แดนนิรมิตเทพ บทที่ 509
เนินเขาวิหคจอด กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง
พืชพรรณโดยรอบเขียวชอุ่มและดอกไม้บานสะพรั่ง กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ราวกับสวรรค์บนดิน
สัญญากับท่านถังแล้วว่าจะโปรโมตน้ำชีวิต เพื่อเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในโลกใบนี้ ตอนนี้เฉินโม่ทำสำเร็จแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การจัดงานเลี้ยงอย่างเปิดเผยในนามของเฉินไต้ซือ ความจริงแล้วเขาต้องการเตือนกองกำลังเหล่านั้นที่ละโมบอยากจะได้น้ำชีวิต
ถ้าต่อไปยังมีคนขัดขวาง เฉินโม่จะไม่เกรงใจพวกเขาอย่างแน่นอน
ตอนนี้พลังบำเพ็ญของเฉินโม่มาถึงชั้นสี่แดนรวมพลังแล้ว แต่จะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าจะทะลวงไปถึงชั้นห้าแดนรวมพลัง และชั้นเก้าแดนรวมพลัง ซึ่งแต่ละชั้นนั้นยิ่งยากขึ้นไปเรื่อย ๆ และแต่ละชั้นข้างหลังนั้นจำเป็นต้องใช้พลังทิพย์ ซึ่งต้องใช้พลังทิพย์มากกว่าชั้นด้านหน้าเป็นร้อยเท่า
เพียงแต่เมื่อทะลวงแล้ว พลังจะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
กลับกันเพลงกระบี่พันกายสิทธิ์กระบี่ฟ้าของเฉินโม่ ได้ทะลวงจากชั้นแรกของการซ่อนกระบี่ไปสู่ชั้นที่สองของการบ่มเพาะกระบี่แล้ว และเมื่อเขาทะลวงไปสู่แดนบ่มเพาะกระบี่แล้ว ถ้าเช่นนั้นต่อไปเฉินโม่ก็ไม่จำเป็นต้องหล่อเลี้ยงกระบี่สับสวรรค์แล้ว ตราบใดที่กระบี่สับสวรรค์อยู่ในตันเถียนของเฉินโม่ มันก็จะถูกหล่อเลี้ยงด้วยชี่ทิพย์อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ผลลัพธ์จะช้ากว่าการที่เฉินโม่หล่อเลี้ยงด้วยตนเอง
ประกายแสงสีเขียว จากนั้นกระดูกเซียนชั้นมนุษย์ครึ่งท่อนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเฉินโม่ ตอนนี้ร่างธาตุไม้ของเฉินโม่มีชั้นรู้ความแล้ว พลังทิพย์ทำให้เปลี่ยนจากแสงสีทองของพลังชะตาธาตุทองเป็นแสงสีเขียวที่มีลักษณะเฉพาะของธาตุไม้ และเมื่อร่างธาตุไม้สมบูรณ์แล้ว แสงสีเขียวก็จะสามารถเกิดขึ้นเองได้ “หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการดูดซับนี้แล้ว พลังทิพย์ที่มีอยู่ในกระดูกของเซียนชั้นมนุษย์เกือบจะใช้ไปหมดแล้ว คราวนี้เกือบจะดูดซับอย่างเต็มที่แล้ว จากนั้นค่อยหลอมกระบี่สั้นให้เอียนชิงเฉิงหนึ่งเล่ม เพื่อใช้คู่กับเพลงกระบี่หงส์ฟ้าที่ผมถ่ายทอดให้เธอ แล้วพลังความแข็งแกร่งของเธอน่าจะแข่งขันกับเฉินซงจื่อได้”
เฉินโม่สั่งเฉินซงจื่อแล้วขึ้นไปบนดาดฟ้า และเริ่มปลีกวิเวก
วันที่หนึ่ง สองที่วัน สามที่วัน และวันที่สี่เกิดฝนตกหนัก
เฉินซงจื่อมองเฉินโม่ที่อยู่บนดาดฟ้าด้วยความกังวล และรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าฝนได้หลบเลี่ยงร่างกายของเฉินโม่ และร่างกายของเฉินโม่ไม่เปียกฝนแม้แต่น้อย
เมื่อมองอย่างละเอียด จะเห็นว่าภายในรัศมีสามฟุตจากรอบตัวเฉินโม่ มีแสงสีเขียวใสอยู่ชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันการรบกวนทุกสิ่งจากโลกภายนอก
“อาจารย์เป็นอัจฉริยะจริง ๆ มีความแข็งแกร่งมากแต่ยังคงฝึกหนัก เมื่อเทียบกับอาจารย์แล้ว ผมยังพยายามไม่พอ! หลังจากอาจารย์ออกมาจากการปลีกวิเวกแล้ว ผมก็จะปลีกวิเวกอีกครั้ง และถ้าไม่เข้าสู่แดนคุ้มกายก็จะไม่ออกจากการปลีกวิเวก!”
วันที่หกของการปลีกวิเวกของเฉินโม่ ฉู่เหวินสงมาและขอพบเฉินโม่ แต่ถูกเฉินซงจื่อขวางไว้นอกประตู
วันที่เจ็ด ฉู่เหวินสงมาพร้อมกับเจี่ยจิ้งอาน แต่เฉินโม่ยังคงปลีกวิเวกอยู่ และเฉินซงจื่อยังคงขวางพวกเขาสองคนไว้นอกประตู
วันที่แปด ฉู่เหวินสง เจี่ยจิ้งอาน ฉินเยว่ซานและผู้ทรงอิทธิพลอีกหลายคนจากชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลฮ่านหยางมาด้วยกัน แต่ยังคงถูกเฉินซงจื่อขวางไว้นอกประตู
ที่ประตูวิลล่า ฉู่เหวินสงรู้สึกจำใจเล็กน้อย เมื่อมองเฉินซงจื่อที่สวมเสื้อคลุมของลัทธิเต๋า และเฝ้าอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าจริงจัง เขายิ้มด้วยความขมขื่น “ท่านพรตเฉิน พวกเรามีเรื่องด่วนกับเฉินไต้ซือจริง ๆ คุณให้พวกเราเข้าไปข้างในเถอะ!”
สีหน้าของเฉินซงจื่อเย็นชา และกล่าวปฏิเสธว่า “ไม่ได้ อาจารย์กำลังปลีกวิเวกอยู่ และห้ามใครรบกวน”
“แต่พวกเรามีเรื่องด่วนจริงๆ!” ฉู่เหวินสงขอร้องอ้อนวอนอย่างไม่ลดละ
เฉินซงจื่อมองเขาด้วยสายตาเย็นชา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า “ถึงแม้ว่าฟ้าจะถล่มลงมา ก็ไม่สามารถรบกวนการปลีกวิเวกของอาจารย์ได้ เมื่อเทียบกับพลังบำเพ็ญของอาจารย์แล้ว เรื่องอื่นนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย กรุณากลับไปก่อน ถ้าอาจารย์ออกจากปลีกวิเวกแล้ว ผมจะรีบแจ้งพวกคุณทันที”
ฉู่เหวินสงและคนอื่นๆ ไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงจากไปด้วยความโมโห
วันที่เก้า เฉินโม่ที่นั่งสงบนิ่งก็ลืมตาขึ้น และสิ้นสุดการฝึก
กระบี่สับสวรรค์ที่ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาส่งเสียงออกมาเบา ๆ ด้วยความปีติยินดี และลอยวนเวียนอยู่รอบ ๆ เฉินโม่
เมื่อมองกระดูกของเซียนชั้นมนุษย์ที่ไม่มีประกายแสงที่อยู่ตรงหน้าแล้ว เฉินโม่ถอนหายใจเบา ๆ “ในที่สุดก็ดูดซับสมบูรณ์แล้ว ต่อไปก็สามารถหลอมกระบี่ได้แล้ว”
ขณะนี้ เฉินซงจื่อยืนอยู่ที่ชั้นล่าง โค้งคำนับและกล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์ที่ออกจากปลีกวิเวกแล้ว!”
เฉินโม่พยักหน้าและกล่าวเบา ๆ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”