แดนนิรมิตเทพ บทที่ 527
ทุกคนเงียบสงัด!
กงซุนจื่อยิงร้องด้วยความตกใจ “อาจารย์อา!”
“นี่มัน… เป็นไปได้ยังไง! อาจารย์อา…..พ่ายแพ้แล้ว?”
“นอกจากอาจารย์แล้ว อาจารย์อาเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดในสำนักโยวหลาน แต่เขาไม่สามารถรับได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวของเจ้าเด็กคนนี้ ถึงแม้ว่าอาจารย์อยากจะเอาชนะอาจารย์อา อย่างน้อยต้องใช้หลายสิบกระบวนท่า เจ้าเด็กคนนี้แข็งแกร่งกว่าอาจารย์เสียอีก!”
เมื่อมองสีหน้าที่ราบเรียบของเฉินโม่แล้ว ดวงตาของกงซุนจื่อยิงเต็มไปด้วยความตกใจ!
สีหน้าของกงซุนจั่วเสวียนเคร่งขรึม และมีความตกใจอยู่ในดวงตา เขาสามารถเห็นอย่างชัดเจนว่าพลังหมัดเมื่อสักครู่ของหยวนชิงซานนั้นทรงพลังเพียงใด แต่เจ้าเด็กคนนี้แค่โบกมือเรื่อยเปื่อย ก็สามารถทำให้หยวนชิงซานล้มอยู่บนพื้น และอาเจียนเป็นเลือด!
“ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กคนนี้จะไม่ได้จองหอง แต่เขามีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งจริง ๆ หรือว่าเขาคือเฉินไต้ซือจริง ๆ?”
เมื่อมองเด็กหนุ่มอย่างเฉินโม่แล้ว ทำให้วีรบุรุษแห่งมณฑลซีไห่คนนี้รู้สึกหวาดกลัวเป็นครั้งแรก “ถ้าเขาเป็นเฉินไต้ซือจริง ๆ เกรงว่าคราวนี้ตระกูลกงซุนยากที่จะหลบเลี่ยงภัยพิบัติแล้ว!”
อานซื่อเฉิงกะพริบตาด้วยความลำบาก มองภาพนี้ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ หลังจากผ่านไปสักครู่ เขาถึงมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น “นายคือเฉินไต้ซือจริง ๆ!”
ขณะนี้ ในที่สุดอานซื่อเฉิงก็เชื่อสถานะของเฉินโม่แล้ว เพราะนอกจากเฉินไต้ซือแล้ว จะมีใครที่สามารถปราบหยวนชิงซานด้วยฝ่ามือเดียวได้?
“เฉินไต้ซือ! เขาเป็นเฉินไต้ซือจริงๆ!”
สีหน้าของคนรอบข้างเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เมื่อสักครู่พวกเขาเห็นว่าเฉินโม่อายุน้อย จึงไม่เชื่อคำพูดของเฉินโม่ กระทั่งดูหมิ่นเฉินโม่อีกด้วย
เฉินโม่ก็ไม่ได้อธิบาย แต่ใช้วิธีที่ง่ายและหยาบคายที่สุด ราวกับตบหน้าคนที่ดูหมิ่นเขาอย่างรุนแรง!
“พวกเราทุกคนโบราณคร่ำครึเกินไป คิดว่าคนที่ถูกเรียกว่าไต้ซือ ต้องมีอายุอย่างน้อยเจ็ดแปดสิบปี แต่นึกไม่ถึงว่าความจริงแล้ว การเรียกไต้ซือนั้นเป็นการยกย่องถึงความแข็งแกร่ง!”
“ทุกคนสามารถเห็นว่าหมัดเมื่อสักครู่ของหยวนชิงซานนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เขาแค่ปล่อยหมัดเดียวก็สามารถทำให้หยวนชิงซานอาเจียนเป็นเลือด ถ้าความแข็งแกร่งดังกล่าวไม่เรียกว่าไต้ซือ อยู่ต่อหน้าเขาแล้วใครจะกล้าเรียกตนเองว่าไต้ซือ?”
“ไม่ใช่ว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งฮ่านหยางเลอะเลือน ตรงกันข้ามพวกเขาเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่เฉียบขาดเช่นนี้ ผู้ที่ไม่ยอมจำนนถึงจะเป็นคนโง่เขลา!”
สีหน้าของชายชราแขนเดียวที่อยู่ข้างหลังอานซื่อเฉิงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และสั่นไปทั้งตัว เมื่อสักครู่ตอนที่เฉินโม่ลงมือเคลื่อนไหว เขาสามารถรับรู้ถึงพลังที่เฉินโม่ปิดบังเอาไว้ได้
“พลังนั้นแข็งแกร่งกว่าหยวนชิงซานมาก หยวนชิงซานอยู่ระดับแดนในชั้นสูงสุด ความแข็งแกร่งของเขาสูงกว่าหยวนชิงซาน ถ้าเช่นนั้น……”
ชายชราแขนเดียวรู้สึกตกใจ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงคำนั้น เพราะมันอยู่บนจุดสูงสุดของโลกฝึกบู๊ และเป็นการดำรงอยู่ที่ชั่วชีวิตนี้ของเขา ทำได้เพียงแหงนหน้าขึ้นมองเท่านั้น
ปรมาจารย์แดนแปรภาพ!
ปรมาจารย์ไม่อาจดูหมิ่นได้!
แค่อาศัยเรื่องที่เขาเยาะเย้ยเฉินโม่เมื่อสักครู่ ก็เป็นโทษที่สมควรตายแล้ว!
“ปรมาจารย์แดนแปรภาพที่อายุสิบแปดปี? หึ ๆ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมเป็นกบในกะลาครอบนานเกินไปแล้วใช่ไหม? ไม่รู้ว่ามีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ในโลกฝึกบู๊! น่าขำจริง ๆ ตอนที่เขาบอกว่าจะช่วยพวกเรา ผมยังหัวเราะเยาะว่าเขาไม่เจียมตัวอีก! ผมมีตาแต่หามีแววไม่จริง ๆ ผมอายุเยอะขนาดนี้แต่กลับแก่เสียเปล่า ๆ หึ ๆ ๆ….. ”
สีหน้าของชายชราแขนเดียวเต็มไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น สายตาที่มองเฉินโม่นอกจากตกตะลึงแล้ว ไม่มีความรู้สึกอื่นใดอีก
การปรากฏตัวของเฉินโม่ได้ทำลายมุมมองของเขาอย่างสิ้นเชิง ชีวิตเส้นทางแห่งนักบู๊นั้นยิ่งอยู่ยิ่งยากขึ้นไปอีก!
หยวนชิงซานพยายามลุกจากพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน เขามองท่าทางที่สงบของเฉินโม่ เหมือนกับมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
“เจ้าหนู ฉันเมินแกต่ำไป!”
“แต่แกคิดว่าแกชนะแล้วเหรอ? งั้นแกก็ประเมินฉันต่ำเกินไปแล้ว!”
หยวนชิงซานหยิบกระจกทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นพ่นเลือดลงบนกระจกทองสัมฤทธิ์ แล้วถือกระจกทองสัมฤทธิ์ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นชี่แท้ก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาทันที
“เปิด!” หยวนชิงซานตะโกนเสียงดัง