แดนนิรมิตเทพ บทที่ 415
ห้องครัวของหอเซียงหม่าน เฉินโม่สั่งให้คนเตรียมถังน้ำขนาดใหญ่ไว้ ภายใต้แววตาสงสัยของหลี่ซู่เฟินและเวินฉิง ล้วงเอายาเสริมจิตหนึ่งเม็ดออกมา แล้วโยนเข้าไป
เม็ดยากระทบกับน้ำ ละลายตัวในทันที ไม่มีสีไม่มีกลิ่นไม่มีสารตะกอน
เฉินโม่มองหลี่ซู่เฟินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นำเอาน้ำถังนี้แบ่งให้กับลูกน้องของแต่ละสาขา แล้วสั่งให้พวกเขาใช้น้ำในนี้มาทำอาหารนะครับ”
เวินฉิงถามอย่างสงสัยว่า “เสี่ยวโม่ เมื่อกี้ที่นายใส่เข้าไปก็เป็นยาเหมือนกันงั้นหรอ?”
เฉินโม่พยักหน้า “ใช่ครับ”
“อย่างนั้นแล้วต่อไปอาหารที่หอเซียงหม่านของเรา ก็จะมีผลลัพธ์เหมือนที่อาหารสมุนไพรจีนบำรุงสุขภาพของหอว่านเค่อไหลมีเหมือนกันใช่มั้ย?” เวินฉิงพูดอย่างตื่นเต้น
“ใช่ครับ และยังมีผลลัพธ์ดีกว่าของพวกเขานับสิบเท่าด้วย!”
“สุดยอดขนาดนี้เลยหรอ!” ในแววตาที่สวยงามของเวินฉิง มีความตกตะลึง แล้วจากนั้นก็สลดลงเล็กน้อย “น่าเสียดาย สุดท้ายพวกเราก็ช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนนี้ชื่อเสียงของหอว่านเค่อไหลกำลังโด่งดังรุ่งโรจน์ แม้ว่าพวกเราเองก็โฆษณาอาหารเช่นนี้ออกไปเหมือนกัน แต่ทุกคนก็จะคิดว่าพวกเราลอกเลียนแบบ และก็เลือกผู้ต้นคิด เลือกหอว่านเค่อไหลก่อน”
เฉินโม่สีหน้ามั่นใจ “พี่เวินฉิงวางใจได้ครับ แม้ว่าตระกูลว่านจะมีนักกลั่นยาอยู่เบื้องหลัง แต่นักกลั่นยาฝีมือแค่นั้น ยาที่กลั่นออกมา ประสิทธิภาพอยู่ได้ไม่นานนักหรอกครับ”
“พวกเราเตรียมของไว้ให้เรียบร้อย แล้วรออยู่เงียบๆไม่กี่วัน หากประสิทธิภาพยาของหอว่านเค่อไหลหมดฤทธิ์แล้ว ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะรู้เองว่าที่จริงแล้วอาการป่วยของตัวเองไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด เพียงแค่ถูกฤทธิ์ยากดอาการลงไปก็เท่านั้น”
แววตาของเวินฉิงเป็นประกายของความดีใจ “ถึงตอนนั้นแล้วพวกเราก็โฆษณาขายอาหารที่มีฤทธิ์ยายาวนานกว่าของพวกเขาออกไป ทำการโฆษณาแจกจ่ายฟรีก่อนรอบหนึ่งเพื่อเรียกลูกค้า และเมื่อมีคนทานอาหารของเรา แล้วสามารถรักษาอาการป่วยของร่างกายได้สำเร็จ จะต้องยินดีป่าวประกาศโฆษณาให้กับพวกเราแน่นอน ถึงตอนนั้นการโฆษณาต่างๆที่ว่านเค่อไหลเคยทำไปก่อนหน้านี้ สุดท้ายก็จะกลายมาเป็นการปูทางให้กับพวกเรา!”
เฉินโม่พยักหน้า มองเวินฉิงด้วยความชื่นชม “พี่เวินฉิงเก่งจริงๆ สมแล้วที่เป็นมือซ้ายมือขวาของคุณแม่!”
เวินฉิงเขินอาย แววตาเลิ่กลั่ก “ที่ไหนกัน เสี่ยวโม่นายนั่นแหละที่เก่ง ถ้าหากไม่มียาของนาย ถึงแม้จะเสียค่าโฆษณาไปอีกมากมายเท่าไหร่ ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆเลย”
หลี่ซู่เฟินจ้องมองเฉินโม่ด้วยความสงสัยมาตลอด แล้วทันใดนั้นก็ถามไปว่า “เสี่ยวโม่ ยาเม็ดนี้ของลูกไปเอามาจากที่ไหน?”
เฉินโม่แววตาเลิ่กลั่ก พูดยิ้มๆว่า “ทำไมแม่ถึงถามเรื่องนี้ละครับ ตอนที่ผมฝึกฝนบู๊กับอาจารย์ จึงรวดฝึกฝนการกลั่นยามากด้วย ไม่คิดเลยว่าจะได้ใช้งานจริงๆ”
“งั้นหรอ?” หลี่ซู่เฟินไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมด แววตาที่มองเฉินโม่ก็ยังมีความสงสัยแฝงอยู่ด้วย
ในใจเฉินโม่รู้สึกเอือมระอา เขาไม่ได้จงใจที่จะปิดบังตัวตน แต่ตัวตนนักบู๊ของตัวเอง ก็ได้ทำให้หลี่ซู่เฟินและเวินฉิงตะลึงอยู่นานแล้ว แล้วถ้าหากยังบอกกับทั้งสองคนอีกว่าตัวเองเป็นนักกลั่นยา เฉินโม่กลัวว่าหลี่ซู่เฟินจะสงสัยในตัวตนของเขา
“สิ่งนี้มันมีอะไรน่าแปลกใจกันครับ เอาล่ะ พวกเราจัดการเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่านะครับ!” เฉินโม่เปลี่ยนบทสนทนาอย่างเรียบเฉย
หลี่ซู่เฟินเองก็ไม่ได้คิดที่จะซักถามมากมายเท่าไหร่ เพียงแค่ในใจมีความสงสัย จึงได้ถามออกไปเท่านั้น
“โอเค เวินฉิง เธอไปตามผู้รับผิดชอบของแต่ละสาขามา แล้วแบ่งน้ำในถังนี้ซะ จากนั้นก็รอเวลา เตรียมเล่นงานคืน!” จิตวิญญาณนักสู้ในแววตาของหลี่ซู่เฟินลุกโชน ถูกเหยียบย่ำมานานขนาดนี้แล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะได้เอาคืนสักที่
ว่านซื่อกรุ๊ป ภายในห้องประชุม
หนานกงหลงต่อว่าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คุณว่านครับ ไหนคุณบอกว่าเฉินโม่มาถึงที่ฮ่านหยางแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมยังไม่เห็นเขาลงมือทำอะไรอีก?”
มู่เจิ้งเฟิงหลับตาพักผ่อน เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ลืมตาเหลือบมองว่านฉางหรู จากนั้นก็หลับตาลงต่อไป