเดียว

ตอนที่ 1537 มั่นคงหนึ่งเดียว
แพะสองขาดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง กลับบุกสังหารมาถึงค่ายทัพใหญ่ของพวกเขา ปั่นป่วนจนพลิกฟ้าพลิกดิน ทำให้พวกเขาสูญเสียมกุฎอริยะกลุ่มหนึ่ง
ความอับอายและความแค้นนี้ จะไม่เอาคืนได้อย่างไร
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
มกุฎอริยะเหล่านี้ล้วนเดือดดาล ไอสังหารทะลวงฟ้า สะเทือนภูผาธาราทั่วทิศ
เนิ่นนานที่ความองอาจและเฉียบคมของหลินสวินถูกกำราบทั้งหมด!
นี่ทำให้รั่วอู่ไม่สบายใจขึ้นมา
ไม่ไหวจริงหรือ
นางถอนหายใจในใจ ว่ากันถึงแก่น แม้หลินสวินจะบรรลุมกุฎอริยะ ทั้งมีพลังต่อสู้โดดเด่น แต่ในการเคี่ยวกรำระดับอริยะ ถึงอย่างไรก็ยังตื้นเขิน การฝึกฝนไม่เพียงพอ
ไม่เช่นนี้เจ้าเฒ่าพวกนี้จะสามารถกำราบเขาได้อย่างไร
ในเมืองอารักษ์มรรคเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นระลอกหนึ่ง
ฝีมืออันแข็งแกร่งที่หลินสวินเผยออกมาก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาตะลึง หมดหวังและยากจะเชื่อ ไม่สามารถรับได้
แต่ตอนนี้พอเห็นหลินสวินถูกกำราบ พวกเขาจะไม่ตื่นเต้น ไม่ดีใจได้อย่างไร
ก็เหมือนการเห็นศัตรูยิ่งใหญ่กำลังจะถูกฆ่า มีความรู้สึกคาดหวัง ตื่นเต้นจนยากจะปกปิด
บนหอกำแพงเมือง ปี้เจี้ยนฉยงเองก็ถอนหายใจยาวเอ่ยว่า “สถานการณ์ได้ถูกกำหนดแล้ว เจ้าหนุ่มนี่ต้อให้มีปีกก็ยากโบยบิน!”
……
“สยบ!”
ชายหนุ่มชุดเพลิงคนหนึ่งตะโกน ถือทวนวงเดือนที่แสงเทพสีเขียวพันรอบฟันลงมา
เสียงเคร้งดังขึ้นคราหนึ่ง หลินสวินที่กำลังสกัดการจู่โจมอื่นๆ ไม่ทันตั้งตัว ถูกซัดถอยไปหลายก้าวติดกว่าจะทรงตัวได้
“ฟัน!”
อีกด้านหญิงชุดม่วงคนหนึ่งคว้าโอกาสนี้ ความเหี้ยมโหดแวบผ่านในดวงตา นางรอโอกาสนี้มานานมาแล้ว ฟันกระบี่นี้ออกมาอย่างไม่ลังเล
สีหน้าของรั่วอู่เปลี่ยนไปทันที
ปัง!
ด้านหลังหลินสวินปรากฏสัตว์เทพฟู่ซี่ตัวหนึ่ง เหมือนมีชีวิต แผ่กลิ่นอายอริยมรรค เข้าปะทะกับกระบี่ของอีกฝ่าย
ตูมโครม!
ในเสียงกึกก้องสะเทือนหู ร่างของหลินสวินดิ่งลงกะทันหัน รับไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งร่างร่วงหล่นกลางอากาศ กระแทกใส่ร่องน้ำ
โชคดีที่ไม่ได้ประสบเคราะห์
ชั่วขณะนี้จิตใจที่แขวนลอยของรั่วอู่เพิ่งจะสงบลง มกุฎอริยะคนอื่นๆ ก็คว้าโอกาส ลงมือติดต่อกัน!
พวกนี้ล้วนเป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้ว ประสบการณ์การต่อสู้หลากหลายอย่างที่สุด ทุกการโจมตีล้วนสะเทือนฟ้าดิน น่าสะพรึงกลัวไร้ขอบเขต
หลินสวินเสียเปรียบ แม้มรรควิถีเหี้ยมหาญ รากฐานพลังโดดเด่น แต่เมื่อเผชิญกับการล้อมสังหารของมกุฎอริยะสิบกว่าคน ก็เหมือนต้านทานไม่ไหวอยู่บ้าง
จนสุดท้ายยิ่งถูกซัดจนกระอักเลือด!
มือหยกทั้งคู่ของรั่วอู่อดกำแน่นไม่ได้ กัดริมฝีปากแดงจนแตกแล้วยังไม่รู้สึกตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องสนามรบ เตรียมพร้อมเข้าช่วยเต็มที่แล้ว
หลินสวินจะตายไม่ได้!
ขอแค่มีเขาอยู่ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณก็มีความหวังที่จะล้างความอับอายที่ผ่านมาในสมรภูมิเก้าดินแดน!
“ตาย!”
ตอนนี้มกุฎอริยะสิบเจ็ดคนอย่างพวกเลี่ยอวี้ไม่คิดจะชักช้าอีกต่อไปแล้ว ต่างลงมืออย่างเด็ดขาด
ทันใดนั้นกลางฟ้าดินมีประกายศักดิ์สิทธิ์ปั่นป่วน พลังอริยมรรคที่พวยพุ่งถ้วยนทั่วดุจจะปกคลุมฟ้าดิน แทบจะกดตีโลกจนจมลง
ระลอกคลื่นที่น่ากลัวนี้ ถึงขั้นทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนของเมืองอารักษ์มรรคสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่ปี้เจี้ยนฉยงยังอดหวั่นไหวไม่ได้
เผชิญหน้าการโจมตีที่สุดยอดนี้ หลินสวินที่ใบหน้าซีดเซียวไปบ้างอย่างเห็นได้ชัดไม่เพียงไม่เดือดดาล กลับยังยิ้ม ริมฝีปากส่งเสียงคำราม
“เปิด!”
ชั่วขณะนี้กลิ่นอายยิ่งใหญ่ไม่อาจประเมิน รุนแรงไร้เทียมทานพุ่งทะลวงฟ้าจากร่างกายเขา
ทั้งร่างของเขาราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ยังคงเป็นพลังปราณระดับมกุฎอริยะ แต่อานุภาพกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
พื้นที่ในรัศมีพันลี้ ห้วงอากาศล้วนสั่นไหว ครวญคร่ำไม่หยุด ราวกับยอมจำนน!
พร้อมๆ กันนั้นมือข้างหนึ่งของเขากดลงไป
ตูม!
วิชามรรคที่โจมตีมาทั้งหมด สมบัติที่ดุจกระแสน้ำพรั่งพรูหยุดชะงักโดยพลัน ราวกับถูกภูเขาแสนลูกขวางกั้น
จากนั้นระเบิดออกกะทันหัน!
กลางฟ้าดินละอองแสงราวกับโผบิน ประกายเทพไหลเวียน สั่นไหวและโกลาหล เสียงร้องด้วยความตกใจไม่รู้เท่าไหร่ดังขึ้นในเวลาเดียวกัน
ส่วนเงาร่างของหลินสวินได้ก้าวขึ้นฟ้าแล้ว ทลายสถานการณ์ล้อมสังหาร พลิกสถานการณ์ กวาดล้างสภาพที่ถูกกำราบจนสิ้น!
แสงมรรคงดงามราวกับละอองแสงวนเวียนสาดพรมรอบตัวหลินสวิน ดุจภาพฝันมายา สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งตัวของเขาเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินอย่างสมบูรณ์
ยืนอยู่ตรงนั้นง่ายๆ ก็มีอานุภาพที่ไม่อาจสั่นคลอนได้แล้ว
ห้วงอากาศพันลี้ครวญคร่ำ ราวกับกำลังยอมจำนนต่อนายเหนือหัวคนหนึ่ง!
ชั่วขณะนี้ผู้ชมการต่อสู้นับไม่ถ้วนล้วนอึ้งจนอ้าปากอ้าง
กำลังจะตายอยู่แล้ว สถานการณ์กลับพลิกผันในชั่วขณะนี้ นี่กะทันหันเกินไป ทำให้ใครก็คาดไม่ถึง
และการเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายของหลินสวิน ยิ่งทำให้คนตะลึง!
“สมควรตาย!”
บนกำแพงเมืองปี้เจี้ยนฉยงด่าทอเสียงต่ำ สีหน้ามืดทะมึน
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าการต่อสู้กำลังจะจบลงแล้ว จิตใจฮึกเหิม ไหนเลยจะคิดว่ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง พลันทำให้อารมณ์ของเขาย่ำแย่ขึ้นมา
รั่วอู่กลับเหมือนยกภูเขาออกจากอก ผ่อนคลายไปทั้งตัว เจ้าหมอนี่เหนือความคาดหมายเช่นนี้มาโดยตลอด ก็จริง บุคคลระดับเขาจะถูกกำราบง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร
ในสนามรบสีหน้าของมกุฎอริยะทั้งสิบเจ็ดอย่างพวกเลี่ยอวี้ต่างก็อึมครึมไม่สามารถสงบได้ หลินสวินในตอนนี้ถึงกับให้ความรู้สึกเหมือนเกิดใหม่จากนิพพาน ถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก
นี่ทำให้พวกเขายากจะเชื่อ
ทั้งที่เป็นระดับมกุฎอริยะแท้ เหตุใดจึงเกิดการเปลี่ยนสภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้
‘วิชาแห่งอริยมรรคของข้า จะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!’
หลินสวินพึมพำในใจ
เขาหรี่ตาเล็กน้อย ราวกับกำลังย้อนคิด
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ มกุฎมรรคาสามสายของเขาปลดปล่อยออกมาเต็มที่ ทำให้มรรคและกฎเกณฑ์ของเขาก็ถูกสำแดงออกมาด้วย
แม้ถูกกำราบมาโดยตลอด สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง แต่ในการเข่นฆ่านองเลือดนี้ กลับทำให้เขาเกิดการหยั่งรู้อย่างหนึ่ง เปิดประตูการรับรู้บานใหม่ออกมา
นอกประตูบานนี้ เกี่ยวข้องกับการสร้าง ‘วิชา’ ของตน!
วิชาลับร้อยพัน วิชาเยี่ยมยอดนับหมื่น ล้วนเป็นผู้อื่นสรรสร้าง มีเพียงการสร้างวิชาที่เป็นของตนออกมาอย่างแท้จริง จึงจะสามารถเป็นหนึ่งเดียวกับมรรควิถีของตนโดยสมบูรณ์ได้
ก่อนหน้านี้หลินสวินก็เคยใคร่ครวญคำถามนี้แล้ว แต่สุดท้ายก็เลือนรางเกินไป ราวกับชมบุปผากลางหมอก คว้าจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ
และในการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้เขาเข้าใจว่า ‘วิชา’ ของตนควรลงมือจากตรงไหน
นั่นก็คือละลายหลอมปราณ หลอมจิต หลอมกายไว้ในหม้อเดียวกัน หล่อมรรคและกฎเกณฑ์ของตนทั้งกาย
เมื่อหมื่นวิชาหวนกลับ อัตวิชาสำเร็จ!
การหยั่งรู้จุดนี้ก็ทำให้หลินสวินเข้าใจอย่างสิ้นเชิงว่า อยากจะไร้ศัตรูในระดับนี้ จะต้องมีวิชาไร้เทียมทาน!
ฝ่ามือที่พลิกสถานการณ์เมื่อครู่นี้ ก็เป็นการโจมตีที่เกิดจากการหยั่งถึง ‘วิชา’ ของหลินสวินในชั่วแวบ ความแข็งแกร่งของพลังทำเอาตัวหลินสวินเองยังรู้สึกประหลาดใจ
แน่นอนว่าต่อให้ไม่หยั่งถึงจุดนี้ หลินสวินก็มีวิธีที่จะพลิกสถานการณ์ เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่ถึงขั้นที่ทำให้เขาต้องเผยไพ่ไม้ตายที่แท้จริงอย่างอภินิหารหยุดเวลา
“ฆ่าเขาซะ!”
เลี่ยอวี้ตะโกน
ความเปลี่ยนแปลงในกลิ่นอายของหลินสวินทำให้พวกเขารู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี การจู่โจมจึงรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่หลินสวินในตอนนี้ หาใช่คนที่ก่อนหน้านี้จะเปรียบได้แล้ว
หยั่งรู้อย่างหมดจดแล้ว ฟ้าดินกว้างใหญ่ เปิดกว้างทั้งแถบ ทั้งโลกล้วนแตกต่าง
หยั่งรู้ไม่หมดก็เหมือนกบในกะลา ตรงหน้ามีเพียงท้องฟ้าผืนเดียว
ก็เหมือนอย่างตอนนี้ พอต่อสู้อีกครั้ง วิธีการจู่โจมของหลินสวินก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสมบูรณ์แล้ว
ฉัวะ!
ปราณกระบี่ไท่เสวียนสามพันสายเคลื่อนออกมา สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณที่ประทับอยู่ในปราณกระบี่ทุกสาย เป็นหนึ่งเดียวกับมหามรรค พลังกาย จิตวิญญาณและพลังปราณอย่างสมบูรณ์ เกิดท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘เป็นธรรมชาติสูงสุด มั่นคงหนึ่งเดียว’
ตูม โครม!
เพียงชั่วพริบตา การจู่โจมมากมายล้วนถูกปราณกระบี่ไพศาลซัดแตกสลาย ผ่าออก บีบจนเหล่ามกุฎอริยะบางส่วนถึงขั้นไม่หลบไม่ได้
“เช่นนี้แหละ!”
หลินสวินหัวเราะเสียงดัง
ก่อนหน้านี้พลังมกุฎมรรคาสามสายแยกออกจากกัน แม้สามารถเกิดการตอบสนองและเชื่อมต่อกันได้ แต่อย่างไรก็ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้เมื่อเขาลงมือ พลังมรรคาทั้งสามก็เริ่มหลอมรวมกัน ไม่แบ่งแยก และอานุภาพที่เกิดขึ้นกลับเพิ่มเป็นเท่าทวี!
ไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง ก่อเกิดหนึ่งเดียวอันสัมบูรณ์
และวิชาไร้เทียมทานนี้กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!
“ฆ่า!”
สีหน้าของมกุฎอริยะเหล่านั้นยิ่งมืดทะมึน สังหารเต็มกำลัง แต่ละคนราวกับบ้าคลั่ง
ก่อนหน้านี้หลินสวินยังถูกพวกเขากำราบอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์เลวร้าย แต่พริบตาเดียวกลับคล้ายมีสัญญาณแห่งการพลิกผัน นี่จะให้พวกเขายอมรับได้อย่างไร
“วันนี้จะเชือดสุนัขเฒ่าอย่างพวกเจ้า บูชาวิชาของข้า!”
และในเวลาเดียวกัน หลินสวินเองก็ออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ
หลังจากหยั่งรู้ความมหัศจรรย์แห่งไตรมรรครวมเป็นหนึ่งราวกับเปิดประตูบานหนึ่ง มีความคิดมากมายพวยพุ่งขึ้นในใจ ทำให้เขาปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพิสูจน์
ชิ้ง!
ดาบหักโฉบออกมาฟาดฟันอย่างเดือดดาล ราวกับธารสีเงินร่วงหล่นจากเก้าสวรรค์ ไอเข่นฆ่าที่พลิกฟ้าไพศาลม้วนตลบเข้ามา
อานุภาพระดับนั้น แข็งแกร่งกว่าที่ผ่านมาไม่เพียงแค่เท่าตัว
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท