Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1556 บารมีแห่งยอดสังหาร

ตอนที่ 1556 บารมีแห่งยอดสังหาร
ในค่ายกลใหญ่แปดพิทักษ์
รั่วอู่และเซ่าเฮ่าต่างสะท้านสะเทือนใจ หมัดนี้ของหลินสวินแม่นยำเฉียบขาด เมื่อโจมตีก็สังหารสิ้น พลังระดับนี้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจ
ส่วนผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ของดินแดนรกร้างโบราณ เวลานี้ล้วนงุนงง กลืนน้ำลายดังเอือก
หมัดเดียว!
ระเบิดสังหารมกุฎอริยะ?
นี่ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ในสายตาพวกเขา มกุฎอริยะก็เหมือนนายเหนือหัว สามารถสังหารอริยะแท้คนใดก็ได้
แต่ภายใต้น้ำมือหลินสวิน… เหตุใดถึงไม่เอาไหนเช่นนี้
นี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของหลินสวินกับตาตัวเอง
พลังกระบวนค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรก็เป็นกระบวนผนึกลายมรรค พลังที่หยิบยืมคือมหาพลังฟ้าดิน เป็นคนละเรื่องกับพลังต่อสู้ของเจ้าตัวอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือ แรกเริ่มเดิมทีตอนที่อยู่ในป่าหลอมจิต
หลินสวินยังไม่ได้หยั่งถึงเคล็ด ‘ไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง หนึ่งเดียวสัมบูรณ์’ ก็สามารถพลิกสภาพการต่อสู้ภายใต้การล้อมสังหารของมกุฎอริยะเจ็ดคนอย่างพวกเลี่ยเซวี่ยซิว และกวาดล้างเหล่าศัตรูได้แล้ว
นับประสาอะไรกับเวลานี้
ไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง ทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินเหยียบย่างระดับสูงสุดเหนือจิตนาการในระดับมกุฎอริยะนานแล้ว!
ในค่ายกลสังหารยอดนภา มกุฎอริยะอย่างพวกคุนป้าชิวต่างตกใจ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
จู่ๆ หลินสวินก็พุ่งเข้ามาปุบปับ ฆ่าพวกพ้องคนหนึ่งของพวกเขา ทำเอาพวกเขาต่างผิดคาดและหวาดหวั่น ภาพเหตุการณ์นองเลือดนั้นสะเทือนจิตใจผู้คนเกินไป
แต่จากนั้นพวกเขาก็ฉายแววดีใจออกนอกหน้า ขณะที่หวั่นใจว่าจะหมดหนทางสังหารเจ้าสวะคนนี้แล้ว เขาถึงกลับกล้าโผล่เข้ามาในค่ายกล!
‘ทุกคนอย่าชะล่าใจ เจ้าหมอนี่เคยฆ่ามกุฎอริยะมากมายในโลกมารโลหิต พลังต่อสู้ของเขาเกินกว่าธรรมดา หากลงมือจะต้องลงมือเต็มกำลัง!’
มีคนที่เยือกเย็นสุดขีดสื่อจิตเอ่ยเตือนสติ
พวกคุนป้าชิวดวงตาลุกโชน พวกเขาย่อมรู้วีรกรรมที่ผ่านมาของหลินสวินอยู่แล้ว ในเวลาเช่นนี้ย่อมไม่ประมาทเลินเล่อใดๆ
“หากคิดว่าอาศัยข้อได้เปรียบที่มีคนมากกว่าแล้วจะเปลี่ยนสถานการณ์จนตรอกนี้ได้ เช่นนั้นก็คิดผิดมหันต์แล้ว”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น เอ่ยปากเสียงเรียบ
ค่ายกลสังหารยอดนภานี้อยู่ในการควบคุมของเขา อานุภาพของมันย่อมไม่มีทางส่งอิทธิพลมาถึงตัวเขาได้
ตรงกันข้าม อย่าเห็นว่าพวกคุนป้าชิวมีกำลังคนมาก แต่ไม่มีเวลาใดเลยที่ไม่ประสบกับการบุกฆ่าและโจมตีของค่ายกลใหญ่ เกิดประสิทธิภาพกำราบสยบไร้รูปอย่างหนึ่ง
กล่าวได้ว่าในค่ายกลนี้ หลินสวินครองความได้เปรียบไว้หมด!
“ฆ่า!”
คุนป้าชิวตวาดลั่น ไม่พูดพร่ำทำเพลง และไม่มีเวลาพูดเหลวไหลสักนิด ยิ่งเวลานานเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ของพวกเขา
ในฐานะมกุฎอริยะที่คร่ำหวอดในการต่อสู้ พวกเขาย่อมแจ้งใจว่าในค่ายกลสังหารเช่นนี้ข้อได้เปรียบของหลินสวินมีมากปานใด
และพลังต่อสู้ของตัวหลินสวินเองก็ไม่อาจดูเบาได้แม้แต่น้อย!
ตูม!
ชั่วขณะเดียวระหว่างที่มกุฎอริยะสามสิบกว่าคนต้านพลังค่ายกลใหญ่ ก็แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปโจมตีใส่หลินสวินอย่างรุนแรง
ไม่มีใครยั้งมือ ก็เห็นสมบัติอริยะแหวกอากาศ วิชามรรคกู่ก้อง ในโลกธารดาราแถบนี้เต็มไปด้วยปรากฏการณ์สั่นสะเทือน โกลาหล และการทำลายล้าง
โดยทั่วไปไม่ว่าผู้แข็งแกร่งที่เหยียบย่างระดับอริยะคนใดก็ตาม ต่างให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญไตรมรรค
แต่สำหรับมกุฎอริยะจากดินแดนอื่นเหล่านี้แล้ว ตั้งแต่ยังไม่บรรลุอริยะก็มีพวกร้ายกาจที่ฝึกฝนไตรมรรคแล้ว
เพราะในดินแดนอื่นไม่ได้มีอุปสรรคของ ‘เคราะห์มรรคตัดขาด’
แต่แม้จะเป็นดินแดนอื่นๆ การที่สามารถเหยียบย่างจุดสูงสุดแห่งไตรมรรคตอนที่บรรลุอริยะได้ก็ยังมีน้อยยิ่งกว่าน้อย แทบจะมีเพียงหยิบมือเดียว
และพวกคุนป้าชิวล้วนไม่ใช่คนจำพวกนี้ ทว่าพวกเขาก็ฝึกฝนมรรคาสายอื่นควบด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่ายังไม่เหยียบย่างจุดสูงสุดเท่านั้น
ดังนั้นต่อให้เวลานี้ต้องต้านพลังค่ายกลใหญ่ไปพลาง ลงมือโจมตีไปพลาง แค่พลังต่อสู้ของพวกเขาก็ยังแข็งแกร่งสุดขีด ไม่ใช่อริยะแท้ทั่วไปจะเทียบชั้นได้
ที่น่าเสียดายคือ แม้ว่าพวกเขาจะลงมือสุดกำลังแต่ก็ยังยากจะทำให้หลินสวินรู้สึกถึงภัยคุกคาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ในตอนนี้
ตูม!
การต่อสู้ดุเดือดปะทุขึ้น ในค่ายกลสังหารยอดนภา ฝ่ามือหลินสวินปรากฏกระบี่เทพสีแดงสดที่เหมือนหลอมขึ้นจากหยาดเลือดเล่มหนึ่ง
เมื่อกระบี่เล่มนี้โฉบพุ่ง ตัวกระบี่ที่กว้างสองนิ้วมือปรากฏธารเลือดอยู่รำไร ในสายธารมีศพมารเทพลอยผลุบโผล่ ซากศพเก่าแก่จมฝัง เป็นภาพชวนสยดสยองเสมือนสามารถกลบฝังสรรพสิ่ง
ปึง!
ทวนใหญ่สีเงินเล่มหนึ่งถูกตัดหักตรงๆ ง่ายดายเหมือนกระบี่เฉือนเต้าหู้
ท่ามกลางเสียงร้องอุทานตกใจ ปราณกระบี่สีเลือดบาดตาไหลเวียน ตัดหัวมกุฎอริยะคนที่ถือทวนใหญ่สีเงินนั้น
“กระบี่ยอดสังหาร!”
ทันใดนั้นมีสัตว์ประหลาดเฒ่าคำรามลั่น เผยแววกริ่งเกรงหาใดเปรียบ
หลินสวินอดรู้สึกแปลกใจน้อยๆ ไม่ได้ ศัตรูจากเจ็ดดินแดนคนนี้ก็รู้จักกระบี่ยอดสังหารด้วยหรือ
ในดินแดนรกร้างโบราณมีตำนานลึกลับเรื่องหนึ่งเล่าขานสืบต่อกันมา ในช่วงแรกเริ่มบรรพกาล เคยมีสำนักแห่งหนึ่งนามว่าลัทธิเทพขุมโลหิต
ในสำนักนี้มีอาวุธอำมหิตสะท้านโลกอยู่สองชิ้น ชิ้นหนึ่งนามว่ายอดสังหาร กำเนิดในแม่น้ำขุมโลหิต
อีกชิ้นนามว่าอเวจี ถือกำเนิดในนรกขุมโลหิต
สมบัติสองชิ้นนี้ล้วนเป็นศาสตราจิตฟ้าประทาน ฆ่าคนไม่เปื้อนผลกรรม ทำให้อริยะในโลกหล้าต่างกริ่งเกรงสุดขั้ว
กระบี่โลหิตในมือหลินสวินก็คืออาวุธอำมหิต ‘ยอดสังหาร’ เป็นทรัพย์หลังศึกที่ได้มาจากมือบุตรนรก
ในกระบี่เล่มนี้ถูกผนึกอานุภาพไว้แน่นหนา หากไม่เป็นเช่นนี้ ตอนแรกในแดนมกุฎบุตรนรกคงใช้กระบี่เล่มนี้ไม่ได้
และหลังจากหลินสวินบรรลุมกุฎอริยะแล้ว ถึงสามารถสลายผนึกในกระบี่ได้ เผยอานุภาพที่แท้จริงของมันออกมา!
“จักรพรรดิกระบี่ธารนรกเป็นอะไรกับเจ้า”
มีคนร้องอุทาน
“น่าชังนัก ถึงกับเป็นกระบี่อำมหิตเล่มนี้ ไหนว่ากระบี่เล่มนี้หายสาบสูญไปจากโลกแล้วไม่ใช่หรือ”
และมีคนโกรธจนตัวสั่น
ปฏิกิริยาตอบสนองระดับนี้ของพวกเขาทำเอาหลินสวินอดขมวดคิ้วไม่ได้ จักรพรรดิกระบี่ธารนรก?
จะบอกว่ากระบี่ยอดสังหารเล่มนี้เคยก่อความเสียหายร้ายแรงให้แก่ศัตรูแปดแดน ทำให้พวกเขาไม่กล้าลืมเลือนจนป่านนี้อย่างนั้นหรือ
‘ดูท่าอีกเดี๋ยวคงต้องไว้ชีวิตสักคน เอามาซักถามให้ดีสักหน่อยถึงจะได้…’
หลินสวินขบคิดไปพลาง การเคลื่อนไหวในมือก็ไม่รั้งรอ กระบี่ยอดสังหารสีแดงสดดุจโลหิตในมือส่งเสียงครวญกังวาน มีกลิ่นอายกร้าวแกร่งสังหารฟ้าฆ่าแผ่นดิน ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม ไม่อาจขวางกั้น
ฉัวะ!
ไม่ทันไรมกุฎอริยะคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกกระบี่กรีดอกแหวกท้อง ก่อนสิ้นใจยังส่งเสียงคำรามไม่ยินยอมออกมา “นี่คือกระบี่ยอดสังหารแน่นอน!”
ตูม!
ไม่นานก็มีมกุฎอริยะประสบเคราะห์อีกราย เพียงแต่ว่าถูกธารดาราที่วิวัฒน์ขึ้นจากค่ายกลสังหารยอดนภาหอบม้วน บดขยี้ร่างแหลกลาญ
จากนั้นก็ถูกหลินสวินซ้ำอีกหนึ่งกระบี่อย่างไม่เกรงใจ ดับอนาถอย่างสิ้นเชิง
ในการต่อสู้หลินสวินเองก็รู้สึกได้อย่างฉับไว ว่ากระบี่ยอดสังหารในมือเปี่ยมด้วยกลิ่นอายกร้าวแกร่งนองเลือด น่าสะพรึงหาใดเปรียบ ปานจะทะลวงวิญญาณ มีกลิ่นอายหมายจะสังการ กระหายเลือดอริยะ
และหลังจากสังหารอริยะคนแล้วคนเล่า ตัวเรือนกระบี่นี่ก็ยิ่งแดงฉานมากขึ้น มีกลิ่นอายกระหายเลือดชวนพิศวง
ปราณกระบี่ที่กร้าวแกร่ง นองเลือด โหดเหี้ยมอำมหิตนั้นถึงขั้นพุ่งโจมตีจิตใจของหลินสวิน ทว่าสภาวะจิตของหลินสวินแข็งแกร่งปานใด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับผลกระทบ
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังทำเอาหลินสวินลอบสะท้านใจไม่สิ้น
กระบี่เล่มนี้สมกับเป็นอาวุธอำมหิตที่เปี่ยมปริศนาหลากหลาย สมบัติอริยะทั่วไปไม่สามารถต้านทานประกายคมของมันได้สักนิด ล้วนถูกตัดทำลาย
นอกจากนี้อานุภาพของมันยังแข็งแกร่งจนพาให้ผู้คนใจสะท้าน นี่เหมือนดำรงอยู่ได้ด้วยการสังหาร ยิ่งย้อมเลือดยิ่งดุดันชัดๆ!
เพียงเวลาชั่วครู่เท่านั้นก็มีมกุฎอริยะห้าคนถูกสังหารอีก ไม่มีใครไม่ถูกกระบี่ยอดสังหารแหวกเฉือน เลือดสดสาดกระเซ็น ตายด้วยสภาพอนาถ
และกระบี่ยอดสังหารยิ่งแปลกประหลาดขึ้นทุกที เสียงกระบี่ดั่งกระแสน้ำ ก้องสะท้อนไม่มีหยุด
“น่าชังนัก กระบี่เล่มนี้เป็นเหมือนที่เล่าขานจริงๆ ยิ่งฆ่าอริยะมากเท่าไหร่ อานุภาพของมันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น นี่เป็นกระบี่แห่งการสังหารที่แท้จริง!”
“ได้ยินว่าในกระบี่เล่มนี้มีแม่น้ำเลือดสายหนึ่งไหลเวียน ยิ่งกระบี่นี่ซดเลือดมากเท่าไหร่ แม่น้ำเลือดนั่นก็ยิ่งกว้างใหญ่ไพศาล ซัดกระหน่ำ… ทำให้อานุภาพของกระบี่นี้ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย”
“สมควรตาย! ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรก อริยะเผ่าข้าไม่รู้เท่าไหร่ถูกจักรพรรดิกระบี่ธารนรกนั่นใช้กระบี่เล่มนี้สังหาร ในตอนนั้นจักรพรรดิกระบี่ธารนรกยังเป็นแค่คนหนุ่มที่เพิ่งเหยียบย่างระดับอริยะคนหนึ่งเท่านั้น…”
สีหน้าเหล่ามกุฎอริยะอย่างพวกคุนป้าชิวมืดทะมึนคล้ำเขียว หว่างคิ้วแต่ละคนล้วนเจือแววกริ่งเกรง
ต่อสู้จนถึงตอนนี้ ทำให้สภาวะจิตของพวกเขาล้วนสั่นคลอน
ในค่ายกลสังหารยอดนภานี้ เดิมทีก็ทำให้พวกเขาตกอยู่ในสภาพเป็นรองอยู่แล้ว และความแข็งแกร่งของหลินสวินยิ่งเหนือความคาดหมายของพวกเขาอีก
โดยเฉพาะกระบี่ยอดสังหาร พวกเขามีหรือจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงโหดเหี้ยมของกระบี่เล่มนี้
ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรก จักรพรรดิกระบี่ธารนรกมือถือสองกระบี่อย่างยอดสังหารและอเวจี สังหารอริยะแปดดินแดนจนเสียกระบวน พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า
ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนั้น ถึงแม้ผลสุดท้ายแปดดินแดนจะกำชัย แต่เรื่องนี้จนถึงป่านนี้ก็ยังถูกแปดดินแดนมองว่าเป็นความอัปยศครั้งใหญ่ เคียดแค้นฝังกระดูก!
และยามนี้ กระบี่ยอดสังหารก็ปรากฏตัวอีกครั้ง!
“ฆ่า!”
สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้หลินสวินคล้ายไม่รับรู้ สีหน้าเขาเยียบเย็น นัยน์ตาดำดุจสายฟ้า ถือกระบี่รุกสังหาร เคลื่อนไปมาในค่ายกลใหญ่ อานุภาพองอาจเหนือโลก สง่าผ่าเผย
ในเวลาต่อมามกุฎอริยะคนแล้วคนเล่าร่วงหล่นตามๆ กัน…
ในค่ายกลแปดพิทักษ์ พวกรั่วอู่ เซ่าเฮ่ายังถือว่าสงบนิ่ง ด้วยรู้ว่ากระบี่ในมือหลินสวินนั้นได้มาจากมือบุตรนรกในปีนั้น
แต่สำหรับผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนอื่นๆ หลินสวินในเวลานี้ก็คือมารกระบี่สะท้านโลกที่ดำรงชีพอยู่ด้วยการสังหารชัดๆ!
ทุกที่ที่ปราณกระบี่นองเลือดเคลื่อนผ่าน ฟันเฉือนอริยะ ซดเลือดอริยะ ดุกร้าวคับฟ้า
“เจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่ามารกระบี่อยู่อีกไหม…”
เซี่ยวซางเทียนอดเสมองเยี่ยเฉินปราดหนึ่งไม่ได้
มุมปากเยี่ยเฉินกระตุก “ก็แค่ฉายาเท่านั้น ยกให้หลินสวินจะเป็นไรไป”
“นั่นเป็นถึงมกุฎอริยะสามสิบกว่าคนเชียว! แต่กลับถูกหลินสวินสังหารร่วงทีละคนเหมือไก่ดินเผาสุนัขกระเบื้อง มีใครบอกข้าได้บ้างว่านี่คือภาพลวงตาใช่หรือไม่”
หญิงสาวคนหนึ่งร้องเสียงหลงด้วยสีหน้ามึนตื้อ
“ไม่ใช่!”
คนไม่น้อยต่างพากันระเบิดหัวเราะลั่นขึ้นมา สีหน้าก็เปี่ยมแววตื่นเต้นฮึกเหิมเช่นกัน
ภาพทั้งหมดที่ได้เห็นเบื้องหน้าไม่เหมือนจริงราวกับความฝันฉากหนึ่ง เปี่ยมด้วยความน่าเหลือเชื่อ ทำเอาผู้คนสะทกสะท้าน
แต่ใครต่างก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความฝัน!
กองทัพใหญ่เจ็ดดินแดนยกทัพมาอย่างเกรียงไกร ไม่พูดพล่ามก็หมายจะเหยียบที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง ฆ่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกเขาให้เกลี้ยง
แต่ตอนนี้คนพวกนั้นถูกขังในค่ายกลใหญ่ ถูกฆ่าจนพ่ายแพ้ไม่เป็นท่าแล้วไม่ใช่หรือ
“พวกเราคอยดูอยู่ที่นี่ ออกจะไม่ดีอยู่บ้างหรือไม่”
มีคนอดพูดขึ้นมาไม่ได้
ชั่วขณะนั้นทุกคนต่างทอดถอนใจ สิ่งสำคัญคือ การต่อสู้ระดับนี้ใครจะสามารถช่วยหลินสวินได้บ้าง
ใช่ว่าไม่อยาก แต่ทำไม่ได้ต่างหาก!
ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่พวกมกุฎอริยะอย่างรั่วอู่และเซ่าเฮ่ายังได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ เลย
ในค่ายกลสังหารยอดนภา
กลับเป็นบรรยากาศสิ้นหวังหวังนองเลือด เวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเค่อด้วยซ้ำ ก็มีพวกชั้นยอดกว่าครึ่งถูกสังหารอย่างต่อเนื่อง เลือดสาดทั่วลาน
พวกคุนป้าชิวที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าอย่างสยดสยอง ฆ่าจนหมดหวัง!
………..
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท