แดนนิรมิตเทพ บทที่ 496
“เจ้าหนู ถ้าแกรู้ว่าใครยืนอยู่ตรงหน้า ฉันรับรองว่าแกไม่พูดแบบนั้น” ชายหนุ่มคนหนึ่งมองเฉินโม่อย่างเย้ยหยัน
“คุณชายกงซุนเป็นลูกชายคนโตของตระกูลกงซุนในซีไห่ เป็นทายาทของตระกูลกงซุน คุณอาของเขาเป็นภรรยาของท่านสามจินแห่งตระกูลจินในฮ่านหยาง เป็นไง? กลัวแล้วใช่ไหม!” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความภูมิใจ
เฉินโม่รู้สึกรำคาญและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แม้ว่าแกจะเป็นลูกชายของประธานาธิบดีของสหรัฐ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ไสหัวออกไปจากที่นี่ อย่ามารบกวนฉัน”
ใบหน้าของชายหนุ่มกลุ่มนี้เปลี่ยนไป จากนั้นพวกเขาดุด่า “จองหอง! ยังไม่มีใครในฮ่านนยางกล้าพูดแบบนี้กับพวกเรา พวกแกเบื่อที่จะมีใช้ชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม?”
เฉินซงจื่อพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “นายน้อยของเราบอกให้พวกแกไสหัวออกไป พวกแกไม่ได้ยินหรือ?”
ชายหนุ่มผมสั้นคนหนึ่งกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ฮึ่ม ต่อหน้าคุณชายกงซุนแล้ว แกยังกล้าเสแสร้งแกล้งเป็นนายน้อยอีก พูดออกไปแล้วไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเหรอ?”
สีหน้าของชายหนุ่มที่เหลือเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “นอกจากคุณชายกงซุนแล้ว ไม่มีใครสามารถรับตำแหน่งนายน้อยได้!”
สีหน้าของกงซุนหลีเคร่งขรึมเช่นกัน เขามองเฉินโม่และกล่าวเยาะเย้ย “เจ้าหนู ฉันรู้ว่าแกเป็นใคร”
“แกชื่อเฉินโม่ใช่ไหม? เป็นคนไร้ประโยชน์ที่ขึ้นชื่อของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว พ่อของแกเป็นสารวัตรกำนันของอำเภอเฟิ่งซาน ฉันพูดถูกไหม?”
ชายหนุ่มผมสั้นเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “สารวัตรกำนัน เป็นตำแหน่งข้าราชการที่ใหญ่มากกก มิน่าล่ะแกถึงกล้าเรียกตนเองว่านายน้อย!”
“สารวัตรกำนันใหญ่เหรอ? ฉันกับพ่อไปดื่มชากับนายกๆ บ่อย ๆ ครั้งที่แล้วมีรองนายอำเภอขอร้องให้พ่อของฉันลงทุนในอำเภอของพวกเขา แต่พ่อของฉันขี้เกียจจะสนใจ เป็นแค่สารวัตรกำนันเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถถือเป็นอะไรได้!” ชายหนุ่มที่สวมแว่นขอบทองกล่าวด้วยความเหยียดหยาม
เจตนาฆ่าค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในดวงตาของเฉินโม่ เขามองกงซุนหลี และกล่าวน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย “แกตรวจสอบฉันเหรอ?”
กงซุนหลีไม่ได้รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยเลย และกล่าวเยาะเย้ยว่า “แล้วไงล่ะ? แกมันเป็นแค่คนขยะ สามารถทำอะไรฉันได้? ไสหัวออกไปอย่างว่าง่ายเถอะ อย่าให้หมัดปะทะลงตัวถึงจะยอมทำตาม! ถ้าฉันโกรธ อย่าว่าแต่สารวัตรกำนันเล็ก ๆ คนหนึ่ง ต่อให้พ่อของแกเป็นนายอำเภอ แค่พูดประโยคเดียว ก็จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง!”
ชายหนุ่มกลุ่มนี้ให้ความร่วมมือและกล่าวเยาะเย้ยทันที “เจ้าหนู ได้ยินหรือยัง? ถ้ารู้จักมองทิศทางลมก็ไสหัวออกไปอยู่ด้านข้าง มิฉะนั้น อีกสักครู่ตายไปแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตนเองตายอย่างไร”
กงซุนหลีและคนเหล่านี้ส่งเสียงเอะอะโวยวาย จนคนที่อยู่รอบ ๆ เริ่มสังเกตเห็น แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นกงซุนหลีและพวกลูกเศรษฐี คนส่วนใหญ่แอบส่ายศีรษะ แอบถอนหายใจ คุณชายของตระกูลกงซุนรังแกคนอีกแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องนี้
เมื่อคนมากมายเห็นว่าเป็นเฉินโม่ จึงเดินมาล้อมรอบเขาทันที
สายตาที่เฉียบคมของหยางเชี่ยนเชี่ยนเห็นเฉินโม่อย่างรวดเร็ว พูดด้วยความประหลาดใจว่า “พวกเธอดูสิ นั่นคือเฉินโม่ใช่ไหม? เขาก็มาด้วย!”
“แต่ดูเหมือนว่าเฉินโม่จะเจอปัญหาอะไรแล้ว พวกเรารีบไปดูกันเถอะนะ!”
จางเสี่ยนที่จิตใจหดหู่มองหยางเชี่ยนเชี่ยนที่สีหน้าเต็มไปด้วยอยากรู้อยากเห็น และกล่าวด้วยความสงสัย “เชี่ยนเชี่ยน เธอคงไม่คิดที่จะยุ่งเรื่องชาวบ้านใช่ไหม? ดูเหมือนว่าบุคคลนั้นจะเป็นกงซุนหลีคุณชายของตระกูลกงซุน ซึ่งเป็นคนที่พวกเราไม่สามารถล่วงเกินได้ ผมเตือนเธอนะอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกเขา!”
หยางเชี่ยนเชี่ยนกลอกตาใส่เขา และกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ ว่า “ฉันรู้แล้วๆ คนขี้ขลาด!”
จางเสี่ยนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด แต่เป็นเพราะคนที่มาที่นี่ในวันนี้ ล้วนเป็นคุณชายชั้นนำของฮ่านหยาง อยู่ต่อหน้าพวกเขาแล้ว เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะพูดด้วยซ้ำ
“พวกเราไปดูกันเถอะ” อานเข่อเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มีประกายความเยือกเย็นอยู่ในสายตา
เจิ้งหยวนฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เราไปดูอยู่ด้านข้างก็พอ พวกเราอย่าเข้าไปยุ่งเรื่องของเฉินโม่”
“อืม” เจิ้งหยวนฮ่าวกล่าว หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย
อานเข่อเยว่และพรรคพวก พูดคุยด้วยความสงสัย ขณะที่เดินไปหาเฉินโม่และคนอื่น ๆ