บทที่ 51 โลกของนักบู๊(1)
คุณท่านจินนั่งพิงบนเก้าอี้ ทันใดนั้นก็หลับตาลง ทั้งตัวก็ดูแก่ขึ้นไปอีก 10 ปี
เฉินโม่ก็ไม่ได้เร่งรัด เขารู้ว่าให้คนแก่คนหนึ่งเลิกฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกมาครึ่งชีวิต มันโหดร้ายแค่ไหน
นี่ก็เป็นเหตุผลเดียวกับให้เฉินโม่ล้มเลิกการบำเพ็ญนั่นแหละ ยอมตายเสียดีกว่า เฉินโม่ก็ไม่สามารถล้มเลิกการบำเพ็ญได้เหมือนกัน
พานพบทะเลชางไห่ ทะเลอื่นก็ไม่อาจเปรียบปาน เคยเห็นความอัศจรรย์ของศิลปะการต่อสู้ จะมีใคร ยอมกลับไปเป็นคนธรรมดาบ้างล่ะ?
จินเพ่ยอวิ๋นเงียบ มองปู่เธออย่างตื่นเต้น เธอไม่ค่อยสนใจนักบู๊สักเท่าไหร่ แต่เธอเข้าใจถึงความสำคัญของนักบู๊ที่มีต่อปู่ของตัวเอง ตัวเลือกแบบนี้ ยากเกินไปแล้ว!
ผ่านไปไม่นาน คุณท่านจินค่อยๆลืมตา ใบหน้าปรากฏให้เห็นถึงความจำใจ
“เหอะๆ ฉันอายุ 72 ปีในปีนี้ อยู่ได้ไม่กี่ปีแล้ว ธุรกิจครอบครัวก็สั่งสมพอประมาณแล้ว ขอเพียงแค่คนรุ่นหลังไม่ทำให้ธุรกิจครอบครัวตกต่ำ ก็มากพอที่จะได้อยู่เป็นร้อยปี”
“การฝึกพลังบู๊ที่ไม่สมบูรณ์แบบนั่น เดิมทีก็ได้มาโดยบังเอิญ แต่ก็ประสบความสำเร็จในตระกูลจินมาก ฉันน่าจะพอใจแล้ว แต่ฉันยังดื้อดึงไม่ยอมรับผิด ยังคงโลภไม่รู้จักพอ ต้องการก้าวไปสู่ระดับต่อไป และไล่ตามวิชาบู๊แดนแปรภาพที่ไม่มีอยู่จริง? ดังนั้นถึงจะมีกรรมตามสนอง หลังจากทุกข์มาหลายสิบปี การฝึกฝนวิชาบู๊ เดิมทีก็ไม่ใช่ของฉัน ตอนนี้ ถึงเวลากลับมาแล้ว”
จินโจงรุ่นเผยถึงความมุ่งมั่น ระหว่างการฝึกฝนวิชาบู๊กับสุขภาพของตัวเอง เลือกอันหลังอย่างเด็ดขาด ไม่มีสุขภาพ ทั้งหมดล้วนแล้วก็เป็นแค่ภาพลวงตา
“เฉินไต้ซือ ฉันยินดีละทิ้งวิชาบู๊ แค่ขอให้ไต้ซือรักษาอาการเจ็บปวดของฉันให้หายดี ฉันยังคงยินดีแลกทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลจิน!” จินโจงรุ่นลุกขึ้นยืน ทำมือโค้งคำนับเฉินโม่ ด้วยท่าทีที่นอบน้อม
“ทรัพย์สินตระกูลจินของคุณ ฉันเอามาแล้วมีประโยชน์อะไร?” เฉินโม่พูดเบาๆ
จินโจงรุ่นอึ้ง กลับว่าเข้าใจผิดเจตนาของเฉินโม่ คิดว่าเฉินโม่รังเกียจที่ตัวเองให้ค่าตอบแทนน้อยเกินไป และรีบพูดว่า: “ถ้าไต้ซือว่ามันน้อยไป งั้นฉันก็จะเอาทรัพย์สินทั้งหมดภายใต้ชื่อของฉัน ให้ไต้ซือ!”
จินเพ่ยอวิ๋นตะลึง: “คุณปู่ ไม่ได้!”
ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของจินโจงรุ่น เพียงพอที่จะทำให้เฉินโม่กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงอันดับต้นๆของมณฑลฮ่านหยางในทันที ถ้าหากเป็นค่าตัวทั้งหมด มันสามารถทำให้เฉินโม่ติดอันดับหนึ่งในห้าของผู้มีอำนาจสูงในมณฑลฮ่านหยางในทันที
ค่าตอบแทนนี้ มันมากเกินไปหน่อย
เฉินโม่ส่ายหน้า: “คุณท่านจินเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้รังเกียจที่มันน้อยนะ เพียงแค่เรื่องเงินสำหรับฉันแล้ว เป็นแค่ของนอกกาย สำหรับฉันไม่เพียงแค่มันไร้ประโยชน์ ในทางกลับกันมันเป็นภาระ”
จินโจงรุ่นเพิ่งจะนึกขึ้นได้: “ใช่ๆ ฉันเลอะเลือน อย่างเฉินไต้ซือผู้มีความสามารถอายุน้อย ไม่ถึง 10 ปี ก็พอที่จะไปถึงวิชาบู๊ชั้นสูงสุด และจะสนใจเงินเล็กๆน้อยๆพวกนี้เหรอ?”
เมื่อได้ยินว่าเฉินโม่ไม่ได้รังเกียจที่มันน้อยไป จินเพ่ยอวิ๋นจึงโล่งใจเล็กน้อย
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันเรียกเก็บเงินเพียง 1 ล้านสำหรับค่าใช้จ่ายของยาเสริมจิต อีกสองสามวันตอนที่คุณส่งคนมารับยา ให้เงินฉันก็ได้แล้ว” เฉินโม่ค่อยๆพูด จากนั้นลุกขึ้นยืน และเตรียมตัวจากไป
จินโจงรุ่นแม้ว่าไม่อยากรออีกสองสามวัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะเฉยชาไม่ต้อนรับแขกรีบลุกขึ้น เตรียมจะส่งเฉินโม่ที่จากไป
แต่จินเพ่ยอวิ๋นกลับไม่อยากให้คุณปู่ต้องทนเจ็บปวดอีกสองสามวันแล้ว ลุกขึ้นถามว่า: “ในเมื่อเฉินไต้ซือสามารถรักษาอาการป่วยของคุณปู่ได้ แล้วทำไมจะต้องรออีกสองสามวันล่ะ? ตอนนี้เลยไม่ได้เหรอ?”
จินโจงรุ่นรีบตำหนิ: “เสี่ยวอวิ๋น อย่าเสียมารยาท ยาที่วิเศษอย่างนี้ จะต้องให้เวลาเฉินไต้ซือในการเตรียมตัวสิ”
เฉินโม่ก็ไม่ได้โมโห แต่รู้สึกจำใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ชั้นแรกแดนรวมพลัง แต่ยาเสริมจิตเป็นเพียงยาพื้นฐานที่สุดในโลกบำเพ็ญเซียน ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการกลั่นยาเสริมจิต เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าตระกูลจิน
แต่ว่า สมุนไพรของการกลั่นยาเสริมจิต กลับต้องให้เฉินโม่ไปซื้อ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เฉินโม่ไม่มีเงินแล้ว
เงิน 1 หมื่นที่ขายยันต์ เขาก็ใช้ไปเกือบหมดแล้ว ถ้าอยากซื้อสมุนไพร เขาต้องคิดหาวิธีหาเงินสักหน่อยถึงจะได้
“ที่จริง ก็ไม่จำเป็นต้องรอ 2-3 วันหรอกนะ เพียงแค่ฉันต้องการเตรียมสมุนไพรนิดหน่อย ถ้าพวกคุณช่วยฉันหาสมุนไพรเหล่านั้นได้ ฉันก็สามารถกลั่นยาเสริมจิตได้ทันที” เฉินโม่คิดว่าถ้าตัวเองไปซื้อสมุนไพรเอง ค่อนข้างเปลืองเวลา สู้ให้คนของตระกูลจินไปทำธุระให้ไม่ดีกว่าเหรอ
อีกอย่างนี่ก็ทำเพื่อรักษาอาการป่วยของคุณท่านจิน ให้คนของตระกูลจินไปซื้อยา พวกเขาจะต้องพยายามอย่างสุดแรง และสมุนไพรที่ซื้อมาก็น่าจะเป็นตัวที่ดีที่สุด
จินโจงรุ่นได้ยิน ก็ดีใจทันที: “ไม่ทราบว่าเฉินไต้ซือต้องการสมุนไพรอะไร ฉันจะสั่งให้คนไปจัดซื้อเดี๋ยวนี้!”
เฉินโม่ไม่เกรงใจ พูดว่า: “งั้นก็ได้ คุณไปเอากระดาษปากกามาจดหน่อย สิ่งที่ฉันต้องการ โสมอายุ 100 ปี ห่อสิ่วโอว 100ปี……”
บทที่ 50 เรื่องที่สอง(2)
บทที่ 52 โลกของนักบู๊(2)