แดนนิรมิตเทพ บทที่ 420
เฉินโม่โทรหาเฉินซงจื่อภายใต้สายตางุนงงของหลี่ซู่เฟิน เฉินซงจื่อที่มารออยู่ในเมืองฮ่านหยางสักพักแล้ว ก็รีบเดินทางมาจากโรงแรม
มองดูน้ำดื่มที่เฉินซงจื่อนำมา หลี่ซู่เฟินถามเฉินโม่อย่างไม่เข้าใจว่า “นี่มันก็แค่น้ำดื่มธรรมดาไม่ใช่หรอ? ลูกคงไม่ได้คิดที่จะลดทอนวัตถุดิบหรอกใช่มั้ย!”
เฉินโม่ยิ้มขมขื่น “แม่ครับ ในสายตาแม่ผมเป็นนักธุรกิจใจดำอย่างนั้นหรอครับ? แม่วางใจได้ ในนี้ไม่ใช่น้ำดื่มธรรมดา แต่เป็นน้ำพลังชี่ทิพย์ เป็นน้ำที่เหมือนกับน้ำครั้งก่อนที่ผมใช้ยาละลายเข้าไป”
หลี่ซู่เฟินลุกขึ้นเดินเข้าไปสำรวจดู แล้วมองเฉินโม่อย่างสงสัย “จริงหรอ?”
เฉินโม่พยักหน้า “จริงครับ ไม่เชื่อแม่ลองชิมดูสิ”
เฉินซงจื่อรีบหยิบเอาแก้วบนโต๊ะทำงานมาเทน้ำให้กับหลี่ซู่เฟินครึ่งแก้ว แล้วยื่นให้กับหลี่ซู่เฟินด้วยความเคารพ
หลี่ซู่เฟินมองดูเฉินโม่ แล้วก็ดื่มน้ำ รู้สึกว่าน้ำนั้นดื่มเข้าไปแล้วละลายในปากเลย เมื่อดื่มหมดแล้วก็รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายสบายตัว รู้สึกสดชื่น และเห็นได้ชัดว่าร่างกายคล่องแคล่วมากขึ้น
“มหัศจรรย์มากขนาดนี้เลยหรอ!” หลี่ซู่เฟินรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เฉินโม่พูดว่า “น้ำถังนี้ สามารถเจือจางกับน้ำได้ประมาณสิบตัน ครั้งนี้ผมเอามาประมาณสิบกว่าถัง แม่สั่งให้คนแจกจ่ายกันลงไปก่อน น่าจะสามารถพอใช้ได้อีกหลายวันครับ”
หลี่ซู่เฟินยังรู้สึกกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย “แล้วอนาคตละ? ลูกสามารถจัดหาน้ำพลังชี่ทิพย์มาให้ได้ตลอดหรือเปล่า?”
เฉินโม่พูดด้วยรอยยิ้มอย่างคาดเดาไม่ได้ “สบายใจเถอะครับ ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว เพียงแค่กำจัดนักกลั่นยาที่ตระกูลว่านเชิญมาทิ้งไปซะ ต่อไปก็จะกลายเป็นแค่การแข่งขันทางธุรกิจธรรมดาเท่านั้นแล้ว”
หลี่ซู่เฟินกระจ่างแจ้ง “แม่เข้าใจล่ะ อย่างนั้นแม่ก็จะใช้โอกาสนี้เปิดสาขาหอเซียงหม่านไปทั่วทั้งประเทศอย่างรวดเร็ว รอตระกูลว่านตั้งสติตอบสนองได้แล้ว ก็เป็นเวลาที่ผลลัพธ์มั่นคงแล้ว”
เฉินโม่พยักหน้า “ได้ครับ”
เมืองฮ่านหยาง ถนนสามัคคี สาขาร้านหอเซียงหม่านแห่งหนึ่ง
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่มีใบหน้าเมตตาอ่อนโยน ผมหงอกขาว สวมใส่เสื้อผ้าฝึกบู๊สีเทา ยืนมองดูป้ายร้านหอเซียงหม่าน ภายใต้การพยุงของเด็กสาวผมสั้นโฉมงามคนหนึ่ง
“หอเซียงหม่าน น่าจะเป็นที่นี่แหละ” ผู้อาวุโสเสียงดัง ทำให้ดูแข็งแรง
เด็กสาวคนนั้นยื่นหน้ามองด้านใน พูดเสียงเบาว่า “คุณปู่คะ ข่าวลือยังไงมันก็คือข่าวลือ ท่านอย่าได้คาดหวังมากนักเลยนะคะ”
ผู้อาวุโสส่ายหัว พูดนิ่งๆว่า “ยี่สิบกว่าปีก่อน เธอคาดคิดได้มั้ยละว่าจะสามารถติดต่อสื่อสาร ให้ความบันเทิง ช้อปปิ้ง รวมทั้งเรียกรถได้ง่ายๆเพียงแค่โทรศัพท์เครื่องเดียว?”
เด็กสาวส่ายหัว
“ยี่สิบกว่าปีก่อน เธอคาดคิดได้มั้ยว่ามนุษย์จะสามารถขึ้นไปสู่พระจันทร์รวมทั้งดวงอังคารด้วยสิ่งที่ตัวเองวิจัยพัฒนาออกมา?” ผู้อาวุโสถามต่อไป ในแววตามีความขบขัน
เด็กสาวส่ายหัวต่อไป สีหน้ารู้สึกละอายใจ
“ดังนั้นเทคโนโลยีของมนุษย์สามารถพัฒนาก้าวหน้าได้มากถึงเพียงนี้ สิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่งก็เพราะว่ามนุษย์มีความใฝ่ฝัน จากนั้นก็ค่อยๆเอาชนะอุปสรรคต่างๆ เพื่อไล่ตามความฝันให้สำเร็จ ถ้าหากแม้แต่ความคิดยังไม่กล้าคิด อย่างนั้นเทคโนโลยีของมนุษย์ก็จะหยุดยั้งไม่ก้าวหน้า”
เด็กสาวพยักหน้า สีหน้าท่าทางอย่างคนได้รับการสั่งสอน
“ในเมื่อมีคนลือว่าวัตถุดิบของหอเซียงหม่านสามารถรักษาโรคเรื้อรังในร่างกายของพวกเขาได้ อย่างนั้นมันก็มีความเป็นไปได้อย่างนี้อยู่จริง แต่แน่นอน ว่าไม่กีดกันเรื่องที่ร้านค้าโฆษณาเกินจริง แต่ถ้าหากอยากได้ความจริง วิธีการที่เห็นผลดีที่สุดก็คือการทดลองด้วยตัวเอง”
“เหมือนดั่งการที่คนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ จะต้องมีความใฝ่ฝัน หากว่าบนโลกนี้มีอาหารที่สามารถรักษาทุกโรคได้เช่นนี้อยู่จริง แล้วชีวิตนี้ฉันสามารถมาเห็นมันด้วยตาตัวเอง ถึงตายไปฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียดายแล้วละ!”
ผู้อาวุโสแววตาหนักแน่น ก้าวเดินเข้าสู่ในร้าน
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสเดินออกจากร้าน ขาซ้ายที่เดิมทีไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่ตอนนี้กลับสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ไม่จำเป็นต้องให้เด็กสาวมาพยุงอีกต่อไป
ผู้อาวุโสตื่นเต้นจนร่างกายสั่นไหว มองดูเด็กสาวที่มีสีหน้าอัศจรรย์ใจที่อยู่ด้านข้าง “เสี่ยวหยู่ ฉันบอกแล้วไง ข่าวที่ลือมา จะต้องมีมูลแน่นอน ครั้งนี้พวกเรามาได้คุ้มค่าจริงๆ!”
“ค่ะ การตัดสินใจของคุณปู่ เป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอเลยค่ะ!” เด็กสาวเบิกตาโตมองผู้อาวุโส แววตาเต็มไปด้วยความนับถือชื่นชม
“เธอเก็บรักษาน้ำซุปที่ห่อกลับบ้านไว้ให้ดีๆละ พวกเรากลับไปศึกษาวิจัยกัน ดูสิว่าใช้วัตถุดิบอะไรทำออกมากันแน่ ถึงได้มีความมหัศจรรย์เช่นนี้!”
บทที่ 419
บทที่ 421