บทที่ 235
เมื่อมองเห็นสีหน้าลังเลของเวินฉิง เฉินโม่เดินมาข้างหน้าทันที เขาจับมือของเวินฉิงเอาไว้และพูดอย่างอ่อนโยน:”พี่เวินฉิง พี่เชื่อใจฉันเถอะ เขาไม่กล้าถอนหุ้นอยู่แล้ว”
เวินฉิงมองเห็นความเชื่อมั่นจากใบหน้าของเฉินโม่ ทำให้เธอตกใจเล็กน้อย เธอคิดไม่ออกจริงๆว่าเฉินโม่เอาความเชื่อมั่นแบบนี้มาจากไหน
“พี่วางใจได้ ถึงแม้ตระกูลฉือจะถอนหุ้น ฉันก็สามารถหาเงินมาทดแทนให้บริษัทได้ เชื่อใจฉันได้!”สายตาที่เฉินโม่มองเวินฉิงนั้น เป็นสายตาที่อบอุ่นมากๆจนหาคำมาอธิบายไม่ถูก
มองเห็นดวงตาสีดำอันอบอุ่นของเฉินโม่ ทำให้จิตใจของเวินฉิงค่อยๆสงบลงทันที
นี่เป็นดวงตาอะไรกันแน่!
สายตาอันนิ่งๆแต่สามารถมองทุกอย่างจนทะลุปรุโปร่ง สายตาอันอ่อนโยนแต่กลับแฝงไปด้วยความเปลี่ยนแปลง นี่ไม่ใช่สายตาของเด็กประถมปลายปีที่สามควรมี แต่ควรเป็นสายตาของคนที่เผชิญโลกกว้างมาแล้วต่างหาก
ในเวลานี้ จู่ๆหัวใจของเวินฉิงก็เต้นเร็วขึ้น เธอไม่กล้าสบตากับเฉินโม่อีก
จู่ๆเธอก็พบว่าเฉินโม่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เปลี่ยนไปจนเธอจำไม่ได้ เมื่อก่อนเฉินโม่จะชอบแต๊ะอั๋งเธอตลอดเวลา แต่มันก็เป็นการแกล้งของเด็กผู้ชายเท่านั้น ตอนนี้ถึงแม้เฉินโม่จับมือของเธอเอาไว้ แต่เขาไม่ได้ขยับตัวเลย ราวกับเขากำลังปลอบโยนจิตใจของเธออยู่
อย่างไรก็ตาม เวินฉิงรู้สึกว่ามือของเฉินโม่อบอุ่นมากๆ ทำให้จิตใจของเธอนิ่งสงบทันที เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าตัวเองไม่ใช่เด็กมัธยมปลายเลย แต่เป็นผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่และมีเสน่ห์มากๆ
นี่คือครั้งแรกที่เวินฉิงเผชิญหน้ากับเฉินโม่ และมีท่าทางเหมือนเด็กผู้หญิง เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกกังวลและกลัวมากๆ
ทำให้เวินฉิงหน้าแดงด้วยความเขินอาย เธอก้มหน้าลง เธออยากจะเดินหนีไปแต่ก็ไม่กล้า ราวกับเธอเจอคนที่ตัวเองชอบกำลังสารภาพรักกับเธออยู่ ทำให้เธอรู้สึกดีใจ ปลาบปลื้มและทำตัวไม่ถูก
ฉือรุ่ยปิงที่เป็นคนเจ้าชู้ เขามองปุ๊บก็ดูออกว่าสีหนาของเวินฉิงเปลี่ยนไป สายตาของเขาที่มองเฉินโม่เย็นชาและโหดเหี้ยม:”แม่งเอ๊ย ฉันจีบผู้หญิงคนนี้มานานมากๆ แต่เธอกลับไม่สนใจฉันเลย คิดไม่ถึงจริงๆว่าเธอจะชอบเด็กหนุ่มไร้ประโยชน์คนนี้ เรื่องนี้ทำให้ฉันโกรธมากๆ”
“ฉันจะต้องสั่งสอนเด็กหนุ่มคนนี้ให้ได้ ทำให้ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าฉันเป็นผู้ชายที่มีความสามารถมากๆ และทำให้เธอรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่ไร้ประโยชน์มากๆ”
ฉือรุ่ยปิงโกรธจนเลือดขึ้นหัว ตอนแรกเขาคิดจะข่มขู่เท่านั้น แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว เขาโทรศัพท์หาพ่อของเขาทันที
“เด็กหนุ่ม เรื่องนี้คุณเป็นคนพูดออกมาเอง ฉันจะโทรหาพ่อของฉันตอนนี้เลย เมื่อถึงตอนนั้นฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน หลังจากตระกูลฉือของพวกเราถอนหุ้นแล้ว คุณจะเอาเงินจากไหนมาช่วยบริษัท!”
สีหน้าของฉือรุ่ยปิงเต็มไปด้วยความดูถูกเยาะเย้ย และโทรหาฉือโฉงหวาที่เป็นพ่อของเขาทันที
เพื่อข่มขู่ให้เฉินโม่รู้สึกหวาดกลัว ฉือรุ่ยปิงเปิดลำโพงทันที
“มีเรื่องอะไร?”เมื่ออีกฝ่ายรับสาย ก็มีน้ำเสียงเคร่งขรึมของชายวัยกลางคนดังขึ้นทันที
จู่ๆสายตาของฉือรุ่ยปิงฉายแววหวาดกลัวและเสียใจภายหลังทันที เมื่อสักครู่เขาโกรธจนเลือดขึ้นหัว ทำให้เขาลืมความน่ากลัวของพ่อตัวเองทันที ถ้าคุณพ่อไม่รับปากเรื่องนี้ เขาคงเสียหน้ามากๆอย่างแน่นอน?
อย่างไรก็ตาม ทุกคนมองหน้าเขาอยู่ ทำให้ฉือรุ่ยปิงจำใจต้องพูดเรื่องนี้ออกมา
“คุณพ่อ ผมคือรุ่ยปิง คือเรื่องเป็นอย่างนี้ วันนี้ลูกชายของประธานกรรมการหลี่มาที่บริษัท เมื่อพบหน้ากันเขาก็ดูถูกเหยียบหยามผมทันที เขาบอกให้ตระกูลของเราถอนหุ้นเลย ถึงแม้เขาจะเป็นลูกชายของประธานกรรมการ แต่เขาก็ไม่ควรมารังแกผมแบบนี้ คุณพ่อต้องจัดการเรื่องนี้แทนผมด้วย!”
ฉือรุ่ยปิงจงใจพูดโกหก ทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร เพราะเขาต้องการทำให้พ่อของตัวเองรู้สึกโกรธ เมื่อคุณพ่อโกรธมากๆก็คงถอนหุ้นทันที
เวินฉิงมองหน้าฉือรุ่ยปิงด้วยความดูถูกและด่าอยู่ในใจ:”สารเลวมากๆ!”
เฉินซงจื่อกับซังซังและเอียนชิงเฉิง พวกเขาสามคนมองฉือรุ่ยปิงด้วยสายตาเย็นชาและดูถูก
เฉินโม่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เขามองดูการแสดงของฉือรุ่ยปิงอย่างเงียบๆ ถ้าพ่อของเขาเป็นคนฉลาด เขาคงไม่ถอนหุ้นตอนนี้อย่างแน่นอน