บทที่ 200
บทที่ 202
เขาหลิงอู่ บึงน้ำดำ เฉินโม่เก็บตัววันที่ 14
ตอนเที่ยง หมอกควันที่มาจากมลพิษโหมกระหน่ำในอากาศ เฉินโม่ลืมตา
แสงสีทองสาดส่องออกมาจากนัยน์ตาของเฉินโม่ เก็บซ่อนไว้ทันที ร่างกายของเฉินโม่มองดูแล้วเหมือนดาบคมที่ออกจากฝัก บนตัวของเขามีออร่าที่ทรงพลังที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว
“ร่างธาตุทองสมบูรณ์แบบมาก ตอนนี้ร่างกายของฉัน ถึงแม้ว่ารับกับกระสุนธรรมดาก็ไม่มีปัญหา”
ถ้าหากมองด้วยกล้องจุลทรรศน์ ก็จะพบว่าทั้งตัวของเฉินโม่ แม้แต่เซลล์ที่เล็กที่สุด ล้วนประกอบไปด้วยพลังชะตาธาตุทองที่แข็งแกร่ง และก็พูดได้ว่าร่างกายของเฉินโม่ เทียบได้กับธาตุทองที่แข็ง
เฉินโม่หันหลัง คว้าแก้วหินหยกทองที่ด้านหลังทันที หินที่แข็งเหล่านั้น อยู่ในมือของเฉินโม่เปราะบางอย่างกับเต้าหู้เลย อีกอย่าง เฉินโม่กลับว่าไม่ได้ใช้พลังทิพย์เลยสักนิด ใช้เพียงแค่พลังของร่างกาย
ไม่นาน เฉินโม่ก็ขุดช่องทางด้วยมือเปล่า เดินเข้าไปในเนินเขา หลังจากนั้นหยิบหินหยกสีทองเรืองอร่าม ขนาดเท่ากำปั้นออกมา
“ที่แท้หยกรวมสารแก้วทองที่เดิมทีใหญ่เท่าบาสเกตบอลเหลือขนาดเท่านี้แล้ว แต่ว่าก็สามารถสร้างอาวุธวิเศษได้หลายชิ้น มอบให้แม่และพี่เวินฉิงไว้ป้องกันตัว”
เฉินโม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคิดอยากจะโทรหาหลี่ซู่เฟิน พบว่าโทรศัพท์ไม่มีแบตตั้งนานแล้ว ปิดเครื่องอัตโนมัติ
“ไปอำเภอเฮยสุ่ยก่อน หาที่ชาร์จแบต”
พกหยกรวมสารแก้วทองชิ้นนั้นไป เฉินโม่ออกจากเขาหลิงอู่แล้ว
เฉินโม่ออกจากอู่โจววันที่ 15 และเป็นวันสุดท้ายที่พรรคภูตผียืดให้เฉินซงจื่อ ผ่านวันนี้ไป ถ้าหากเฉินโม่ยังไม่ปรากฏตัว ก็จะฆ่าซังซังและเอียนชิงเฉิง
แต่โทรศัพท์เฉินโม่ยังคงปิดเครื่องอยู่ เฉินซงจื่อและพวกหมดหวังแล้ว เตรียมตัวสู้จนถึงที่สุดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
……
ณ ถนนสายหนึ่งในเขตชานเมืองอู่โจว ครอบครัวของเจี่ยงหยาวได้เช่าบ้านที่ด้านหน้าติดถนนใหม่อีกครั้ง เปิดร้านอาหารอีกครั้งแล้ว
แม่ของเจี่ยงหยาวมองไปยังถนนที่เงียบสงัด ถอนหายใจ : “ถนนสายนี้เมื่อเทียบกับถนนเหวินเสียงสายนั้น ด้อยกว่าเยอะ ไม่มีคนเลยด้วยซ้ำ”
พ่อของเจี่ยงหยาวสีหน้าจนใจ : “อย่าบ่นเลย ขอเพียงแค่หวงเจิ้นไม่มาวุ่นวายอีกก็พอแล้ว นี่เป็นร้านที่ 3 แล้ว ถ้าหากพวกหวงเจิ้นยังไม่พอใจ งั้นพวกเราก็ทำได้เพียงกลับบ้านเก่าแล้ว”
เพิ่งจะพูดจบ รถตู้วู่หลิงคันหนึ่งมาจอดที่หน้าประตูร้านแล้ว หวงเจิ้นพาลูกน้องเข้ามา3-4คนพร้อมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
“ฉันว่าทำไมพวกแกถึงยังไม่ยอมแพ้อีก ไม่นึกเลยว่าจะเปิดร้านอาหารอีกแห่งแล้ว ต้องให้ฉันพูดให้ชัดเจนไหม?” หวงเจิ้นสูบบุหรี่ ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์
แม่ของเจี่ยงหยาวพูดด้วยความโมโหว่า : “พวกเราย้ายกันมาอยู่ที่นี่แล้ว แกยังคิดจะเอายังไง?”
“ฉันคิดจะเอายังไง?ฉันอยากให้พวกแกไสหัวออกไปจากอู่โจว ตอนนี้ฟังเข้าใจแล้วสินะ!” หวงเจิ้นสีหน้าเย่อหยิ่ง
ด้านข้าง จางหู่ที่ติดตามครอบครัวเจี่ยงหยาวมาตลอด ลุกขึ้นยืนทันที : “หวงเจิ้น นี่แกต้องการกำจัดให้สิ้นซาก?ไล่พวกเขาออกไปจากอู่โจว ก็เป็นการตัดช่องทางอยู่รอดพวกเขา!”
หวงเจิ้นจองหอง เผยรอยยิ้มที่รู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของคนอื่น : “ฉันสนใจหรือไงว่าพวกเขาจะเป็นตามร้ายดียังไง ใครใช้ให้พวกเขาไม่เชื่อฟังตั้งแต่แรก ถ้าหากจ่ายค่าคุ้มครองอย่างเชื่อฟัง จะเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ที่ไหนกันละ?”
ครอบครัวของเจี่ยงหยาวสีหน้าเคร่งขรึม ค่าคุ้มครองนั่นสูงกว่าจางหู่เก็บเท่าตัว พวกเขาแบกรับไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ
แม่ของเจี่ยงหยาวโมโหจนร้องไห้เลย ในใจสิ้นหวังแล้ว พวกเขาเคยต่อต้านก็แล้ว แจ้งความก็แล้ว แต่เมื่อตำรวจมา ถามสถานการณ์แล้วก็ออกไป หลังจากนั้นหวงเจิ้นก็พาคนมาพังร้านอีก พวกเขาจนปัญญาแล้ว
แม่ของเจี่ยงหยาวพูดวิงวอนว่า : “ฉันขอร้องแกละ เว้นช่องทางทำมาหากินให้เราเถอะ ฉันคุกเข่าให้แกแล้ว!”
พูดแล้ว แม่ของเจี่ยงหยาวคุกเข่าลงกับพื้น โขลกศีรษะให้หวงเจิ้นเลย
“แม่ แม่อย่าทำแบบนี้ แม้ว่าแม่จะขอร้องเขาก็ไม่มีประโยชน์ แม่รีบลุกขึ้นมา!”เจี่ยงหยาวเดินเข้าไปดึงแม่ให้ลุกขึ้นอย่างปวดใจ จ้องมองหวงเจิ้นที่ใบหน้าเย็นชาด้วยความโกรธ ในใจคิดถึงเฉินโม่อย่างมาก : “พี่เฉินโม่ พี่อยู่ที่ไหนกันแน่?”
“พอแล้ว รีบไสหัวออกไปจากอู่โจว ไม่เช่นนั้นพวกแกไม่มีจุดจบที่ดีแน่” หวงเจิ้นโบกมือพร้อมยิ้มอย่างเยือกเย็น : “พัง!”
ลูกน้องเหล่านั้นมุ่งไปยังร้านอาหารทันที ทุบจนพังอย่างกำเริบเสิบสาน
จางหู่มองอย่างโมโหราวกับว่าเบ้าตาจะฉีกออก คำรามด้วยความโกรธ : “หวงเจิ้น ฉันจะสู้กับแก รอคุณเฉินกลับมา ฉันจะดูว่าแกจะตายยังไง!”
พูดจบ จางหู่พุ่งเข้าไปยังพวกลูกน้องของหวงเจิ้นที่เตรียมจะทุบร้านอาหาร