แดนนิรมิตเทพ บทที่ 440
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าน้ำชี่ทิพย์นั้นคือสิ่งของอะไร แต่เมื่อได้เห็นท่าทางที่มีความสุขของท่านถัง พวกเขารู้ว่าน้ำชี่ทิพย์นั้นจะต้องมีค่ามากกว่าสูตรอย่างแน่นอน
ท่านถังผายมือทำความเคารพต่อเฉินโม่อีกครั้ง “ไต้ซือ ในเมื่อน้ำชี่ทิพย์มีผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์แบบนี้ จะต้องล้ำค่ามากแน่นอน ผมก็ไม่ร้องขออะไรกับท่าน เพียงแค่หวังว่าท่านจะสามารถดำเนินกิจการอาหารเพื่อสุขภาพของหอเซียงหม่านต่อไป ให้ผู้ที่ป่วยไข้เจ็บปวดทนทรมานเหล่านั้น สามารถมองเห็นความหวังได้”
เฉินโม่มองดูชายชราที่อายุไม่มากคนนั้นตรงหน้า อารมณ์ที่ไร้ความรู้สึกถูกสัมผัสเข้าเล็กน้อย นี่คือปราชญ์ที่แท้ผู้หนึ่ง เสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น และเป็นห่วงเป็นใยอาณาประชาราษฎร์
“ผมรับปากคุณ” เฉินโม่สีหน้าจริงจัง เป็นคำมั่นสัญญา
ท่านถังดีใจมาก แล้วโค้งคำนับเก้าสิบองศาต่อเฉินโม่อีกครั้ง “งั้นผมก็ขอบคุณไต้ซือแทนประชาชนชาวหัวเซี่ย!”
ท่านถังจากไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ได้สูตร แต่เขาก็ดีใจมากมายนัก กระทั่งว่าตื่นเต้นยิ่งกว่าได้สูตรเสียอีก
เขาไม่สงสัยในความเที่ยงแท้ในคำพูดของเฉินโม่คนบางคนให้สัญญา และเห็นว่าสำคัญยิ่งกว่าชีวิตเสียอีก ท่านถังรู้ว่าเฉินโม่ก็เป็นคนแบบนี้
ส่วนเฉินโม่ก็ไม่ได้รับประกันการให้คำมั่นสัญญาใดๆกับท่านถัง เพียงแค่พูดมาสี่คำ ผมรับปากคุณ แต่ว่าสี่คำนี้ราวกับกฎแห่งต้าเต๋าเช่นนั้น แม้ว่าหกสายทางจะพังทลายลง ฟ้าดินแปรเปลี่ยนก็จะไม่ลืมเลือน
เฉินโม่อยู่ที่ฮ่านหยางต่ออีกหนึ่งวัน สาขาย่อยทั้งหมดของหอเซียงหม่านล้วนดำเนินกิจการตามปกติ ลูกค้ามากมายของตระกูลว่านไม่มีมู่เจิ้งเฟิงนักกลั่นยาคนนี้ช่วยเหลือแล้ว ก็ไม่สามารถแข่งขันกับหอเซียงหม่านได้เลย จึงทำได้เพียงฝืนทนยืดเวลาออกไป การปิดตัวลงเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นเอง
ส่วนซุนเฟยเยว่ผู้เป็นรองผู้อำนวยการของอย. ได้ยินมาว่าวันรุ่งขึ้นก็ถูกตรวจพบว่าใช้อำนาจในทางมิชอบ กล่าวโทษว่าใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ครึ่งชีวิตที่เหลือล้วนต้องใช้อยู่คุก
ในคืนนั้น เฉินโม่พาเฉินซงจื่อไปอู่โจว กลับไปที่คฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง
ครั้งนี้เฉินโม่พักอยู่ที่ฮ่านหยางเกือบสิบวัน โคจรมหาจักรวาลของค่ายกลรวมพลังทิพย์ทะเลสาบกลับคืนรังได้เสร็จสิ้นไปกว่าครึ่งแล้ว ตอนนี้ชี่ทิพย์ทั่วทั้งทะเลสาบและเนินเขาวิหคจอดรุนแรงกว่าแต่ก่อน ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวทั่วทั้งผืน เต็มไปด้วยสรรพชีวิต
นอกจากกับค่ายกลรวมพลังทิพย์แล้วยังมีทิวทัศน์ที่น่าสลดใจของต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวรอเกิด สรรค์สร้างจนเป็นการเปรียบเทียบอย่างประจักษ์ชัด จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่อัศจรรย์แห่งหนึ่งในอู่โจว
ส่วนชี่ทิพย์โดยรอบคฤหาสน์ ก็ยิ่งล้อมรอบด้วยหมอกควันตลอดทั้งวัน และร่องรอยของหมอกควันควบแน่นกันไม่คลาย ก่อตัวเป็นหยดน้ำเป็นเม็ดๆ ให้ความชุ่มชื้นแก่ทั้งคฤหาสน์ราวกับฝนในฤดูใบไม้ผลิ
เฉินโม่จำคำสัญญาของที่รับปากท่านถัง แล้วโทรเรียกเฉินซงจื่อ เอียนชิงเฉิงและซังซังสามคนมาในทันที ให้พวกเขาเตรียมแก้วที่สะอาดสะอ้านมาบ้าง วางไว้ในสถานที่ที่มีชี่ทิพย์แรงที่สุดในคฤหาสน์
เฉินซงจื่อสามคนไม่เข้าใจว่าเฉินโม่จะทำอะไร เฉินโม่เองก็ไม่ได้อธิบาย รอให้ผ่านไปไม่กี่วันพวกเขาก็จะรู้
สองวันต่อมา เวลาเที่ยง เฉินโม่กำลังนั่งอยู่บนดาดฟ้าเพื่อฝึกบู๊ จู่ๆก็ได้รับโทรศัพท์ที่มู่หรงยานเอ๋อร์โทรมา
“ฮัลโหล เฉินโม่เหรอ?” เสียงขอมู่หรงยานเอ๋อร์ ช่างน่าฟัง และอ่อนโยนเล็กน้อย
ในสมองของเฉินโม่จู่ๆก็ผุดใบหน้าที่สวยงามนั้นขอมู่หรงยานเอ๋อร์ ขึ้น “ฉันเอง มีธุระหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงของเฉินโม่มู่หรงยานเอ๋อร์ที่ปลายสายนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีขึ้นมาในทันใด “นายไม่ได้มาโรงเรียนนานแล้ว นายยุ่งมากใช่หรือเปล่า?”
“ก็ดี” เฉินโม่ตอบกลับอย่างราบเรียบ
มู่หรงยานเอ๋อร์ถามอีกครั้งว่า “ใช่แล้ว นายยังอยู่อู่โจวหรือเปล่า?”
“อืม” เฉินโม่พยักหน้า
“งั้นดีมากเลย อีกสามวันเป็นวันเกิดอายุสิบแปดปีของฉัน ฉันอยากจะเชิญนายไปร่วมงานวันเกิดของฉัน นายจะปฏิเสธไม่ได้นะ” น้ำเสียงของมู่หรงยานเอ๋อร์ตื่นเต้นเล็กน้อย ราวกับว่ากังวลว่าเฉินโม่จะปฏิเสธ
“วางใจเถอะ งานวันเกิดของเธอฉันจะไปร่วมงานแน่ วันนั้นฉันจะถึงแน่นอน!”
“ดีมากจริงๆเลย ขอบคุณนายนะเฉินโม่!”
กั้นด้วยโทรศัพท์ เฉินโม่ดูเหมือนจะสามารถจินตนาการออกว่ามู่หรงยานเอ๋อร์อยู่ฝั่งนั้น ด้วยท่าทางที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ