บทที่ 285
ถึงแม้เฉินโม่จะรู้ว่าการทดสอบที่เฉินจิงเย่พูดถึงคืออะไร แต่เขาแกล้งถามว่า “อ้อ การทดสอบอะไรครับ?”
เฉินจิงเย่อธิบาย ‘สงครามธุรกิจ’ให้เฉินโม่ฟังอย่างละเอียด
เฉินโม่แกล้งทำเป็นตั้งใจฟัง จากนั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “คุณพ่อวางใจเถอะ การประชุมประจำปีของตระกูลเฉินในปีหน้า ผมจะต้องเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน!”
เฉินจิงเย่มองเฉินโม่อย่างจริงจัง ดูเหมือนจะมีความตำหนิท่าทางที่ไร้สาระของเฉินโม่ “ลูกอย่าดูถูกสงครามธุรกิจ ตระกูลเฉินให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก พวกลุงจะต้องพยายามช่วยเหลือลูกของตนเองอย่างแน่นอน แต่พ่อในฐานะข้าราชการ ไม่สามารถช่วยอะไรลูกได้ ลูกต้องพึ่งพาอาศัยตนเอง แต่ถึงแม้จะแพ้ก็ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือพวกเราต้องแพ้อย่างตรงไปตรงมา”
หลี่ซู่เฟินที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป และด่าว่า “แพ้ก็แพ้สิ ตรงไปตรงมาแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ถ้าคุณไม่ช่วยลูกชาย ฉันจะช่วยเอง!”
“และฉันเชื่อว่าเฉินไต้ซือจะไม่นิ่งดูดาย ปีหน้าเสี่ยวโม่จะต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน!” หลี่ซู่เฟินมองเฉินซงจื่ออย่างมีไมตรี
เฉินซงจื่อรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว แน่นอนอยู่แล้ว”
หลี่ซู่เฟินเชื่อว่าคนที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นที่ต่อสู้กับตระกูลว่านในการประชุมสูงสุดฮ่านหยาง และสนับสนุนเหม่ยหวา กรุ๊ปในช่วงเวลาวิกฤติ ล้วนเห็นแก่หน้าเฉินซงจื่อ
เฉินโม่ไม่ได้อธิบายเพราะเขากลัวว่าถ้าพูดความจริงแล้วจะทำให้แม่ตนเองตกใจ กระทั่งเจตนาทำให้เธอความเข้าใจผิดมากขึ้น เพื่อทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเฉินซงจื่อก็คือเฉินไต้ซือ
สิ่งนี้ทำให้ช่วงหลายวันนี้ เฉินซงจื่อระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก และรู้สึกอกสั่นขวัญหาย
เฉินจิงเย่ไม่สามารถช่วยเฉินได้ แต่เขาก็หวังว่าเฉินโม่จะสามารถชนะเพื่อครอบครัวของเขา ดังนั้นเขาประสานมือแล้วคำนับไปทางเฉินซงจื่อ และกล่าวว่า “ต้องรบกวนเฉินไต้ซือแล้ว!”
เฉินซงจื่อรีบประสานมือและคำนับกลับ พูดล้อเล่นอะไรกัน นี่คือพ่อแม่ของอาจารย์เชียวน่ะ ตามมารยาทแล้วเฉินซงจื่อควรเรียกเขาว่าอาจารย์ปู่หรือว่าคุณท่าน ต่อหน้าพวกเขาแล้ว เฉินซงจื่อทำได้เพียงทำความเคารพ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกันอย่างสิ้นเชิง แล้วจะให้ฉินซงจื่อปรับตัวอย่างไร?
เฉินจิงเย่มองเฉินโม่อีกครั้ง “ปีนี้ไม่กลับแล้ว หลังจากตรุษจีนแล้วพ่อจะให้คุณท่านโอนเงินทุนเริ่มต้นให้ลูก แล้วลูกก็เรียนรู้การทำธุรกิจด้วยตนเอง”
“จำเอาไว้ว่าอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ถ้าลูกล้างผลาญจนหมดสิ้นแล้ว ต่อไปครอบครัวของพวกเราจะกลายเป็นตัวตลกในตระกูลเฉิน” เฉินจิงเย่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“คุณพ่อวางใจเถอะ ผมจำไว้แล้ว!” เฉินโม่ตอบ
ความจริงแล้วหลี่ซู่เฟินไม่รู้ว่าตอนนี้มูลค่าทรัพย์สินของเฉินโม่นั้นเหนือกว่าเธอแล้ว และเมื่อเทียบกับตระกูลเฉินแห่งหนานซูแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันของคนรุ่นใหม่ของตระกูลเฉิน ที่รอให้เฉินโม่กลับมาทำให้พวกเขาอับอายขายหน้า
“คุณพ่อ คุณแม่ พวกคุณยังมีอะไรจะสั่งอีกไหมครับ? ถ้าไม่มีแล้ว ผมจะออกไปเดินเล่น เพราะผมไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้ว ผมจะไปเยี่ยมเพื่อนนักเรียนพวกนั้น” เฉินโม่กล่าว
“ไปเถอะ อย่าดื่มเหล้า อย่าก่อเรื่อง” เฉินจิงเย่กล่าว
หลี่ซู่เฟินไม่ได้กังวลว่าเฉินโม่จะก่อเรื่อง เธอจ้องไปที่เฉินโม่และกำชับว่า “อย่าไปรังแกคนอื่น!”
เฉินโม่หัวเราะ เดินออกไปจากประตูพร้อมกับเฉินซงจื่อ
เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เฉินโม่หาหมายเลขโทรศัพท์ของถานชิวเซิงที่บันทึกอยู่โทรศัพท์มือถือแล้วโทรออก
หลังจากดังหลายครั้ง โทรศัพท์ก็เชื่อมต่อ
“หมายความว่าอย่างไร? ทำไมกว่าจะรับสายผมถึงได้นานขนาดนี้!” เฉินโม่ถามด้วยรอยยิ้ม
เสียงดังออกมาจากโทรศัพท์ “ไม่มีอะไร โทรศัพท์วางอยู่ทางโน้น ทำให้ไม่ได้ยินเสียง เสี่ยวโม่ นายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉินโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าน้ำเสียงของถานชิวเซิงผิดปกติเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามแกล้งทำเป็นน้ำเสียงปกติ แต่เพียงสักครู่เฉินโม่ก็ฟังออก