ในค่ายกลสังหารยอดนภา ธารดาราไหลเวียน ดาวใหญ่ดวงแล้วดวงเล่าบดขยี้ห้วงอากาศ ประกายแสงเรืองรองกึกก้อง เจิดจ้าบาดตา พลังเสียงชวนตกใจ
ฉัวะ!
คมกระบี่แสงเลือดบาดตาพริบไหว มกุฎอริยะถูกสังหารอีกคน หัวของเขาถูกตัดร่วง ร่างกายก็ถูกธารดาราบดแหลก กระจุยกระจายเป็นเศษเสี้ยว
และภายในลานก็เหลือมกุฎอริยะเพียงแค่หกคน!
เวลานี้คุนป้าชิวรู้สึกหวาดกลัวอย่างแท้จริง สีหน้าเขาตกใจแกมเดือดดาล บนหน้าผากมีเส้นเลือดปูดโปน เห็นได้ชัดว่ากราดเกรี้ยวหาใดเปรียบ
เวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา มกุฎอริยะสามสิบสามคนถึงกับถูกฆ่าจนเหลือแค่พวกเขาหกคน นี่มันน่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
คิดจนสมองแตกคุนป้าชิวก็คิดไม่ออก ว่าการยกทัพมาจากแดนไกลในครั้งนี้ พวกเขาทุกคนถึงกับถูกกักขังอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่
ยิ่งคิดไม่ถึงว่าความกร้าวแกร่งแห่งพลังต่อสู้ของหลินสวิน จะถึงกับแข็งแกร่งกว่าที่เล่าลือกันมาเสียอีก!
“เจ้าสวะ ข้าจะสู้กับเจ้าเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นเสียงแผดคำรามสายหนึ่งดังก้องขึ้น เต็มไปด้วยความเดือดดาลไร้สิ้นสุด
คุนป้าชิวเงยหน้าขวับ ก็เห็นพวกพ้องคนหนึ่งร่างกายราวกับลุกโชน พลีชีพพุ่งปราดเข้าไปทางหลินสวิน
นี่ถูกบีบให้เสียสติแล้วอย่างนั้นหรือ
ในใจคุนป้าชิวสะท้านสะเทือน
ฉัวะ!
ผลลัพธ์พิสูจน์ว่าทุ่มสุดชีวิตก็เปลืองแรงเปล่าเช่นกัน เมื่อคมกระบี่ยอดสังหารขยับไหว มกุฎอริยะที่พลีชีพคนนี้ก็ถูกตัดเอวขาดสะบั้น ร่างพาดขวางกลางลาน
หยาดเลือดแดงฉานบาดตาซ่านเซ็น กระตุ้นจนคุนป้าชิวสั่นเทิ้มทั่วร่าง เหลือแค่ห้าคนแล้ว!
ย้อนกลับมามองหลินสวิน อานุภาพดุจเทพมาร ถือกระบี่เลือดฆ่าอริยะ กระบี่ซดเลือดอริยะ พลังแกร่งจนน่าหวาดหวั่น
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”
คุนป้าชิวร้องเสียงหลง เขาไม่อาจยอมรับได้
ครั้งนี้พวกเขาเคลื่อนพลมกุฎอริยะเจ็ดสิบคน กองทัพใหญ่สองแสนกว่าคน อานุภาพแข็งแกร่งปานใด
แต่ตอนนี้ถึงกับเหมือนแพะรอโดนเชือด!
ฉัวะ!
ตอนที่สภาวะจิตคุนป้าชิวปั่นป่วนจิตต่อสู้สั่นคลอนนั้น ก็มีมกุฎอริยะถูกสังหารไปอีกคน กลางคิ้วถูกเสียบทะลุกะโหลกแตกระเบิด ก่อนสิ้นใจยังคงร้องโหยหวน
นั่นเป็นถึงมกุฎอริยะเชียว!
แต่อยู่ในมือหลินสวินกลับเหมือนผ่าผลไม้หั่นผักก็ไม่ปาน อย่าว่าแต่คุนป้าชิว ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่ชมการต่อสู้ในค่ายกลใหญ่แปดพิทักษ์อยู่ไกลๆ ก็ยังปากอ้าตาค้าง สูดหายใจเฮือกไม่หยุด
หลินสวินในตอนนี้ แข็งแกร่งปานใดกันแน่
คำถามข้อนี้ก็รบกวนคุนป้าชิวเช่นกัน เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าในระดับมกุฎอริยะถึงขั้นยังมีพวกพลิกฟ้าเช่นนี้อยู่ด้วย!
ฉัวะ!
ฉัวะ!
ฉัวะ!
ในเวลาต่อมามกุฎอริยะถูกสังหารต่อเนื่อง เลือดสดกระเซ็น ส่วนกระบี่ยอดสังหารในมือหลินสวินก็ยิ่งแปลกพิสดารและแดงฉานมากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงครวญกระบี่นั่น เหมือนกับเสียงร้องยินดีหมายจะซดดื่มเลือดชัดๆ!
และห้วงอากาศเหนือค่ายชั่วคราว บนเวิ้งฟ้าถูกปกคลุมด้วยสีเลือดหนาทึบเป็นชั้นๆ นานแล้ว มีเสียงครวญแห่งอริยะร่วงหล่นหลายสายก้องกังวาน สะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ทำเอาผู้คนสั่นเทิ้มทั้งที่ไม่ใช่หน้าหนาว!
ชิ้ง!
ในค่ายกลใหญ่ คมกระบี่ดุจเลือด วางพาดบนลำคอคุนป้าชิว ทำให้เขาตัวสั่นไปทั้งร่าง จิตต่อสู้ที่เดิมทีไม่สั่นคลอนพังทลายอย่างสิ้นเชิง ทั่วร่างถูกความสะพรึงกลัวคลุมมิด
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่าเจ้าจะได้ตายอนาถมาก แต่ตอนนี้หากให้เจ้าตายไปง่ายๆ เช่นนี้ ก็ดูจะสบายเจ้าเกินไป”
นัยน์ตาดำของหลินสวินสุขุมเย็นชา มองดูคุนป้าชิว กระบี่ยอดสังหารในมือมีแม่น้ำนรกสีเลือดอันกว้างใหญ่ไพศาลไหลวน คล้ายจะเขมือบผู้คน
คุนป้าชิวหน้าเผือดสี ยังคงกัดฟันกรอด “เจ้าคิดว่าเช่นนี้ก็ชนะแล้วหรือ ตอนที่แปดยอดนภาครามตระหนักถึงภัยคุกคามของเจ้า จะต้องบุกโจมตีเต็มกำลัง สังหารแพะสองขาดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกเจ้าจนหมด ไม่ปล่อยให้รอดสักคนแน่!”
ฉัวะ!
กระบี่ยอดสังหารแทงออกมาปุบปับ เสียทะลุหน้าอกคุนป้าชิว เขาส่งเสียงร้องเจ็บปวด สีหน้าเผือดซีด นัยน์ตาเปี่ยมด้วยแววแค้นอาฆาต สิ้นหวัง ไม่ยินยอม
แต่หลินสวินไม่ได้ฆ่าเขาในทันที หากแต่หิ้วคอเขา ก่อนเงาร่างขยับไหวและออกจากค่ายกลสังหารยอดนภา
“ต่อไปข้าจะทำให้เจ้าเห็นเองกับตา อะไรที่เรียกว่าเลือดต้องล้างด้วยเลือด”
นัยน์ตาหลินสวินเยียบเย็น
ขณะพูดก็หิ้วคุนป้าชิวโฉบเข้าสู่ค่ายกลสังหารแดนพิฆาต
ในสมัยบรรพกาลเคยมีคำกล่าวอริยะว่า ฆ่าหนึ่งถือเป็นบาป ฆ่าหมื่นเป็นวีรบุรุษ ฆ่าเก้าล้านย่อมเป็นยอดบุรุษเหนือวีรชน!
อุดมการณ์ยิ่งใหญ่นิจนิรันดร์ คงอยู่ในการเข่นฆ่าศัตรู ยอมให้ศัตรูกัดฟันแค้น แต่ไม่ยอมให้ไร้คนแช่งนามข้า!
วันนี้ หากไม่สังหารศัตรูทั้งหมด หลินสวินไม่ยอมรามือเด็ดขาด
……
ครึ่งเค่อให้หลัง
ในค่ายกลสังหารแดนพิฆาต มกุฎอริยะโดนฆ่าทั้งหมดสิบสองคน ฝนเลือดเทกระหน่ำ
คุนป้าชิวเห็นทุกสิ่งในสายตา เดือดดาลจนกระทบใจ กระอักเลือดไม่หยุด
หลินสวินไม่หยุด พาคุนป้าชิวเข้าไปในค่ายกลสังหารทลายเทพ
เมื่อได้เห็นทุกอย่างนี้ ในค่ายกลใหญ่แปดพิทักษ์ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกรั่วอู่ เซ่าเฮ่า สภาวะจิตต่างปั่นป่วน ยากจะเป็นตัวของตัวเอง
บางคนยิ่งน้ำตาร้อนผ่าวรื้นขอบตา!
ในสมรภูมิเก้าดินแดน นับตั้งแต่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรกจนบัดนี้ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณเคยยืดอกผ่าเผยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่มี!
……
เวลาหนึ่งเค่อให้หลัง
ในค่ายกลสังหารทลายเทพ อานุภาพหลินสวินดุจผ่าลำไผ่ ทำลายล้างคู่ต่อสู้สิบสามคน คมกระบี่อาบเลือด องอาจผึ่งผายไม่เคยยั้งมือใจอ่อนแต่อย่างใด
สีหน้าคุนป้าชิวด้านชาเสมือนศพเดินได้ พังทลายอย่างสิ้นเชิง
ในใจมีเพียงความคิดเดียว…
แนวโน้มสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!
……
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
ค่ายกลสังหารดับวิญญาณ พร้อมๆ กับที่หลินสวินสังหารมกุฎอริยะคนสุดท้าย คุนป้าชิวที่ถูกหลินสวินพาไปด้วยตลอดก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ แม้แต่เสี้ยวเดียว
สีหน้าเขานิ่งค้าง สายตากลวงเปล่า ร่างกายแข็งทื่อ ราวกับหุ่นไม้ไร้วิญญาณ กลิ่นอายความตายท่วมท้น
จบสิ้นแล้ว!
เนิ่นนานเขาเหมือนเพิ่งฟื้นคืนสติได้เสี้ยวหนึ่ง เพียงแต่ในใจกลับไม่อาจกระตุ้นความรู้สึกใดๆ ขึ้นมาได้
จิตใจด้านชาคงเป็นเช่นนี้กระมัง!
มกุฎอริยะเจ็ดสิบคน ตอนนี้เหลือเขารอดชีวิตเพียงคนเดียว
และกองทัพใหญ่สองแสนกว่าคน ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้เดิมทีก็เสียหายหนัก ต่อมาแม้จะถูกมกุฎอริยะส่วนหนึ่งเก็บเข้าไปในสมบัติ
แต่ตอนนี้สมบัติเหล่านั้นล้วนตกไปอยู่ในมือหลินสวิน กล่าวได้ว่าความเป็นตายของทัพใหญ่เจ็ดดินแดนนี้ ถูกควบคุมอยู่ในกำมือหลินสวินอย่างสิ้นเชิง!
“ทั้งทัพ… ย่อยยับแล้ว…”
คุนป้าชิวพึมพำ เสียงก็ไร้ซึ่งอารมณ์เช่นเดียวกัน
ด้านข้างสายตาหลินสวินลุ่มลึก เขามองออกแล้วว่าสภาวะจิตของคุนป้าชิวพังทลาย ต่อให้ไม่ลงมือ อีกฝ่ายก็จะร่างตายมรรคสลายอยู่ดี!
ดูเหมือนว่าคุนป้าชิวก็ตระหนักถึงข้อนี้เช่นกัน เขาเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากทอดมองหลินสวิน ในสายตาที่เดิมทีกลวงเปล่าก็ปรากฏแววเคียดแค้นหาใดเปรียบขึ้นมา กล่าวเน้นคำ เสียงแทบจะเหมือนเค้นออกมาจากทรวงอก
“พวกเจ้า… จะต้องถูกล้างแค้นแน่!”
ปึง!
เสียงเพิ่งสิ้นสุดร่างของเขาก็ทรุดฮวบ พลังชีวิตรอบกายเลือนหายไปด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลังจากนั้นก็สิ้นชีพไป
หลินสวินเก็บสายตากลับมา ไม่ได้เหลือบมองซากศพที่เย็นเฉียบศพนี้อีกต่อไป
หากจะพูดถึงล้างแค้น ก็ควรเป็นพวกเขาดินแดนรกร้างโบราณไปแก้แค้นศัตรูแปดดินแดนต่างหาก!
บัดนี้ในค่ายกลสังหารสี่แห่งอย่างยอดนภา แดนพิฆาต ทลายเทพ ดับวิญญาณก็ไร้ซึ่งเงาร่างของศัตรูอีก เหล่ามกุฎอริยะถูกสังหารเกลี้ยง
และทัพใหญ่เจ็ดดินแดนที่ถูกเก็บเข้าไปในสมบัติพวกนั้นก็ถูกจองจำ ชีวิตไม่ใช่ของตน ถูกควบคุมในกำมือหลินสวิน!
ในค่ายกลใหญ่แปดพิทักษ์ คนของดินแดนรกร้างโบราณต่างสะท้านสะเทือน นิ่งเงียบเนิ่นนาน
เหนือเวิ้งฟ้าแสงเลือดโหมซัด ยังคงมีเสียงครวญอริยะร่วงหล่นระลอกแล้วระลอกเล่าดังก้องกลางฟ้าดิน ค่ายกลสังหารสี่แห่งตกสู่ภวังค์ความเงียบ
ชนะ… ทั้งอย่างนี้แล้ว?
ต่อให้เป็นรั่วอู่ เซ่าเฮ่าก็ยังมึนตื้อ นิ่งเงียบเนิ่นนาน
ฟ้าดินปกคลุมด้วยบรรยากาศสั่นสะท้านอย่างหนึ่ง
มกุฎอริยะเจ็ดสิบคน ทัพใหญ่สองแสนกว่า ถูกกักขังในกระบวนค่ายกลใหญ่ จนถึงตอนนี้ทั้งหมดล้วนพ่ายแพ้ย่อยยับ และคนที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้มีแค่หลินสวินเพียงคนเดียว!
ใช้พลังแห่งตนสยบมวลศัตรู!
ก่อนหน้าตอนที่หลินสวินกล่าวเช่นนี้ ยังไม่มีใครกล้าเชื่อมั่น ต่างรู้สึกว่าบ้าระห่ำยิ่ง แต่ตอนนี้… ใครจะไม่เชื่อได้อีก
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด เงาร่างของหลินสวินเดินออกมาจากค่ายกลใหญ่ อาภรณ์สีขาวพระจันทร์ยังคงสะอาดปราศจากฝุ่นผงดุจคราแรก
กลิ่นอายของเขาประหนึ่งเซียนจุติลงมาหมือนดั่งตอนแรกด้วยเช่นกัน
จังหวะที่เงาร่างของเขาปรากฏขึ้น ยืนโดดเด่นอยู่ตรงนั้น ครู่เดียวก็กลายเป็นจุดสนใจที่รวมสายตาทุกคู่ภายในลาน
สีหน้าของแต่ละคนล้วนฉายแววมึนงง สั่นสะท้าน คล้ายไม่อยากเชื่อ ว่าเมื่อครู่ชายหนุ่มเช่นนี้เคลื่อนกวาดกองทัพนับพัน!
“ทุกท่าน ความรู้สึกที่เบิกตารอชมเป็นอย่างไรบ้าง”
เหนือห้วงอากาศมุมปากหลินสวินยกโค้งน้อยๆ เผยรอยยิ้มสายหนึ่ง เสียงก้องฟ้าดิน
ประโยคเดียวสะเทือนถ้วนทั่ว ทำลายบรรยากาศเงียบกริบภายในลาน
หลังจากนั้นคลื่นเสียงเหมือนหม้อเดือดพุ่งทะลุชั้นเมฆ!
“ชนะแล้ว!”
“ชนะแล้วจริงๆ!”
“การต่อสู้ครั้งนี้ของพี่ใหญ่หลิน มือเดียวปิดครอบฟ้า เรียกได้ว่าไร้เทียมทาน!”
“สะใจ สะใจเหลือเกิน!”
ความรู้สึกต่างๆ นานาที่อัดอั้นอยู่ภายในใจทุกคนล้วนระบายออกทั้งหมดในเวลานี้
ไม่ว่าหญิงชาย ไม่ว่าปราณสูงต่ำ ต่างพากันโห่ร้องหัวเราะลั่น สีหน้าแต้มแววตื่นเต้น ฮึกเหิม และสะท้านสะเทือน
และมีคนอดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้
ถูกการหยามเหยียดและความเคียดแค้นปกคลุมมานานเกินไป ถูกศัตรูเหยียบย่ำและดูหมิ่นนานเกินไป บัดนี้ในที่สุดก็มีวันได้ลืมตาอ้าปาก มีช่วงเวลาได้ปลื้มปริ่มยินดี เช่นนี้จะไม่ให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนไหนๆ รู้สึกซาบซึ้งได้อย่างไร
ในค่ายใหญ่พลันเดือดพล่านอย่างสิ้นเชิงในยามนี้!
เซ่าเฮ่าและรั่วอู่สบสายตากัน ต่างยิ้มขึ้นมา ในใจรู้สึกทอดถอนใจยิ่ง
และไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายของการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ลำพังแค่การต่อสู้คราวนี้ ก็สามารถจารึกชื่อของหลินสวินไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ กลายเป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่อาจดับทำลายของดินแดนรกร้างโบราณ!
“ดูสิเสี่ยวเทียน นี่ก็คือนายท่าน นายท่านของพวกเรา!”
สองแขนของเสี่ยวอิ๋นกอดไว้ตรงหน้าอก ใบหน้าเล็กหล่อเหลาเจือแววภาคภูมิใจเต็มเปี่ยม
บนไหล่ของเขาผีเสื้อมารแยกฟ้ากระพือปีกเบาๆ โผผินบินร่าย คล้ายกับว่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากเช่นกัน
บนห้วงอากาศหลินสวินมองเห็นทุกอย่างนี้ก็เหมือนซึมซาบไปด้วย นึกถึงสิ่งที่ทุ่มเทไปในทุกวันตลอดครึ่งปีมานี้ ภายในใจก็อดรู้สึกทอดถอนใจไม่ได้
ทั้งหมดนี้ล้วนคุ้มค่า!
แต่ว่า แค่เท่านี้ยังไม่บรรลุเป้าหมายในวันนี้ของหลินสวิน
ตูม!
เขาเงาร่างขยับไหว ยืนตระหง่านอยู่เหนือเวิ้งฟ้าสูง โบกแขนเสื้อหนึ่งครา กระบวนค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ทั้งหมดพลันโคจรขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลานี้
มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าซากศพและเลือดที่กองอยู่ในค่ายกลใหญ่ล้วนถูกพลังผนึกควบคุม ปิดครอบอาณาเขตร้อยลี้นั้น ปกคลุมบนก้อนอิฐที่กองถมเหมือนภูเขากองแล้วกองเล่า!
“เอ๋!”
ในค่ายทุกคนอึ้งงัน สายตาทั้งหมดล้วนถูกดึงดูด
“พี่ใหญ่หลิน นี่เขาจะ…”
“สร้างเมือง! ต้องเป็นสร้างเมืองแน่ๆ!”
ทันใดนั้นทุกคนในค่ายต่างมีปฏิกิริยาขึ้นมา
หลินสวินเคยบอกไว้ตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้วว่า จะสร้างเมืองอารักษ์มรรคให้ดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขาในวันนี้!
ฆ่าศัตรู ก็เป็นแค่การรวบรวมวัสดุเพื่อสร้างเมืองเท่านั้น!
ชั่วขณะเดียวสายตาทั้งหมดที่มองมาทางหลินสวินล้วนลุกโชน คนมากมายต่างกลั้นหายใจ จิตจดจ่อ ลอบกำหมัดแน่น
หลังจากวันนี้ ค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขา ในที่สุดก็จะมีเมืองอารักษ์มรรคที่สามารถบังแดดบังฝน ต้านศัตรูไว้ภายนอกใหม่อีกครั้งอย่างนั้นหรือ
ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนไม่กล้าคิดแม้สักนิดด้วยซ้ำ!