แดนนิรมิตเทพ บทที่ 531
เฉินโม่มองหยวนชิงซานและกล่าวด้วยความสงสัยว่า “ซากโบราณในทะเลทราย?”
สีหน้าของหยวนชิงซานสงบ “ถูกต้อง หลังจากนั้นผมก็ไปที่ซากโบราณแต่ไม่พบอะไรเลย แต่จากการวินิจฉัยของผมแล้ว ซากโบราณที่พวกโจรปล้นสุสานกล่าวถึงน่าจะเป็นซากโบราณที่ชื่อซากปรักหักพังนียะ”
ซากปรักหักพังนียะตั้งอยู่ที่ส่วนลึกในทะเลทรายทากลามากัน ที่เรียกว่าทะเลทรายแห่งความตาย ถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักโบราณคดีชาวอังกฤษที่ชื่อสเตน และสเตนอาศัยความเป็นนักโบราณคดีไปสำรวจสุสานทั้งหมดสี่ครั้ง แล้วขโมยสมบัติล้ำค่าออกมามากมาย
จากบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษรของโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมเหล่านั้น สุดท้ายได้ทราบประวัติความเป็นมาของซากปรักหักพังนียะ น่าจะเป็นซากโบราณของแคว้นจิงเจวี๋ย ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสิบหกแคว้นของดินแดนตะวันตกโบราณ
หนังสือฮั่นซูมีบันทึกว่าแคว้นจิงเจวี๋ยเป็นแคว้นที่ระบบค่อนข้างสมบูรณ์ และเจริญรุ่งเรืองระยะหนึ่ง แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด แคว้นจิงเจวี๋ยก็หายไปจากประวัติศาสตร์อย่างลึกลับ
จนถึงวันนี้เวลาผ่านไปสองพันกว่าปีแล้ว ความรุ่งโรจน์และการหายไปของแคว้นจิงเจวี๋ย ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ ซึ่งวนเวียนอยู่ในใจของผู้คนเสมอมา
ชาติก่อนเฉินโม่เคยได้ยินเรื่องของเมืองโบราณจิงเจวี๋ยแต่เขาไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ เพียงแค่อ่านเรื่องนี้จากนวนิยายที่เกี่ยวกับโจรปล้นสุสานเท่านั้น
แต่เฉินโม่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีเครื่องรางอยู่ในซากโบราณของจิงเจวี๋ย!
หรือว่าเมื่อก่อนเคยมีผู้บำเพ็ญอยู่ในเมืองโบราณจิงเจวี๋ยที่ลึกลับแห่งนั้น?
จากสายตาของหยวนชิงซานแล้ว เฉินโม่สามารถมองออกว่าหยวนชิงซานไม่ได้โกหก หากเครื่องรางนี้ถูกค้นพบที่เมืองโบราณจิงเจวี๋ยจริง ๆ ในเมืองโบราณจิงเจวี๋ยต้องมีของแปลก ๆ อย่างแน่นอน
เฉินโม่มองหยวนชิงซานและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พาผมไปตามหาเมืองโบราณจิงเจวี๋ย”
น้ำเสียงของเฉินโม่เป็นคำสั่งอย่างไม่ต้องสงสัย หยวนชิงซานครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวด้วยความจำใจว่า “ตกลง แต่หลังจากค้นหาจิงเจวี๋ยพบแล้ว คุณต้องปล่อยผมไป!”
“ได้!” เฉินโม่พยักหน้า
สามวันต่อมา ชายชราหนึ่งคนกับชายหนุ่มหนึ่งคนมาถึงชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของหัวเซี่ย เป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับทะเลทรายทากลามากันมากที่สุด ซึ่งเป็นทะเลทรายแห่งความตาย
หยวนชิงซานกล่าวว่า “นี่คือเมืองบรัสเซ คนส่วนใหญ่ที่ไปทะเลทราย จะมาจัดหาเสบียงที่นี่ พวกเราเตรียมตัวก่อน แล้วคอยหาไกด์ที่มีประสบการณ์เพื่อพาพวกเราเข้าไปในทะเลทราย”
เฉินโม่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ไกด์? คุณเคยเข้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หยวนชิงซานกล่าวด้วยความเก้อเขินว่า “ตอนนั้นผมไปกับทีมโบราณคดี เมื่อเข้าไปในทะเลทรายแล้ว สิ่งเดียวที่เห็นคือทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล และผมไม่สามารถแยกทิศทางได้ มีเพียงไกด์ท้องถิ่นนำทีมเท่านั้นถึงจะไม่หลงทาง”
“มิเช่นนั้น ต่อให้เป็นปรมาจารย์แดนแปรภาพ เมื่อคุณหลงทางแล้วไม่มีอาหารและน้ำดื่มเป็นเวลาหนึ่งเดือน ก็จะตายอยู่ในทะเลทราย”
เฉินโม่เข้าใจดี เพราะด้วยความสามารถของเขาแล้ว มันไม่ถึงกับหลงทางอยู่ในทะเลทรายหรอก แต่การค้นหาเมืองโบราณจิงเจวี๋ย ถ้าไม่มีคนนำทาง เขาก็ยากที่จะหาเจอเช่นกัน เพราะตอนนี้พลังบำเพ็ญของเขาอยู่ในระดับแดนรวมพลังเท่านั้น ถ้าเขาฝึกจนถึงระดับแดนยาทองแล้ว เขาก็จะสามารถเดินไปทุกซอกทุกมุมของทะเลทรายได้ภายในหนึ่งวัน
“ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปจัดหาเสบียงกันก่อน แล้วค่อยหาไกด์” เฉินโม่กล่าวด้วยความจำใจ
ทั้งสองไปซื้ออาหารแห้งกับน้ำดื่มที่ร้านค้าขนาดใหญ่ แล้วพวกเขาก็ได้พบกลุ่มคนเจ็ดแปดคนที่มาซื้ออาหารแห้งกับน้ำดื่มเช่นกัน ผู้นำเป็นนักวิชาการสวมแว่น อายุประมาณหกสิบปี และร่างกายแข็งแรง
หยวนชิงซานกล่าวด้วยความดีใจว่า “ศ.เฉิน บังเอิญจริง ๆ!”
เมื่อคนเหล่านั้นเห็นหยวนชิงซาน ก็แสดงความประหลาดใจ ศาสตราจารย์เฉินที่เป็นผู้นำ กล่าวด้วยความดีใจว่า “คุณหยวนพวกเราพบกันอีกแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกัน!”
หยวนชิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกคุณเตรียมตัวจะเข้าไปในทะเลทรายเหรอ?”
ศ.เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง คราวที่แล้วผมเตรียมตัวไม่พร้อม ทำให้ไปเสียเที่ยว ดังนั้นคราวนี้ผมจึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาหลายคน เพื่อจะเข้าไปในทะเลทรายอีกครั้ง”