บทที่ 255
เมืองฮ่านหยาง โรงแรมนานาชาติติ่งเซิ่ง
โรงแรมที่ดีที่สุดในฮ่านหยาง ไม่มีที่ใดเทียบได้ สถานที่ที่กำหนดไว้เพื่อใช้ต้อนรับแขกวีไอพีของทางการ การประชุมสูงสุดฮ่านหยางทุก ๆ ปีจะใช้สถานที่นี้ในการจัดการประชุม
แปดโมงเช้า รถเมอซิเดสสีดำของเหม่ยหวากรุ๊ปสองคันที่หลี่ซู่เฟินและคนอื่น ๆ นั่งอยู่ ถึงโรงแรมติ่งเซิ่งเป็นที่เรียบร้อย
โรงแรมติ่งเซิ่งเหลืองอร่ามแวววาว บรรยากาศหรูหรา คงไว้ซึ่งนัย ควรค่าแก่ชื่อเสียงที่มีมาเป็นอย่างยิ่ง
บริเวณหน้าประตู เรียงรายเต็มไปด้วยรถหรูหรามากมาย แต่ละคันราคาไม่ต่ำกว่าสามสิบล้าน ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการประชุมสูงสุดฮ่านหยางได้ ล้วนแล้วแต่เป็นเศรษฐีร้อยล้านขึ้นไป
หลี่ซู่เฟินสวมชุดราตรีสีดำ คลุมทับด้วยชุดขนสัตว์สีขาว ดูสง่างาม แม้ว่าอายุจะเกินสี่สิบปีเข้าไปแล้ว แต่รูปพรรณก็ยังคงไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน
เวินฉิงเองก็แต่งหน้ามาอย่างประณีต สวมกระโปรงยาวสีราบเรียบ เรือนร่างดูสูงขึ้น รอบคอสีขาวแขวนไว้ด้วยหยกแขวนที่ส่องแสงประกายระยิบระยับ ไร้ที่ติเช่นเดียวกันกับหลี่ซู่เฟินจนใคร ๆ ก็จับจ้อง
เมื่อรวมกับความอ่อนโยนที่เป็นเอกลักษณ์ของเวินฉิงที่ราวกับนางงามประกวด ก็ยิ่งช่วยเพิ่มคะแนนโดยรวมให้กับเธอได้อีกมาก
ยังมีชายวัยกลางคนสวมชุดฉางซานที่เดินนำหลี่ซู่เฟินมาก่อน ตัวตนของชายคนนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเฉินโม่เล็กน้อย เนื่องจากจริง ๆ แล้วเขาคือนักบู๊แดนใน
จากการได้ฟังหลี่ซู่เฟินพูดคุยกับชายคนนี้ในรถ เฉินโม่ก็พอจะเดาได้ว่า ชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่หลี่ซู่เฟินตั้งใจเชิญมา
เฉินโม่เดินตามหลังคนทั้งสองไป ด้านหลังตามมาด้วยเฉินซงจื่อที่สวมชุดนักพรตเต๋า ซังซังและเอียนชิงเฉิงที่สวมกระโปรงสีแดง
แม้ว่าเอียนชิงเฉิงจะตั้งใจสวมชุดเหมือนกับซังซังก็ตาม แต่ด้วยใบหน้าที่สวยงามไร้ที่ติก็ทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้นมา จนกลายเป็นบรรยากาศที่ดูสวยงาม
เฉินโม่และคนอื่น ๆ ทันทีที่ปรากฏตัวในห้องโถง ก็กลายเป็นที่จับจ้องของทุกสายตาในทันที
“เสี่ยวโม่ แม่เจอคนรู้จัก จะเข้าไปทักทายสักหน่อย ลูกไปเดินเล่นก่อนแล้วกัน พยายามทำความรู้จักกับคนเก่ง ๆ เหล่านี้ไว้ แล้วก็อย่าสร้างปัญหาอะไรให้แม่อีก !” หลี่ซู่เฟินจ้องไปยังเฉินโม่
“ผมชอบทำให้คนอื่นไม่สบายใจขนาดนั้นเลยหรือไง ?” เฉินโม่ทำหน้าไม่รู้สึกผิด เห็นได้ชัดเลยว่าทุกครั้งมันเป็นเพราะคนอื่นเข้ามาหาเรื่องเขาก่อนทั้งนั้น !
หลี่ซู่เฟินนำคนอื่น ๆ เข้าไปพบกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง “ผู้จัดการหลิน ไม่เจอกันนานเลยนะคะ !”
“ท่านประธานซิน ไม่เจอกันไม่กี่เดือน ดูเด็กลงอีกแล้วนะคะ !”
เมื่อเห็นว่าคุณแม่ของเขากำลังทักทายคนอื่น ๆ อยู่ เฉินโม่ในขณะนั้นเองก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่มองภาพอันคุ้นเคยด้วยความสงบเสงี่ยม
ชาติก่อน เป้าหมายหนึ่งในชีวิตเขาก็คือการได้มาร่วมการประชุมสูงสุดฮ่านหยาง เขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อจะสามารถเข้ามาในนี้
แต่ทว่า ในตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่ามันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน
ชื่อเสียง เงินทอง ในสายตาของเขา มันไม่ได้สำคัญอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าหัวกะทิชั้นนำในฮ่านหยางพวกนี้ อาจจะอยู่สูงเกินจะเอื้อมในสายตาของคนธรรมดา แต่สำหรับเขาแล้วมันกลับไม่ต่างอะไรจากมดปลวก
เมื่อเสียชีวิตไป ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่ต้องกลายเป็นผงธุลี มีเพียงแค่เขาเท่านั้น ที่ยังคงยืนเป็นตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และโลก
“พวกคุณตามสบายเลยนะ ฉันจะไปนั่งตรงนั้นสักหน่อย !” เฉินโม่พูดจบ ก็เดินตรงไปยังมุมเงียบ ๆ มุมหนึ่ง เขากังวลว่าตนเองจะเจอคนรู้จักแล้วจะต้องฝืนสนทนากัน คิดแล้วก็น่ารำคาญ
เฉินซงจื่อรีบตามเฉินโม่ไป “นายน้อยไปไหน ผมจะไปด้วย !”
เอียนชิงเฉิงไม่พูดอะไร รีบเดินตามเฉินโม่ไป ซังซังเองก็เหมือนกัน
เฉินโม่และคนอื่น ๆ ทั้งสี่คนนั่งอยู่ที่มุม ๆ หนึ่งในห้องโถง ซังซังหยิบจานผลไม้จำนวนหนึ่งมาจากโต๊ะ ทั้งสี่ก็นั่งทานกันด้วยความเบื่อหน่าย
คนดังจากทุกวงการต่างก็ทยอยกันเข้ามา พลางจับกลุ่มพูดคุยกับคนที่รู้จัก บางคนก็ดึงเข้าเรื่องธุรกิจในทันที การประชุมสูงสุดยังไม่เริ่มอย่างเป็นทางการ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความคึกคัก
เฉินโม่อยู่ในห้องโถงใหญ่ สัมผัสได้ถึงพลังลมปราณของนักบู๊กว่าสิบคน พลังไม่ธรรมดา แถมยังมีคนหนึ่งเป็นถึงระดับปรมาจารย์ด้วย
หลี่ซู่เฟินตอนนี้สายลับไปจากสายตาของเฉินโม่ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลความปลอดภัยของหลี่ซู่เฟินเท่าไหร่นัก เมื่อมีหยกแขวนคอยปกป้องอยู่ อย่างน้อยมันก็สามารถทนการโจมตีของพลังระดับปรมาจารย์ครั้งหนึ่งเอาไว้ได้