บทที่ 64 คำเชิญของตระกูลอาน(2)
มองเห็นสายที่โทรเข้ามา เฉินโม่สีหน้าประชดประชัน น้ำเสียงเย็นชา: “ฮัลโหล คุณน้าเหมยถิง มีเรื่องอะไรครับ?”
“เสี่ยวโม่ สองสามวันที่หนูไม่ได้กลับมา น้าและคุณอาของหนูต่างก็เป็นห่วงหนูมาก เมื่อกี้แม่ของหนูโทรมาบอกว่าหนูเช่าบ้านข้างนอกอยู่ พวกเรามีตรงไหนที่ทำไม่ดีรึเปล่า ที่ทำให้หนูโกรธ?”เสียงของเหมยถิงมีเสน่ห์ เร่าร้อน ทำให้คนติดเข้าไปในกับดักได้ง่าย คิดว่าเธอเป็นห่วงตัวเองมากจริงๆ เฉินโม่ในชาติก่อนก็ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเหมยถิงหลอกไป ไม่ได้เห็นชัดหน้าตาที่แท้จริงของเธอ
ในชาตินี้ ในเมื่อเฉินโม่รู้หน้าตาที่แท้จริงของเหมยถิง แน่นอนว่าไม่มีทางจะถูกความเร่าร้อนของเธอหลอกอีก
“ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกท่าน เป็นเพราะตัวผมเองที่อยากอยู่คนเดียว ผมพูดอธิบายให้คุณแม่แล้ว”เฉินโม่พูดตอบอย่างเฉยชา
“จะเป็นแบบนี้ได้ยังไง? หนูยังเป็นแค่เด็ก อาศัยอยู่คนเดียวไม่ปลอดภัย? กินข้าวซักผ้าล่ะจะทำยังไง? จะออกไปกินข้าวข้างนอกทุกวันก็คงไม่ได้ อีกแถม ข้าวของข้างนอกก็ไม่ถูกสุขอนามัย ฟังคำของน้านะ หนูรีบย้ายกลับมาดีว่า”เหมยถิงพูดจาเป็นห่วงเป็นใยออกมามากมายอย่างรีบร้อน คนที่ไม่รู้ คงคิดว่าเธอถึงจะเป็นแม่ที่แท้จริงของเฉินโม่ซะอีก
เฉินโม่ยิ้มแห้ง น้ำเสียงก็ยังเฉยชา: “ขอบคุณความหวังดีของคุณน้า แต่ว่าผมมีความสามารถพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว แม่ผมก็อนุญาตแล้ว น้าไม่ต้องกังวลใจอีกแล้ว!”
เหมยถิงได้ยินท่าทีที่หนักแน่นของเฉินโม่ จึงเปลี่ยนคำแล้วพูด: “โอเค ย้ายหรือไม่ย้ายไว้พวกเราค่อยคุยกัน หนูกับเยว่เยว่ปิดเทอมกันแล้วไม่ใช่เหรอ กลางวันน้าจะทำของอร่อยให้พวกหนูกิน เป็นรางวัลให้กับพวกหนู เดี๋ยวสักพักหนูมาหน่อยได้ไหม?”
เฉินโม่รู้ดี เหมยถิงคิดอยากที่จะพูดห้ามต่อหน้า
เขาอยากปฏิเสธมาก ถ้าหากไปที่ตระกูลอาน หลีกไม่พ้นพวกพิธีรีตอง เขากลัวว่าจะยุ่งยาก
เหมือนว่าสัมผัสถึงความลังเลของเขา เหมยถิงพูดต่อว่า: “พอดีเลยที่คุณอาอานของหนูก็กลับมาแล้ว วันนี้หาได้ยากที่อยู่พร้อมหน้ากัน ก็มาทานอาหารพร้อมกันสักมื้อ อย่างแรกนี่ก็ปิดเทอมแล้ว หนูอีกไม่นานก็จะไปจากอู่โจวแล้วใช่ไหม ก็ถือว่าเป็นการอำลาล่วงหน้าให้กับหนู”
ได้ยินว่าคุณอาอาน เฉินโม่ลังเล สำหรับเหมยถิงและอานเข่อเยว่ เขาสามารถท่าทีเย็นช้าได้ แต่เขากลับไม่อยากให้อานโส่วอี่ต้องรู้สึกเสียใจ
“ได้ครับ กลางวันเดี๋ยวผมไป ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอวางสายก่อน”เฉินโม่พูดด้วยความรำคาญ
ได้ยินว่าเฉินโม่ยอมกลับไป เหมยถิงก็ดีใจขึ้นมาทันทีแล้วพูด: “โอเคๆ ไม่มีอะไรแล้ว กลางวันต้องมาให้ได้นะ!”
สิ้นสุดการโทรของเหมยถิง เฉินโม่ก็ได้ฝึกฝนต่อในค่ายกลรวมพลังทิพย์ พยายามเพื่อที่เข้าสู่ชั้นสองแดนรวมพลังโดยเร็ว
เมื่อใดที่เข้าสู่ชั้นสองแดนรวมพลัง เขาจะสามารถเลือกวิชาด้านหนึ่งในการฝึกฝน และยังสามารถผลิตอาวุธป้องกันตัววิเศษแบบง่ายๆขึ้นมาได้ด้วย ต้นทุนที่สามารถช่วยชีวิตได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
กลางวันเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง เฉินโม่สิ้นสุดการฝึกฝนด้วยตัวเอง หลังจากที่เข้าสู่ชั้นแรกแดนรวมพลัง เขาก็สามารถควบคุมเวลาการฝึกฝนของตัวเอง จะไม่รบกวนงานต่างๆเพราะการฝึกฝนอีก
เฉินโม่ออกจากบ้านเช่า นั่งรถโดยสารไปที่ตระกูลอาน
ตามความทรงจำที่จำได้ เฉินโม่มาถึงชานเมืองฝั่งตะวันตกของอู่โจว กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังก่อตั้งอยู่บนเนินเขาวิหคจอด ที่ตั้งยิ่งสูง มูลค่าก็ยิ่งสูง คฤหาสน์ที่แพงที่สุด ก็ต้องเป็นจุดสูงสุดของเนินเขาวิหคจอด เรือนสี่ประสานที่หรูหรานั้น ได้ยินมาว่า ถูกเศรษฐีอันดับหนึ่งของมณฑลฮ่านหยาง ว่านฉางหรูซื้อไปแล้ว
“ตระกูลว่าน เหอะๆ!”นึกถึงตระกูลว่าน มุมปากก็มีรอยยิ้มที่เย็นช้าเผยออกมา
ชาติก่อน หลังจากที่หลี่ซู่เฟินตายไป เฉินโม่สืบทอดเหม่ยหวา กรุ๊ป และถูกกว่างฮ่าน กรุ๊ปของตระกูลว่านกดขี่ จนสุดท้ายล้มละลาย
เวินฉิงเพื่อที่จะปกป้องเฉินโม่ กระทั่งยอมแต่งงานกับลูกชายของว่านฉางหรู ว่านเหวินโยว
แต่ว่า ตระกูลว่านไม่ได้ทำตามสัญญา ปล่อยเฉินโม่ไป แต่กลับกดขี่เฉินโม่ต่อไป กดขี่จนเฉินโม่ต้องฆ่าตัวตาย
เวินฉิงได้ยินข่าวนี้ ความอับอายความโกรธปนเข้าด้วยกัน โกรธจนผูกคอตายอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลว่าน
นึกถึงทุกสิ่งที่ตระกูลว่านทำกับตัวเอง หลังจากที่เฉินโม่เกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ระเบิดจิตสังหารมหาศาลออกมา
“ตระกูลว่าน หนี้ของชาติก่อนที่แกติดฉันไว้ ในชาตินี้ ฉันจะให้แกคืนกลับมาสิบเท่า!”
บทที่ 63 คำเชิญของตระกูลอาน(1)
บทที่ 65 มู่หรงยานเอ๋อร์(1)