แดนนิรมิตเทพ บทที่ 345
ภายในห้อง เจ้าสำนักน้อยมองเวินฉิงอย่างตกใจ พูดอย่างแปลกใจว่า “คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ไม่คิดเลยว่าในร่างกายของคนธรรมดาอย่างเธอจะมีของวิเศษคุ้มกายระดับนี้อยู่!”
“หากฉันยังฝึกฝนไม่ถึงระดับแดนทิพย์แท้ คงจะไม่สามารถทำลายการป้องกันจากของวิเศษคุ้มกายนี้ได้ ตอนนี้ฉันพอจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมพวกคนข้างนอกถึงได้ร้อนรนกันขนาดนี้”
เวินฉิงมองเจ้าสำนักน้อยอย่างหวาดกลัว แต่ภายในใจรู้สึกตะลึงต่อหยกที่เฉินโม่ให้กับเธอมากกว่า ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมตอนนั้นเฉินโม่ถึงได้เอาแต่ย้ำกับเธอว่าต้องใส่ติดตัวไว้ ห้ามถอดออกจากตัวเลยเด็ดขาด
หยกแขวนธรรมดาชิ้นนี้ ขัดขวางเจ้าสำนักน้อยไว้ได้ถึงครึ่งชั่วโมง
เจ้าสำนักน้อยยิ้มร้าย ความร้อนแรงในแววตายิ่งมากขึ้นกว่าเดิม “ตอนนี้ ฉันดูสิว่าใครจะมาช่วยเธอได้อีก!”
เวินฉิงหลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม ในใจรู้สึกสิ้นหวัง “แม้ฉันจะต้องตาย ก็จะไม่ยอมให้เขาย่ำยี!”
“เสี่ยวโม่ ไว้เจอกันชาติหน้านะ!”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย คนแรกที่เวินฉิงคิดถึงไม่ใช่หลี่ซู่เฟินผู้มีบุญคุณต่อเธอ แต่เป็นเฉินโม่
เวินฉิงคิดจะวิ่งไปชนกำแพง เพื่อฆ่าตัวตาย
แต่เจ้าสำนักน้อยรวดเร็วยิ่งว่าเธอ เคลื่อนไหวร่างกายไปขวางไว้ตรงหน้าของเวินฉิง กลายเป็นว่าเวินฉิงวิ่งพุ่งเข้าไปชนกับอ้อมอกของเจ้าสำนักน้อย
“โอ๊ะ สาวงามวิ่งเข้ามาหาเอง อย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจละ ฮ่าๆๆ!”
เอียนชิงเฉิงสีหน้าเย็นชา หยิบเก้าอี้จากด้านข้างขึ้นมาแล้วฟาดไปที่เจ้าสำนักน้อย
เจ้าสำนักน้อยโบกมือ เก้าอี้ไม้ที่แข็งแกร่งก็แตกหักกระจัดกระจาย แต่เจ้าสำนักน้อยกลับไม่เป็นอะไรสักนิด
“หึๆ สาวสวย อย่าใจร้อนสิ รอเดี๋ยว เดี๋ยวก็ถึงคิวของเธอแล้ว”
ในเวลานี้ เฉินโม่สัมผัสหาตำแหน่งพลังของหยกแขวนคุ้มกาย และกำลังเร่งรีบตามไป
ระหว่างทาง เฉินโม่ไม่ว่างสนใจความตกตะลึงของผู้คน เร่งรีบเพิ่มความเร็ว ผู้คนรู้สึกเพียงแค่ตรงหน้ามีเงาแวบผ่านไป แต่ไม่สามารถจับต้องอะไรไว้ได้เลย
ภายในห้อง เจ้าสำนักน้อยกดจุดชีพจรของเอียนชิงเฉิงและเวินฉิงไว้ วางเวินฉิงไว้บนเตียง….
ทันใดนั้น ความรู้สึกถึงอันตรายใกล้เข้ามา เสียงดังสนั่นจากฟ้า แสงสีทองส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง
ปัง!
เจ้าสำนักน้อยขยับตัวหลบเลี่ยง ปล่อยหมัดต่อยไปที่แสงสีทอง
แม้ว่าแสงสีทองจะถูกเขาต่อยจนถอยไป แต่แขนข้างหนึ่งของเขาก็สะเทือนจนเหน็บชา อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!
“ใคร ช่างกล้ามาลอบทำร้ายกู!”
เจ้าสำนักน้อยมองไปนอกหน้าต่าง ระมัดระวังตัว แต่ไม่มีใครตอบกลับเขา
แววตาของเวินฉิงมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตารินไหลไปตามกรอบใบหน้าที่สวยงาม
เวลานี้ เฉินโม่ยังอยู่ห่างออกไปอีกหลายกิโลเมตร ทำได้แค่ใช้พลังใส่กระบี่สับสวรรค์ เพื่อไปสำรวจสถานการณ์ของเวินฉิงก่อน
ในช่วงเวลาคับขัน กระบี่สับสวรรค์ที่เฉินโม่ใช้ได้เข้าโจมตีเจ้าสำนักน้อย แต่เนื่องจากระยะห่างที่ไกล พลังของกระบี่สับสวรรค์อ่อนลงมาก จึงถูกเจ้าสำนักน้อยต้านทานไว้ได้อย่างง่ายดาย
“เซียนกระบี่ระดับสูงสุดในตำนาน สามารถตัดหัวคนลงได้ในดาบเดียวแม้จะอยู่ไกลหลายกิโล แต่จากพลังบำเพ็ญของฉันในตอนนี้ ระยะห่างมากเช่นนี้ถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดของฉันแล้ว”
เฉินโม่รู้สึกเศร้าใจ ภายในใจรู้สึกคาดหวังต่อการฟื้นคืนกำลังอย่างรวดเร็ว
แต่ว่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว หากยังไม่สามารถจัดการอันตรายทิ้งได้ เจ้าสำนักน้อยก็ไม่สามารถวางใจทำร้ายเวินฉิง
ระยะเวลาระหว่างนี้ มากพอให้เฉินโม่เร่งไปช่วยเหลือพวกเวินฉิงทั้งสองคนได้แล้ว
“ใคร ใจกล้าก็ออกมา!ออกมาสู้กับกูซะเดี๋ยวนี้!”
เจ้าสำนักน้อยกวาดมองรอบข้างอย่างกังวลใจ แม้เข้าจะถึงระดับแดนทิพย์แท้แล้ว เทียบได้กับระดับปรมาจารย์นักบู๊ แต่ก็ไม่สามารถสังเกตพบเห็นเฉินโม่ที่อยู่ไกลกว่าหลายกิโลเมตร
ความเร็วของเฉินโม่ในตอนนี้เร็วมากยิ่งกว่ารถไฟความเร็วสูงแล้ว ระยะทางหลายกิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เดินทางถึงที่หมาย
เมื่อร่างกายของเฉินโม่บุกเข้าไปด้านใน สีหน้าของเจ้าสำนักน้อยก็ตกตะลึงทันที “แก!แก แกไม่ได้ตาย!”
“เป็นไปได้ยังไงกัน!”
เจ้าสำนักน้อยอึ้งตะลึง เขาไม่สามารถนึกคิดได้จริงๆว่าเฉินโม่หนีรอดออกมาจากภูเขาลูกนั้นได้อย่างไร
เหลือบมองเวินฉิงที่นอนยิ้มน้ำตาไหลอยู่บนเตียง แล้วหันไปมองเอียนชิงเฉิงที่สีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห ในแววตาของเฉินโม่ก็เต็มไปด้วยไอสังหารมากมาย