Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1542 คัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิ

ตอนที่ 1542 คัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิ
ชายเกราะทองนามว่าทั่วหุนกู่ มาจากเผ่าอสนีปีกดำของดินแดนโบราณอสูรดาว ตัวเขาเองก็เป็นมกุฎอริยะคนหนึ่ง
จังหวะที่ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที เขาไม่ลังเลสักนิด ตั้งท่าจะบีบปีกส่งสารในมือให้แหลกละเอียด
สวบ!
แต่ที่ทำให้เขาตกใจคือ เงาร่างศัตรูยังไม่ทันมาถึง ปราณกระบี่สายหนึ่งก็เฉือนสังหารแหวกอากาศมาแล้ว เจตกระบี่อันกร้าวแกร่งไร้เทียมทานนั้น ผ่าห้วงอากาศออกเป็นสองท่อน!
แข็งแกร่งนัก!
ในใจทั่วหุนกู่ไหวสะท้าน ไม่อาจสนใจบีบปีกส่งสารแม้แต่น้อย ต้องเคลื่อนย้ายหลบหลีโดยพลัน เบี่ยงหลบไปด้านข้าง
ตูม!
ในตำแหน่งที่เขายืนอยู่ตอนแรกถูกปราณกระบี่ผ่าแหวกออกเป็นแอ่งน้ำยาวพันจั้งสายหนึ่ง ปราณกระบี่คละคลุ้ง โขดหินใกล้เคียงล้วนแตกกระจุย
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ดินแดนรกร้างโบราณถึงกับปรากฏมกุฎอริยะเช่นนี้
แววตาทั่วหุนกู่มีประกายแสงวาบผ่าน ตกใจไม่หาย พลังของกระบี่เมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายกรีดกระดูกอย่างหนึ่ง
เพียงแต่ไม่รอให้เขาคิดมากความ กลางห้วงอากาศปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าหวีดร้อง เคลื่อนขวางตัดสลับ ผาดโผนดุจประกายอสนีแน่นขนัด บั่นสังหารมาเยือน
กระบี่แต่ละสายล้วนมีอานุภาพพิฆาตภูผาธารา ชะล้างจักรวาล!
ในที่สุดทั่วหุนกู่ก็หน้าเปลี่ยนสี ตัดสินใจเผ่นหนีโดยไม่ลังเลสักนิด
อีกฝ่ายไม่เพียงมีมกุฎอริยะสองคน หนำซ้ำพลังต่อสู้ยังน่ากลัวอย่างที่สุด ทำให้เขาไม่กล้าปะทะซึ่งหน้าสักนิด
“ตาย!”
แต่ทันทีที่ทั่วหุนกู่หันตัว เสียงราบเรียบสายหนึ่งก็ดังก้องอยู่ข้างโสต
วู้ม!
สิ่งที่ตามมาพร้อมกันยังมีดาบหักที่เจิดจ้าดุจธาราสายหนึ่ง ลำพังแค่กลิ่นอายอริยมรรคที่ไหลรินออกมาจากคมดาบ ก็ไพศาลดุจสมุทร เรืองรองไร้ที่สิ้นสุด
“นี่…”
ทั่วหุนกู่ตกใจจนหนังหัวชาหนึบ ส่งเสียงคำรามลั่นสุดแรง โคจรพลังทั่วร่างถึงขีดสุด ก็เห็นบนเกราะทองที่ปกคลุมร่างกายเขาพลันปรากฏลายมรรคประกายสายฟ้าชั้นแล้วชั้นเล่าออกมา แน่นขนัดเจิดจ้า
และในมือขวาของเขา กลับถือกระถางสมบัติสีเลือดใบหนึ่ง กระแทกไปทางดาบหักอย่างจัง
ปึง!
อึดใจเดียว กระถางสมบัติสีเลือดก็ถูกฟันกระเด็น
นี่ทำให้ริมฝีปากทั่วหุนกู่กระอักเลือด ไม่กล้าเชื่อ เขาก็เป็นมกุฎอริยะเช่นเดียวกัน แต่ภายใต้การเข่นฆ่าระดับนี้ ถึงกับมีความรู้สึกประหนึ่งเล็กจ้อยไร้แรงต้านทาน!
นี่เป็นไปได้อย่างไร
เจ้าหมอนั่นโผล่มาจากไหนกันแน่
ไม่รอให้ทั่วหุนกู่ตอบสนอง หลังจากซัดกระถางสมบัติสีเลือดกระเด็น พลังของดาบหักไม่ลดน้อย ฟันฉันลงไปอย่างแรง กระแทกเข้ากับลายอสนีเกราะทองนั่น
ปึงๆๆ!
เสียงกระแทกที่สะเทือนโสตจวนจะหูหนวกกึกก้องประหนึ่งฟ้าคำราม และทั่วหุนกู่ก็เหมือนถูกอสนีบาต ร่างกายถูกซัดสะเทือนซวนเซถอยกรูด
ทุกครั้งที่ถอยหนึ่งก้าว สีหน้าก็ซีดลงหนึ่งส่วน ลายอสนีเกราะทองที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็เริ่มแตกออก…
จนกระทั่งตอนที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง เสียงระเบิดสนั่นดังตูมคราหนึ่ง เกราะทองที่ป้องกันอยู่เบื้องหน้าร่างกายเขาคล้ายหมดสภาพก็ไม่ปาน แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นละอองแสงสาดพรมทั่วฟ้า
พรูด!
ทั่วหุนกู่อดกระอักเลือดคำโตออกมาอีกครั้งไม่ได้ ร่างกายล้วนกระตุกเกร็งรุนแรงเพราะความเจ็บปวด
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
พลังของการโจมตีนี้แม้สุดท้ายจะถูกสลายไปได้ แต่กลับซัดกระถางสมบัติของเขาลอยกระเด็น ทำลายเกราะทองของเขา ยิ่งทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส!
และในเวลานี้ทั่วหุนกู่เพิ่งจะมองเห็นลักษณะของคนที่ลงมือได้ถนัดตา
เงาร่างสูงโปร่ง อาภรณ์สีขาวพระจันทร์ หน้าตาหล่อเหล่า ผมสีดำปลิวไสวดูไร้หลุดพ้นดั่งเซียนจุติลงมา แต่อานุภาพของเขากลับเย้ยฟ้าประหนึ่งเทพมาร
“เจ้านี่ คงไม่ใช่ว่าเป็น…”
ชั่วอึดใจทั่วหุนกู่พลันฉุกคิดเรื่องใหญ่ที่สะเทือนสมรภูมิเก้าดินแดนเมื่อไม่นานมานี้ ตัวต้นเรื่องของเรื่องใหญ่ที่ว่านั่น คือมกุฎอริยะดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งที่ชื่อหลินสวิน
เคยบุกสังหารสามหมื่นลี้เพียงลำพัง พลิกม้วนคลื่นลมในโลกมารโลหิต!
ซ้ำยังเคยปิดเมืองแห่งหนึ่งด้วยตัวคนเดียว!
สวบ!
ความคิดนี้เพิ่งแวบผ่านสมองของทั่วหุนกู่ การโจมตีของหลินสวินก็มาเยือนแล้ว
พร้อมๆ กับเสียงคำรามชัดก้องที่สะท้อนกระหึ่ม ดาบหักดุจมายา ใช้อานุภาพดุดันไร้ทัดเทียมบั่นหัวของทั่วหุนกู่จนลอยคว้างกลางอากาศ
ก่อนสิ้นใจ บนสีหน้ายังคงเจือความตระหนกตกใจอยู่
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เข้าใจเลยสักนิด ว่าเหตุใดทั้งที่อยู่ระดับเดียวกัน ทว่าพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายกลับน่าสะพรึงเช่นนี้
ยิ่งไม่เข้าใจว่าตนที่เปรียบเสมือนนายเหนือหัวในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้ ถึงกับไม่อาจต้านการโจมตีเดียวเช่นนี้…
ปึง!
ครู่ต่อมาศีรษะของทั่วหุนกู่ก็แตกระเบิด พลังจิตล้วนถูกป่นแหลก
เพียงแต่เสี้ยวสุดท้ายก่อนสิ้นใจศพไร้หัวของเขาได้บีบปีกส่งสารที่กำแน่นอยู่ในมือ จากนั้นรุ้งเทพสายหนึ่งก็ส่งเสียงแสบหูออกมา พุ่งทะยานชั้นฟ้า
“นี่คือสมบัติส่งสาร เจ้าหมอนี่กำลังเตือนพวกพ้องของเขา! ดูจากจุดนี้ ในอาณาเขตแถวนี้จะต้องมีมกุฎอริยะมากกว่าหนึ่งคนแน่!”
เงาร่างของรั่วอู่โรยมาอยู่กลางลาน เนตรดาราปรากฏความเคร่งขรึม
สวบ!
หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เก็บเลือดและศพของคนผู้นี้เอาไว้
ขณะเดียวกันเขาเอาเศษเสี้ยววิญญาณที่หลงเหลือของทั่วหุนกู่ส่วนหนึ่งมอบให้กับเสี่ยวอิ๋น กล่าวว่า “ตรวจสอบที เจ้าหมอนี่รู้เรื่องของเจ้าคางคกกับอาหลู่หรือไม่”
เสี่ยวอิ๋นเองก็รู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ ไม่กล้าอืดอาด
“นายท่าน พวกเขากำลังล้อมจับองค์ชายเซ่าเฮ่า!”
ไม่ทันไรเสี่ยวอิ๋นก็ส่งเสียงตกใจออกมา
หลินสวินและรั่วอู่ต่างก็อึ้งไป เหตุใดถึงลามไปถึงเซ่าเฮ่าได้อีกกันเล่า
“ก่อนหน้านี้ไม่นานแดนลับนรกโลกันตร์ปิดม่าน ตอนที่ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณออกจากแดนลับนรกโลกันตร์ก็ถูกคุกคามจากแปดดินแดนอื่น องค์ชายเซ่าเฮ่าปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้น ช่วยชีวิตผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณออกไปหนึ่งกลุ่มใหญ่”
“และเป็นในตอนนั้นที่องค์ชายเซ่าเฮ่าประสบการไล่ล่าสังหารของมกุฎอริยะจากแปดดินแดนทั้งกลุ่ม ตอนนี้ก็ถูกล้อมอยู่ในส่วนลึกของทะเลทรายแถบนี้”
จากนั้นเสี่ยวอิ๋นรีบเอ่ยทันที “ตอนนี้ละแวกพื้นที่แถบนี้ล้วนถูกกองกำลังแปดดินแดนปิดผนึกไว้แล้ว สันนิษฐานจากจุดนี้ เกรงว่าต่อให้องค์ชายเซ่าเฮ่าติดปีกก็ยากจะบินหนีแล้ว!”
หลินสวินและรั่วอู่ต่างสบสายตากันปราดหนึ่ง ล้วนเดาได้ถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง
หลังจากแดนลับนรกโลกันตร์ปิดม่าน เจ้าคางคกและอาหลู่ก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ประสบกับภัยคุมคาม แต่กลับถูกองค์ชายเซ่าเฮ่าที่ปรากฏตัวได้ทันเวลายื่นมือช่วยพาหนี
เพียงแต่ว่า ด้วยเหตุนี้ก็ทำให้องค์ชายเซ่าเฮ่าถูกแปดดินแดนอื่นจับตามอง เห็นเขาเป็นเป้าหมายจำเป็นต้องฆ่า ไล่ล่าสังหารตลอดทางมาจนถึงที่แห่งนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็ลอบอุทานว่าท่าไม่ดี
หากเซ่าเฮ่าตาย ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณทั้งกลุ่มที่ถูกเขาช่วยพาหนีก็จะต้องประสบเคราะห์ด้วยเช่นกัน หากเจ้าคางคกกับอาหลู่ก็อยู่ในนั้นด้วย ย่อมไม่มีทางมีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน
“เมื่อครู่เจ้าหมอนี่ยังเฝ้าอยู่ที่นี่ นี่ก็ยืนยันได้ว่าการล้อมสังหารของพวกเขาอาจจะยังไม่สำเร็จ พวกเรายังมีโอกาส”
รั่วอู่วิเคราะห์อย่างใจเย็น
“ไป!”
หลินสวินไม่กล้าล่าช้าอีกต่อไป กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนเป็นขึงขังหาใดเปรียบ ความร้ายแรงของสถานการณ์เหนือกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง ทำให้เขาเองก็ร้อนใจดุจไฟเผาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไอสังหารลุกโชน
ส่วนลึกของทะเลทรายที่ไพศาลดุจดั่งไร้ขอบเขต กลางฟ้าดินถูกปกคลุมด้วยม่านแสงสีม่วงอันยะเยือกเย็นชั้นหนึ่ง
ม่านแสงสีม่วงเจิดจรัสแวววาว คละคลุ้งด้วยระลอกคลื่นมหามรรคแห่งยุค
เมื่อมองอย่างละเอียด สิ่งที่ก่อขึ้นเป็นม่านแสงสีม่วงนี้ คืออักษรโบราณที่แน่นขนัดดุจกระแสน้ำหลากแถวแล้วแถวเล่านั่นเอง
อักษรแต่ละตัวล้วนใสวาวดั่งจินดา หนาหนักดุจมหามรรค ทุกขีดทุกเส้นล้วนเปี่ยมท่วงทำนองอัศจรรย์เร้นลับ
เสมือนว่านั่นไม่ใช่อักษร หากแต่เป็นสิ่งมีชีวิตเป็นๆ รวมตัวอยู่ด้วยกัน เบื้องบนเชื่อมฟ้า เบื้องล่างจรดดิน ร่ายระบำตลบม้วนไม่หยุด
เป็นภาพที่แปลกพิสดารสะท้านโลก!
บริเวณที่ม่านแสงสีม่วงอันงดงามปกคลุม องค์ชายเซ่าเฮ่านั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น เส้นผมปลิวไสว บนใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ทัดเทียมเปี่ยมด้วยแววซีดขาว
เหนือศีรษะของเขาปรากฏตำราฉบับหนึ่ง ตัวเล่มดุจดั่งสร้างขึ้นจากหยกสีม่วง หน้าตำราพลิกเปิดดังกรอบแกรบ ปลดปล่อยตัวอักษรที่ราวประดิษฐ์ขึ้นจากมหามรรคแถวแล้วแถวเล่า แหวกม่านแสงสีม่วงที่ประหนึ่งเชื่อมฟ้าดินแถบนี้ออกมา!
นอกม่านแสงมีเงาร่างมากมาย สี่ทิศแปดทางล้วนมีมกุฎอริยะสิบกว่าคนยืนอยู่
พวกเขามีทั้งชายหญิง บ้างก็แผ่นหลังงอกปีกสองข้าง บ้างก็ร่างกายสูงใหญ่ บ้างก็ทั่วร่างแห่ห้อมด้วยลายมรรคแสบตา บ้างก็ยืนตระหง่านอยู่เหนือเมฆมงคล…
แต่ละคนทั่วทั้งร่างล้วนส่องประกาย อานุภาพศักดิ์สิทธิ์ไพศาล เงาร่างกระจายตัวอยู่ตำแหน่งต่างกัน ปิดล้อมม่านแสงสีม่วงแถบนี้ไว้อย่างสมบูรณ์
ตูม!
ประทับใหญ่ กระถางเก่าแก่ ทวนศึก กระบี่เทพ ขวานยักษ์… สมบัติอริยะแต่ละชิ้นมีแสงหลากสีไหลเวียน ถูกมกุฎอริยะแต่ละคนควบคุม กระหน่ำโจมตีม่านแสงสีม่วง สาดแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์ที่แสบตาเจิดจ้า เสียงกึกก้องกระหึ่มสะท้อนเก้าชั้นฟ้า
วิชามรรคที่อานุภาพสุดหยั่งมากมายตัดสลับอยู่กลางห้วงอากาศ ฉายลักษณ์ประหลาดสะท้านโลก บุกโจมตีควบคู่ไปกับสมบัติอริยะ
ภาพฉากระดับนี้ทำเอาฟ้าดินเปลี่ยนสี พาให้สถานที่ในละแวกพันลี้ล้วนถูกจมมิด!
และในการบุกพิฆาตระดับนี้ ม่านแสงสีม่วงที่ประหนึ่งเชื่อมฟ้าดินนั่นก็กำลังโคลงเคลงรุนแรง ส่งเสียงครวญดังวู้มๆ ไม่หยุด
“คิดไม่ถึง ในมือเจ้านี่ถึงกับควบคุมคัมภีร์สมบัติสูงสุดแห่งมรรคจักรพรรดิที่สมบูรณ์แบบเล่มหนึ่ง! รีบเร่งกำลังโจมตีเขา ฮุบสมบัตินี้เอาไว้เร็ว!”
มีคนสีหน้าเดือดคลั่ง ในแววตาเต็มไปด้วยความละโมบ
คัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิ นี่เป็นถึงสมบัติที่เพียงพอจะทำให้คนใหญ่คนโตจำพวกราชันอริยะ กึ่งจักรพรรดิต่างน้ำลายไหล แต่ละเล่มสามารถสะท้อนอดีตสะเทือนปัจจุบัน ทำให้ปวงสวรรค์สั่นสะท้าน!
และมีเพียงคัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิ จึงจะมีลักษณะใหญ่โตเช่นนี้ได้ อาศัยแค่กลิ่นอายก็หยุดยั้งการบุกโจมตีของมกุฎอริยะสิบกว่าคนได้
“แม้จะเป็นในดินแดนโบราณต้าหลัวของข้า คัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิล้วนเรียกได้ว่าสะท้านโลก ถูกขุมอำนาจระดับจักรพรรดิที่อยู่เหนือสุดควบคุม แต่เซ่าเฮ่าคนนี้กลับใช้ประโยชน์จากคัมภีร์จักรพรรดิเล่มหนึ่งเพียงคนเดียว!”
และมีคนรู้สึกอิจฉา ริษยาหาใดเปรียบ
มกุฎอริยะแล้วอย่างไร ในแปดดินแดนก็หาใช่กลุ่มคนที่อยู่สูงที่สุด
สำหรับพวกเขาแล้ว คัมภีร์จักรพรรดิเล่มหนึ่งเรียกได้ว่ามูลค่ามหาศาลเช่นเดียวกัน ถึงขั้นไม่กล้าเพ้อฝันว่าจะได้ครอบครอง!
แต่ตอนนี้บนตัวคนรุ่นเยาว์ของดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง กลับพกคัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิเล่มหนึ่งติดตัว จะไม่ให้พวกเขาริษยาได้อย่างไร
“ไม่จำเป็นต้องพูดพล่าม รอให้ฆ่าเขาเสร็จ พวกเราก็จะใช้ประโยชน์จากคัมภีร์จักรพรรดิเล่มนี้ร่วมกัน!”
มีคนตะโกนลั่น
ไม่นานพลานุภาพโจมตีของมกุฎอริยะทั้งกลุ่มนี้ก็ยิ่งดุดันขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนถูกความละโมบควบคุม ดึงประสิทธิภาพทั่วร่างออกมา
ม่านแสงสีม่วงที่อักษรมรรคไหลเวียนสั่นโคลงรุนแรงไม่หาย เริ่มส่อแววยืนหยัดไม่ไหว จวนจะแตกสลายแล้ว
“หากอยู่ในโลกภายนอก ไหนเลยจะเป็นเช่นนี้…”
ภายในม่านแสง องค์ชายเซ่าเฮ่าถอนหายใจเบาๆ
คัมภีร์จักรพรรดิเหนือศีรษะของเขา เป็นมรดกสูงสุดของเผ่าจักรพรรดิเร้นดารา
แม้จะเป็นคัมภีร์เล่มหนึ่ง แต่กลับประทับกลิ่นอายมรรคจักรพรรดิ หากอยู่ในโลกภายนอก ต่อให้ราชันอริยะลงมือยังยากจะสั่นคลอนพลังของคัมภีร์นี้
ทว่าในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้ พลังของคัมภีร์จักรพรรดิเล่มนี้ก็ถูกสะกดควบคุมเช่นกัน ระลอกคลื่นกลิ่นอายที่สำแดงออกมาแม้จะแข็งแกร่ง แต่ท้ายที่สุดก็ยังห่างชั้นไกลลิบเมื่อเทียบกับโลกภายนอก
หนำซ้ำภายใต้การโจมตีไม่หยุดหย่อนของศัตรูภายนอก พลังของคัมภีร์จักรพรรดิกำลังถูกกร่อน จวนจะพังทลาย!
“ทุกท่าน เวลาไม่มากแล้ว อีกเดี๋ยวข้าจะรวบรวมพลังทั้งหมด เบิกเส้นทางโลหิตสายหนึ่งให้แก่ทุกคน ฉกฉวยโอกาสรอดสายหนึ่ง ต่อไปจะเป็นหรือตาย ก็อยู่ที่ชะตาของแต่ละคนแล้ว”
เซ่าเฮ่าสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สีหน้าเยือกเย็น หว่างคิ้วเจือแววผงาดกร้าว
เขาเอี้ยวหัวมองไปทางด้านหลัง
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท