Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1570 แดนเจินหลง

ตอนที่ 1570 แดนเจินหลง
Click to Hide Advanced Floating Content

Kingdom66

Brazil999
ผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณขุมอุดรมีมกุฎอริยะห้าคนเป็นผู้นำ นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์อีกสามสิบกว่าคน
พลังระดับนี้ในขุมอำนาจอื่นๆ ของแปดดินแดน ก็นับเป็น ‘ขนาดเล็ก’ เท่านั้น
แต่สำหรับค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ กลับเป็นพลังน่ากลัวที่ทำให้พวกเขาได้แต่อดกลั้น ไม่กล้าออกจากเมืองไปสังหาร
แน่นอนว่าเซ่าเฮ่าและรั่วอู่ไม่กลัว แต่ทั้งสองกังวลว่าหากตนออกไป ในเมืองจะขาดกำลังคนควบคุมสถานการณ์ จะถูกศัตรูฉวยโอกาสบุกเข้ามา เช่นนั้นผลลัพธ์ก็จะรุนแรงแล้ว
ด้วยเหตุนี้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณต่างอัดอั้นและเดือดดาล
และผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณขุมอุดรกลุ่มนี้แต่ละคนล้วนไม่เกรงกลัว ยั่วยุจาบจ้วง ข้าศึกมาเยือนเมือง กลับไม่มีใครรับศึก นี่ทำให้ในใจพวกเขาเองก็มีความย่ามใจและดูถูกอย่างหนึ่ง
“เฮ้อ น่าผิดหวังจริงๆ เมื่อไหร่ดินแดนรกร้างโบราณของพวกเจ้าจะกล้าส่งคนมาต่อสู้ บางทียังสามารถทำให้พวกข้าชื่นชมสักหน่อย ตอนนี้หรือ… เหอะๆ พูดได้เพียงว่าพวกเจ้าก็คือพวกไร้ประโยชน์!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งส่ายหน้าถอนหายใจ
“ด่าใครว่าไร้ประโยชน์”
และตอนนี้เองจู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น
“แน่นอนว่าด่าดินแดนรกร้างโบราณของพวกเจ้า…”
ชายหนุ่มเอ่ยตามจิตใต้สำนึก เพิ่งพูดถึงครึ่งหนึ่งก็ตระหนักได้ พลันเดือดดาลยกใหญ่ สายตาหันขวับไปมอง
ก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายรูปลักษณ์หล่อเหลาสะอาดสะอ้านที่สวมชุดสีขาวพระจันทร์คนหนึ่งได้ปรากฏในระยะที่ไม่ไกลนัก ท่าทางนิ่งสงบใจเย็น
ชายหนุ่มที่เดิมกราดเกรี้ยวพลันอึ้งงัน จากนั้นหัวเราะฮ่าออกมา “ถึงกับมีพวกไร้ประโยชน์กล้าออกจากเมืองจริงๆ!”
เขาหัวเราะยกใหญ่ เผยสีหน้าตื่นเต้น
ยั่วยุท้าทายอยู่นาน กลับไม่มีคนกล้ารับศึกเสียที ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนกระโดดออกมา ทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างคาดไม่ถึง
เพียงแต่ชายหนุ่มยังคงไม่สังเกตเห็น ว่ามกุฎอริยะห้าคนที่อยู่รอบๆ เขาต่างสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
“กล้าดีนี่!”
ชายหนุ่มชูนิ้วโป้งขึ้นยิ้มตาหยีแล้วพูด “มาๆๆ บอกมาซิว่าเจ้าอยากตายด้วยวิธีใด ข้าจะให้เจ้าทั้งหมด”
ประโยคเดียวทำเอาริมฝีปากของเหล่ามกุฎอริยะที่อยู่ข้างๆ เขายังอดกระตุกไม่ได้
เพี๊ยะ!
ชายชรารูปร่างอ้วนคนหนึ่งสะบัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของชายหนุ่ม “หุบปาก!”
ชายหนุ่มอึ้งงันไปทันที กุมพวงแก้มอย่างงุนงง
ทันใดนั้นเขาพลันสังเกตเห็นว่าสีหน้าของพวกพ้องที่อยู่ข้างๆ ล้วนเปลี่ยนไปมาก เคร่งเครียดอย่างที่สุด แม้แต่มกุฎอริยะห้าคนนั้น แต่ละคนราวกับเผชิญศัตรูยิ่งใหญ่ พลังขับเคลื่อนรอบตัวกึกก้อง
“เจ้า… เจ้าคงไม่ใช่…”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวชายหนุ่ม พลันร้องเสียงหลงออกมา
“หลินสวิน!”
“ฮ่าๆๆ พี่หลินกลับมาแล้ว!”
“ดูๆ เจ้าหมอนั่นโง่เขลาเพียงใด ด้วยพลังปราณระดับอมตะเคราะห์ยังกล้าให้หลินสวินเลือกวิธีตาย สมองมีปัญหาหรืออย่างไร”
ในเมืองอารักษ์มรรคที่อยู่ห่างไป เสียงร้องยินดีหัวเราะลั่นระลอกหนึ่งดังสะเทือนฟ้าดิน
เซ่าเฮ่าและรั่วอู่ลอบโล่งอก ในใจสงบขึ้นมา
ไม่เจอหลายเดือน ในที่สุดหลินสวินก็กลับมาแล้ว!
ชั่วขณะนี้พวกเซ่าเฮ่าสังเกตเห็นอย่างฉับไวว่า ด้วยการกลับมาของหลินสวิน ทุกคนต่างรู้สึกสบายใจขึ้นราวกับยกภูเขาออกจากอก
ประหนึ่งว่าต่อให้เป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน ขอแค่มีหลินสวินอยู่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป!
ชายหนุ่มปานถูกฟ้าผ่า สีหน้าซีดเซียว ลูกตาแทบหลุดร่วงออกมา ถึงกับเป็นเจ้าหมอนั่นจริงๆ เขาไม่ปรากฏตัวหลายเดือนแล้วมิใช่หรือ เหตุใดตอนนี้จู่ๆ ก็โผล่มา
เหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนโบราณขุมอุดรแต่ละคนร่างกายยิ่งแข็งทื่อด้วยความตึงเครียด ไม่มีความย่ามใจ ได้ใจและดูหหมิ่นเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
แม้เป็นมกุฎอริยะเหล่านั้น สีหน้ายังอึมครึมไม่สามารถสงบได้ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ตะลึงและตึงเครียด
ชื่อเสียงอันดุดันของหลินสวิน ทั้งสมรภูมิเก้าดินแดนมีใครไม่รู้บ้าง
“ไป!”
มกุฎอริยะเหล่านั้นเลือกจะถอยหนีโดยแทบไม่มีความลังเลใด สะบัดแขนเสื้อหมายจะพาทุกคนเคลื่อนย้ายผ่าวห้วงอากาศหนีไป
ตูมโครม!
ก็เห็นหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ อากาศรอบๆ พลันยุบทลาย ประกายเทพเจิดจ้าพลิกตลบ ซัดมกุฎอริยะพวกนั้นจนถอยออกจากห้วงอากาศ
เพียงโจมตีง่ายๆ ก็เผยท่วงท่าผงาดกร้าวเต็มประดา!
“ข้าจัดการเอง”
ทว่าตอนที่หลินสวินจะลงมือสังหาร ก็เห็นจ้าวจิ่งเซวียนเข้ามาโดยพลัน ชุดม่วงโบกสะบัด ผมดำพลิ้วไหวราวกับเซียนมาเยือนโลก
“ได้ ข้าจะคอยเสริมให้เจ้า”
หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มแล้วเปิดทางให้
จ้าวจิ่งเซวียนเพิ่งก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะ เขาเองก็อยากดูว่าหลังจากนางปลุกพลังพรสวรรค์ของสายเลือดเจินหลงขึ้นมาแล้ว พลังต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงใด
ตูม!
การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่เหนือความคาดหมาย สะเทือนฟ้าดิน ประกายศักดิ์สิทธิ์ราวกับกระแสน้ำม้วนตัว
เดิมทีหากเผชิญหน้ากับหลินสวิน มกุฎอริยะดินแดนโบราณขุมอุดรเหล่านี้ไม่มีความมั่นใจสักนิด แต่พอคู่ต่อสู้เปลี่ยนเป็นจ้าวจิ่งเซวียน พวกเขาก็ไม่ได้กลัวขนาดนั้นแล้ว
สู้หลินสวินไม่ได้ ยังจะสู้อริยะหญิงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
เพียงแต่พอการต่อสู้ดำเนินไป สีหน้าของมกุฎอริยะห้าคนนี้ก็อดเปลี่ยนไปไม่ได้ ความกดดันค่อยๆ เพิ่มขึ้น!
อีกฝ่ายราวกับเซียน ร่างกายมีละอองแสงพร่างพรม ใบหน้างามบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่หลังจากลงมือ พลังกลับราวกับภูเขาถล่มสมุทรทลาย น่ากลัวอย่างที่สุด
ราวกับมีเงามายาเจินหลงมากมายวนเวียนอยู่รอบตัวนางรางๆ เงยหน้าครวญคำราม อานุภาพตะลึงฟ้า ทุกการโจมตีล้วนมีพลังทำลายล้างที่ผลาญภูผาต้มสมุทร ทำให้สรรพสิ่งดับสลาย
“เป็นพลังพรสวรรค์ของเผ่าเจินหลง… แดนเจินหลง! อภินิหารนี้หากฝึกถึงขีดสุด พลังอภินิหารสามารถเปิดแดนมังกรแห่งหนึ่ง ฝูงมังกรซุ่มซ่อนอยู่ภายใน หากศัตรูติดอยู่ในนั้นก็มีแต่ตายกับตาย”
ดวงตาคู่งามของรั่วอู่วับวาว ความตะลึงแวบผ่าน “อภินิหารระดับนี้ มีความมหัศจรรย์ที่มีคุณสมบัติเดียวกับเขตแดนมหามรรค ซึ่งราชันอริยะสามารถครอบครองได้!”
“คิดไม่ถึงว่าคนรู้ใจของพี่หลินคนนี้ถึงกับเป็นลูกหลานเผ่าเจินหลง เท่าที่ข้ารู้บนทางเดินโบราณฟ้าดารา เผ่าเจินหลงเป็นเผ่าที่อิทธิพลสูงส่ง ความหนาแน่นของรากฐานพลังเหนือกว่าหมื่นเผ่าในฟ้าดารามากมาย”
เซ่าเฮ่าเองก็อดอุทานด้วยความตกใจไม่ได้
มังกรเจินหลงก็เหมือนกับหงส์เซียน ล้วนเป็นเผ่าที่เป็นดั่งตำนาน น้อยมากที่จะปรากฏในโลก แต่ไม่ว่าใครล้วนไม่สามารถปฏิเสธความแข็งแกร่งของเผ่านี้ได้!
ส่วนผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนอื่นๆ ที่อยู่บนกำแพงเมืองต่างอึ้งตาค้างไปแล้ว
จ้าวจิ่งเซวียนก้าวสู่ระดับมกุฎอริยะ เดิมก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจแล้ว แต่ตอนนี้นางกลับสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ที่แสดงออกมายิ่งทำให้พวกเขาตะลึง
มีเพียงหลินสวินที่นิ่งกว่าไม่น้อย เขารู้ดีว่าบิดาของจ้าวจิ่งเซวียนเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิที่สมดั่งคำร่ำลือมานานแล้ว และมารดาก็เป็นบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ตอนนี้ต่างมุ่งหน้าไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราพร้อมกับชายหนุ่มจักจั่นทอง
มีบิดามารดาที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดคู่หนึ่ง รากฐานพลังและพรสวรรค์ของจ้าวจิ่งเซวียนจะด้อยได้อย่างไร
ทว่าหลินสวินก็ยังดูออกว่าจ้าวจิ่งเซวียนยังไม่สามารถควบคุมพลังระดับอริยะได้อย่างแท้จริง ทำให้ในการต่อสู้พลาดโอกาสดีในการสังหารศัตรูหลายครั้ง
นี่ก็เป็นเรื่องปกติ ระดับอริยะและระดับราชันอมตะเคราะห์เป็นสองระดับที่แตกต่างกันโดยสมบูรณ์ จ้าวจิ่งเซวียนสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็สุดยอดมากแล้ว
ผลลัพธ์ของการต่อสู้ไม่ได้เหนือความคาดหมาย มกุฎอริยะสามคนถูกจ้าวจิ่งเซวียนฆ่าด้วยตัวเอง สองคนที่เหลือก็ถูกหลินสวินที่คอยช่วยอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดลงมือจัดการ
สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับอมตะเคราะห์เหล่านั้น ต่างเหมือนมดที่ถูกดีดนิ้วกำจัด
คืนนั้นการกลับมาของหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนได้รับการต้อนรับจากกลุ่มสหาย รวมตัวกันดื่มเหล้าพูดคุยอย่างมีความสุข
ในงานเลี้ยงหลินสวินเองก็ได้รู้เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกรกร้างโบราณในช่วงนี้
“คราวก่อนแดนลับนรกโลกันตร์มาเยือน ขุมอำนาจแปดดินแดนก็เคยบุกเข้าโลกรกร้างโบราณ คว้าวาสนาบรรลุมกุฎอริยะทั้งหมด ครั้งนี้แดนลับสนามแม่เหล็กกำลังจะมาเยือน หากพวกเขาอยากขัดขวางโอกาสบรรลุมกุฎอริยะของผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณของพวกเราเหมือนครั้งก่อน เช่นนั้นก็คิดผิดมหันต์แล้ว”
หลินสวินพูดเสียงเรียบ
เขาเคยรับปากนานแล้วว่าจะช่วยผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณช่วงชิงโอกาสบรรลุมกุฎอริยะ จะยอมให้แดนลับสนามแม่เหล็กถูกศัตรูแปดดินแดนควบคุมได้อย่างไร
“พี่หลิน กับเรื่องแดนลับสนามแม่เหล็ก เจ้ามีแผนการแล้วหรือ”
เซี่ยวชางเทียนถาม
สิ่งที่เขากับบุคคลขอบเขตมกุฎอย่างพวกเยี่ยเฉิน เยวี่ยเจี้ยนหมิง หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอเป็นห่วงที่สุดก็คือโอกาสบรรลุมกุฎอริยะ
“ถึงตอนนั้นขอให้พี่เซ่าเฮ่าและแม่นางรั่วอู่คุมสถานการณ์เมืองอารักษ์มรรคด้วยกัน เลี่ยงไม่ให้ศัตรูฉวยโอกาสเข้ามาหลังจากแดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน”
หลินสวินเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ส่วนด้านแดนลับสนามแม่เหล็ก ข้าจะคอยดูแลด้วยตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็จะให้สหายมรรคที่มีคุณสมบัติช่วงชิงจุดเปลี่ยนบรรลุอริยะของดินแดนรกร้างโบราณของเรา ได้เข้าไปในแดนลับสนามแม่เหล็กทุกคน”
ประโยคเดียวทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ตื่นเต้นขึ้นมา
เซ่าเฮ่ากลับขมวดคิ้วพูด “หลังจากแดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน ศัตรูแปดดินแดนจะเคลื่อนกำลังมกุฎอริยะกลุ่มใหญ่ อาศัยเจ้าคนเดียวอันตรายเกินไป”
“ยังมีข้า”
จ้าวจิ่งเซวียนยิ้มพูด
“แต่เจ้ากับเขารวมกัน ถึงอย่างไรก็มีแค่สองคน”
รั่วอู่อดพูดไม่ได้ “ต้องรู้ว่าครั้งนี้ไม่ได้มีเวลาให้พี่หลินได้วางกระบวนค่ายกล หากถูกศัตรูร่วมมือกันล้อมจู่โจม…”
ไม่รอพูดจบหลินสวินก็ตัดบทพร้อมรอยยิ้ม “ในเมื่อข้ากล้าทำเช่นนี้ ในใจย่อมใคร่ครวญไว้แล้ว นอกจากนี้แม้มีความเสี่ยง ครั้งนี้ก็จะพลาดโอกาสเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กไม่ได้”
คำพูดของเขาราบเรียบ แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างหวั่นไหวอย่างไม่มีข้อยกเว้น ในใจตื้นตัน
ที่หลินสวินรู้ว่าอันตรายแต่ยังทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อบุคคลขอบเขตมกุฎแห่งดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขา เพื่อทั้งค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ!
ความมุ่งมั่น ความองอาจและความทุ่มเทเช่นนี้ ใครจะไม่หวั่นไหว
มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่ในใจนิ่งสงบมาก แม้แต่เจี้ยนชิงเฉินยังถูกหลินสวินสังหาร มกุฎอริยะทั่วไปไม่อยู่ในสายตาของหลินสวินตั้งนานแล้ว!
ในหลายวันหลังจากนั้น ข่าวที่หลินสวินหวนกลับเมืองอารักษ์มรรคโลกรกร้างโบราณก็ถูกศัตรูแปดดินแดนทยอยรับรู้
ชั่วขณะเดียวศัตรูที่เดินทางมาท้าทายหน้าเมืองอารักษ์มรรคก็ลดลงไม่น้อย
แน่นอนว่าก็มีผู้แข็งแกร่งที่ไม่เชื่อ อยากจะมาทดสอบความสามารถของหลินสวิน ผลลัพธ์คือถูกสังหารที่นอกเมืองโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่มีใครรอดกลับไป
ทว่าพร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยไป โลกรกร้างโบราณก็กลายเป็นสถานที่แห่งลมพายุหนึ่งรางๆ มีผู้แข็งแกร่งจากค่ายทัพแปดดินแดนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าทยอยมาเยือน
แม้แต่ดินแดนโบราณมารโลหิตยังส่งกองกำลังมือฉมังกลุ่มหนึ่งมาภายใต้คำสั่งของเซวี่ยชิงอี
เป้าหมายของพวกเขาง่ายมาก ก็เพื่อแดนลับสนามแม่เหล็กที่กำลังจะมาเยือน
สำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น หลินสวินมองเห็นอยู่ในสาย แต่กลับไม่ได้โต้ตอบรุนแรงอะไร อยู่ในเมืองอารักษ์มรรคตลอดเวลา นั่งมองลมเมฆขับเคลื่อน
ยามที่แดนลับสนามแม่เหล็กมาเยือน ก็คือวันแห่งการออกโจมตีของเขา!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท