แดนนิรมิตเทพ บทที่ 419
ว่านฉางหรูมองมู่เจิ้งเฟิงที่ตกตะลึงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “มู่ไต้ซือ ไม่ทราบว่ายาวิเศษล้ำเลิศนั้นคืออะไรครับ?”
มู่เจิ้งเฟิงถอนหายใจ ไม่ได้ตอบคำถาม ถึงแม้จะอธิบายไป ว่านฉางหรูก็คงจะไม่เข้าใจ
หนานกงหลงตะลึง มองมู่เจิ้งเฟิงแล้วถามอย่างสงสัยว่า “ไม่ใช่หรอกมั้ง? ถ้าหากว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นมียาวิเศษล้ำเลิศ มันคงจะกินเองจนหมดเพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญไปนานแล้ว จะนำมาฟุ่มเฟือยในการแข่งขันทางธุรกิจที่ไร้สาระเช่นนี้ได้ยังไงกัน!”
เมื่อได้ยินหนานกงหลงดูถูกการแข่งขันทางธุรกิจของเขากับเหม่ยหวากรุ๊ป ว่านฉางหรูรู้สึกโมโหเล็กน้อย แต่ว่าเขารู้ดี ว่าในสายตาของตระกูลโลกฝึกบู๊พวกนี้ ทุกอย่างในโลกมนุษย์ ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญ มีเพียงแค่พลังอำนาจของตัวเอง ถึงจะเป็นใหญ่
“สำหรับเรื่องนี้ ผมสามารถไขความสงสัยให้กับทั้งสองท่านได้ครับ” ว่านฉางหรูพูด
หนานกงหลงและมู่เจิ้งเฟิง หันสายตาไปมองที่ว่านฉางหรูในทันที แล้วรอให้พูดต่อไป
ในใจของว่านฉางหรูมีความดูถูกทั้งสองคน ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาดูถูกอำนาจของโลกมนุษย์ การกระทำที่เฉินโม่ใช้ยาวิเศษล้ำเลิศช่วยเหลือเหม่ยหวากรุ๊ปเช่นนี้ ที่จริงแล้วสามารถเข้าใจได้ง่ายมาก
แต่ว่านฉางหรูก็ทำได้แค่แอบดูถูกในใจเท่านั้น ไม่กล้าแสดงออกมาให้เห็น
“ผมเคยใกล้ชิดกับเฉินโม่มาก่อนหลายครั้ง พอจะเข้าใจนิสัยของเขา เหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญการความสัมพันธ์ญาติพี่น้องมาก ดังนั้น การที่เขายอมเสียสละยาวิเศษล้ำเลิศมาช่วยเหลือเหม่ยหวากรุ๊ป ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร”
เมื่อหนานกงหลงและมู่เจิ้งเฟิงได้ยินเช่นนั้น ต่างก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหมือนว่าไม่สามารถเข้าใจความคิดของเฉินโม่
ผ่านไปสักพัก หนานกงหลงมองมู่เจิ้งฟิง พูดด้วยสีหน้าโมโหว่า “น้องเจิ้งเฟิง เจ้านั่นยอมเสียสละใช้ยาวิเศษล้ำเลิศ แล้วนายยังมีวิธีการอะไรอีก?”
มู่เจิ้งเฟิงคิดวิเคราะห์ แล้วถอนหายใจด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แม้ว่าตระกูลมู่ของผมจะมียาวิเศษล้ำเลิศเช่นกัน แต่ก็ยังไม่สามารถฟุ่มเฟือยอย่างหมอนั่นได้ หากต้องการใช้วิธีการแข่งขันทางธุรกิจมาทำลายเหม่ยหวากรุ๊ป เห็นได้ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว พวกเราทำได้แค่คิดหาวิธีอื่นแล้วละ”
ความรู้สึกของทั้งสามคนต่างก็หนักใจ บรรยากาศในห้องมีความกดดัน แล้วก็ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก
หนานกงหลงเริ่มร้อนรน ตะคอกเสียงดังว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็บุกเข้าไปที่เหม่ยหวากรุ๊ปกันเลยดีกว่า เพียงแค่ฆ่าเจ้าหนุ่มเฉินโม่คนนั้น เหม่ยหวากรุ๊ปเองก็จะล่มจมไปด้วยเช่นกัน!”
ว่านฉางหรูรีบขัดขวาง “คุณหนานกงอย่าบุ่มบ่ามใจร้อนเด็ดขาดเลยนะครับ หากทำเช่นนี้จะทำให้เกิดผลกระทบหนักมาก จะทำให้ทางรัฐไม่พอใจ หรือว่าคุณอยากจะให้ตระกูลหนานกงถูกกองทัพทหารล้อมปราบปรามงั้นหรือครับ?”
เหมือนคิดได้ถึงสถานการณ์ที่ตระกูลหนานกงถูกเครื่องบินและระเบิดล้อมวงโจมตี สีหน้าของหนานกงหลงจึงดูซีดเซียวขึ้นมา แล้วพูดอย่างโมโหว่า “งั้นนายมีวิธีดีๆอะไรละ?”
ว่านฉางหรูนึกคิด แล้วยิ้มชั่วร้ายออกมา “เจ้าหนุ่มเฉินโม่มียาวิเศษล้ำเลิศ พวกเราไม่สามารถแข่งขันกับเขาได้ แต่พวกเราสามารถคิดหาวิธีขัดขวางได้นี่ครับ”
สายตาของหนานกงหลงและมู่เจิ้งเฟิง หันไปมองว่านฉางหรูพร้อมกัน รอให้พูดต่อไป
ว่านฉางหรูเล่าแผนการของตัวเองให้กับทั้งสองคนฟัง ทั้งสองคนพยักหน้ารัวๆ สุดท้ายใบหน้าของทั้งสองคนเองก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น เหมือนว่าจะยอมรับในแผนการของว่านฉางหรูอย่างมาก
เหม่ยหวากรุ๊ป ภายในห้องทำงานของหลี่ซู่เฟิน
หลี่ซู่เฟินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มองเฉินโม่ด้วยสีหน้ากังวล “เสี่ยวโม่ การแข่งขันของเราและว่านเค่อไหลตอนนี้ถือว่ามั่นคงแล้ว ตระกูลว่านได้พ่ายแพ้ไปแล้ว แต่ตอนนี้พวกเราเองก็พบเจอกับปัญหาหนึ่งเช่นกัน น้ำที่ใช้ยาละลายเจือจางเข้าไปที่แจกจ่ายรอบก่อน ตอนนี้ต่างก็ใช้หมดแล้ว ถ้าหากว่าอนาคตไม่สามารถจัดหามาได้ พวกเราเองก็มีสิทธิ์ที่จะได้เดินตามรอยของว่านเค่อไหลไปเช่นกัน”
เฉินโม่ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดเรียบๆว่า “คุณแม่วางใจได้ครับ ผมเตรียมไว้แต่แรกแล้ว”