Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1579 สุนัขข้างถนน

ตอนที่ 1579 สุนัขข้างถนน
กระบี่แสนแปดพัน ทุกกระบี่ล้วนแปรเปลี่ยนเป็นไท่เสวียน!
ปราณกระบี่ทุกสายสามารถทำให้อริยะแท้ทุกคนสิ้นหวัง แล้วนับประสาอะไรกับปราณกระบี่หนึ่งแสนแปดหมื่นสายรวมกัน
สือพั่วไห่ได้ลิ้มรสการโจมตีนี้ในทันที ราวกับเรือโดดเดี่ยวที่อยู่กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล กำลังเผชิญการโหมกระหน่ำของลมพายุ และสามารถพบเจออันตรายที่จะถูกทำลายได้ทุกเมื่อ
ปังๆๆ!
ปราณกระบี่แน่นขนัดพรั่งพรู ปกคลุมสี่ด้านแปดทิศ สือพั่วไห่ต้านสุดกำลัง ทวนวงเดือนสีเงินในฝ่ามือแทบถูกซัดกระเด็น
พลังป้องกันทั้งบนล่างของเขาก็กำลังประสบการโจมตีของปราณกระบี่
เพียงชั่วพริบตาสีหน้าของเขาขาวซีดขึ้นมา อดไม่ไหวกระอักเลือดออกมา เขาพลันเรียกสมบัติมากมายออกมาคลี่คลายสถานการณ์อย่างไม่ลังเล
มีกระพรวนที่เหมือนหลอมจากหยกม่วงเป็นประกาย มีประทับใหญ่ที่สลักลายบุปผาปักษามัจฉาแมลง ต้นไม้ใบหญ้าภูเขาแม่น้ำ และมีคันฉ่องสมบัติที่มีแสงเรืองลุกโชนไหวเคลื่อน…
นี่เผยให้เห็นรากฐานพลังของบุคคลระดับผู้นำคนหนึ่งแล้ว ไม่เพียงแค่พรสวรรค์พิเศษ พลังต่อสู้ก็โดดเด่น และไม่ขาดสมบัติมหัศจรรย์และวิชามหามรรคอันแข็งแกร่งใดๆ
หลังจากเรียกสมบัติมากมายออกมาถึงได้ต้านการโจมตีปานพายุกระหน่ำของปราณกระบี่ไว้ได้ แต่ยังไม่ทันที่สือพั่วไห่จะโล่งอก
ฉัวะ!
ในฝ่ามือของหลินสวิน กระบี่ไม้ที่เก่าและเรียบง่ายเล่มหนึ่งทะยานออกมา ธรรมดาอย่างมาก มีเพียงตัวกระบี่ที่ประทับอักษร ‘บัญชา’ เต็มไปด้วยกลิ่นอายมรรคจักรพรรดิ
และเพราะอักษรนี้ ทำให้กระบี่ไม้ที่ดูเหมือนธรรมดาเล่มนี้แตกต่างไปโดยสมบูรณ์!
ตอนที่เห็นกระบี่นี้ สือพั่วไห่ตกใจจนหนังหัวชาวาบ ตะโกนว่า “กระบี่จักรพรรดิอักษรบัญชา นี่คือสมบัติไม้ตายของเจี้ยนชิงเฉิน ไปอยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร หรือว่า…”
เขาคาดเดาได้ถึงความเป็นไปได้บางอย่าง!
และความเป็นไปได้เช่นนี้ก็ทำให้สือพั่วไห่ไม่สามารถสงบได้อย่างสิ้นเชิง
เพียงแต่ไม่รอให้เขาดิ้นรนในฝนกระบี่แน่นขนัดนั่น ริมฝีปากของหลินสวินก็พ่นคำหนึ่งออกมา
“ไป!”
กระบี่ไม้ทะยานฟ้าส่งเสียงกึกก้องออกไป
บนกระบี่อักษรบัญชาอบอวลแสงอันคลุมเครือ ราวกับเทพองค์หนึ่งฟื้นคืนชีพจากในนั้น ทำให้ห้วงอากาศยังรับไม่ไหว ระเบิดโดยตรง!
“พิโรธ!”
สือพั่วไห่จะยอมนั่งรอความตายได้อย่างไร เขาราวกับมารที่บ้าคลั่ง แม้แต่ดวงตายังแดงก่ำ ใช้วิธีปกป้องชีวิตตนอย่างไม่ลังเลสักนิด
นั่นเป็นบาตรทองม่วงใบหนึ่ง ทะลวงฟ้าขึ้นมาประชันกับกระบี่ไม้
ตูม!
แผ่นดินสะเทือนภูผาสั่นคลอน พื้นดินฝั่งนี้ล้วนถูกซัดจมลงอย่างสมบูรณ์ น้ำทะเลที่ราวกับเดือดพล่านท่วมทับ ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่มากมาย
ครู่ต่อมาก็เห็นสือพั่วไห่จมดิ่งลงโดยพลัน ร่วงตกลงในน้ำทะเลอย่างแรง เจ็ดทวารหลั่งเลือด กล้ามเนื้อทั่วร่างฉีกแตก เลือดอาบนอง
หลังจากฮว่าหงเซียว สือพั่วไห่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสตามไปอีก!
ทุกอย่างพูดเหมือนช้า ความจริงจบลงแทบจะในชั่วพริบตา เร็วจนเหลือเชื่อ
แต่อีกฝั่งเซวี่ยชิงอีเองก็ถูกโจมตีจนตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก สภาพย่ำแย่อย่างที่สุด
ดาบหักราวกับมายาไม่แน่วนิ่ง และไม่อาจคาดเดาได้ ไม่สามารถถูกจับตำแหน่งได้ แต่ทุกการโจมตีที่เผยออกไป แม้ถูกเซวี่ยชิงอีสกัดกั้นไว้ได้แต่ก็ทำให้เขาถูกสะเทือนรุนแรง เอ็นกระดูกทั่วร่างชาวาบ เลือดลมพลิกตลบ ทรมานอย่างที่สุด
นี่ก็คือกระบวนเฉือนไม่เที่ยงแท้
ผู้ไม่เที่ยง ล่องลอยไม่นิ่ง สามารถสังหารเทพผี!
กระทั่งเห็นสือพั่วไห่บาดเจ็บหนัก เซวี่ยชิงอีเองก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว สีหน้าตกตะลึง
กระบี่จักรพรรดิอักษรบัญชา!
เซวี่ยชิงอีจะไม่รู้ว่าเจ้าของเดิมของสมบัตินี้เป็นใคนได้อย่างไร
พอนึกถึงความเป็นไปได้ที่เจี้ยนชิงเฉินแห่งดินแดนโบราณต้าหลัวอาจจะประสบเคราะห์ไปแล้ว ก็ทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว จะส่งพวกเจ้าลงนรกเดี๋ยวนี้!”
หลินสวินในตอนนี้อานุภาพแข็งแกร่งถึงที่สุด พุ่งพรวดเข้าไป กระบี่ยอดสังหารทะยานขึ้น ฟันปราณกระบี่สายหนึ่งออกมาโดยพลัน
ไปไร้หวน!
สิ่งที่จักรพรรดิสงครามอู๋ยางเรียนรู้มาทั้งชีวิต ทั้งหมดล้วนเป็นกระบวนท่ากระบี่นี้ แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินใช้กระบี่ยอดสังหารสำแดงออกมา
ก็เห็นปราณกระบี่สีเลือดสายหนึ่งทะลวงอากาศ ราวกับนายเหนือหัวหมื่นกระบี่ เต็มไปด้วยพลานุภาพที่ไร้ความหวังไม่อาจเดินหน้า และไร้เทียมทาน
“ฆ่า!”
เซวี่ยชิงอีถูกดาบหักตามพัวพันแต่แรก ไม่อาจสลัดหลุด พอเห็นภาพนี้ก็บ้าคลั่งโดยสิ้นเชิง เริ่มสู้สุดชีวิต
ยันต์ที่สายฟ้าสีเลือดพันรอบถูกเขาเรียกออกมา กลิ่นอายทำลายล้างสะเทือนฟ้าดินสายหนึ่งแผ่ตามออกมา ราวกับเทพสายไฟลงมาเยือนโลกอย่างไรอย่างนั้น
นี่คือวิธีปกป้องชีวิตของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ตูม!
พริบตานั้นทั้งสองปะทะกัน คลื่นทำลายล้างแผ่พุ่งออกไปเป็นวงกว้างประหนึ่งผืนมหาสมุทร ฟ้าดินล้วนขาวโพลน ปรากฏภาพปั่นป่วนอลหม่าน
เหล่าอริยะแท้ที่รวมตัวเป็นค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนินซึ่งอยู่ห่างไปจำต้องต้านเต็มกำลัง กว่าจะสามารถสลายคลื่นทำลายล้างอันน่ากลัวนี้ได้
ส่วนผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลก็ทรมานไม่แท้กัน เพราะกระบวนค่ายกลถูกโจมตี กำลังโคลงเคลง!
สุดท้ายเซวี่ยชิงอีกระอักเลือดถอยไปก้าวใหญ่ แม้แต่ร่ากายยังกระตุกรุนแรง ใบหน้างามขาวซีดราวกับกระดาษ
จนถึงตอนนี้ผู้นำทั้งสามต่างบาดเจ็บสาหัสแล้ว!
คนหนึ่งถูกขวดมหามรรคไร้ขอบเขตโจมตีจนยับเยิน อีกคนถูกกระบี่จักรพรรดิอักษรบัญชาเอาชนะ คนสุดท้ายถูกหลินสวินใช้กระบวนท่ากระบี่ไปไร้หวนโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส
ทั้งหมดใช้เวลาเพียงสั้นๆ เท่านั้น แต่พลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมา รวมทั้งอานุภาพผงาดกร้าวที่กลืนกินสรรพทิศทำเอาทั้งที่นั้นสะท้านขวัญไปด้วย
นี่ยังใช่คนอยู่หรือไม่
คนนับไม่ถ้วนอกสั่นขวัญแขวน เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา
เริ่มแรกตอนที่ประมือกัน พวกเขาไม่เกรงกลัวเพราะมีที่พึ่ง วางกระบวนค่ายกลที่กว้างใหญ่เข้มงวด คิดเอาเองว่าการสังหารหลินสวินเป็นเรื่องง่าย
แต่ความเป็นจริงกลับตบหน้าพวกเขาอย่างแรงไปหลายที!
มกุฎอริยะสามสิบคนเข้าประจัญบานพร้อมกัน แต่กลับถูกสังหารแทบไม่เหลือสภาพ
มกุฎอริยะกว่าร้อยคนร่วมทัพออกโจมตี ทว่ายังไม่ทันเผยอานุภาพก็ถูกขังในกระบวนค่ายกลใหญ่แล้ว จนกระทั่งสุดท้ายมีเพียงยี่สิบกว่าคนที่อยู่รอด
และตอนนี้ทั้งที่เผชิญการโจมตีขนาบของบุคคลระดับผู้นำดินแดนสามคน กลับยังคงไม่สามารถกำราบความผงาดกร้าวของหลินสวินได้ ล้วนบาดเจ็บกันถ้วนทั่ว!
การเข่นฆ่าทั้งหมดนี้ล้วนเหนือความคาดหมาย แต่อานุภาพดุดันที่หลินสวินสำแดงออกมา กลับทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน
น่ากลัวเกินไป!
หากไม่ใช่เพราะเห็นกับตา พวกเขาล้วนไม่กล้าเชื่อว่าในดินแดนรกร้างโบราณที่อ่อนแอ ข้นแค้นและทรุดโทรมนั่น จะถึงกับปรากฏบุคคลเย้ยฟ้าที่ประหนึ่งไร้เทียมทานเช่นนี้!
“ต่อสู้มาถึงตอนนี้ เจ้าได้ใช้ไพ่ไม้ตายจนหมดแล้ว ยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว จากนี้เจ้าจะเอาอะไรมาผยองอีก”
เซวี่ยชิงอีสีหน้าสงบนิ่งราวกับผืนน้ำ เสียงอึมครึม
“ไม่ถึงกับผยอง แต่สามารถส่งพวกเจ้าไปลงนรกได้”
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง ถือกระบี่ยอดสังหารจะจู่โจมต่อ
แต่ตอนนี้เองเสียงทะลวงอากาศระลอกหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน ห้วงอากาศพลิกตลบ กลับเป็นฮว่าหงเซียวและสือพั่วไห่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสหนีห่างออกไปด้วยกันในชั่วขณะนี้!
ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างอึ้งงัน หนีแล้วหรือ
ทั้งสองจัดอยู่ในแปดยอดนภาคราม เป็นบุคคลพลิกฟ้าที่ความสามารถโดดเด่น ตอนนี้กลับหนีไปโดยไม่พูดอะไรเช่นนั้นหรือ
นี่ทำให้ตั้งตัวไม่ทันเกินไปแล้ว!
แม้หลินสวินยังคาดไม่ถึง ตอนที่จะไล่ตามก็ไม่ทันแล้ว เพราะตอนที่อีกฝ่ายหนี เห็นได้ชัดว่าใช้พลังทั้งหมด ท่าทางดูเหมือนอยากมีเท้าเพิ่มอีกสักสองข้างอย่างไรอย่างนั้น เรียกได้ว่าเด็ดขาดชัดเจน
เซวี่ยชิงอีเบิกตาโต โกรธจนลูกตาแทบหลุดออกมา ส่งเสียงตะโกนอย่างยั้งไม่อยู่ “พวกเจ้า… พวกเจ้า… ช่างไม่ควรค่าให้ร่วมต่อสู้ด้วย!”
เขาโกรธจนระเบิดแล้วจริงๆ ต่อสู้มาถึงตอนนี้ แต่ทั้งฮว่าหงเซียวและสือพั่วไห่กลับหนีไปทั้งอย่างนี้โดยเอ่ยสักคำ
นี่จะให้เซวี่ยชิงอีไม่โกรธได้อย่างไร
“ดูท่าพวกเขาต่างรักตัวกลัวตาย คิดว่าขอเพียงมีชีวิตอยู่ก็มีโอกาสจะฟื้นฟูทุกสิ่ง แต่ถ้าตาย ทุกอย่างก็จะสูญเปล่า”
มุมปากหลินสวินเผยรอยยิ้มดูถูกชัดเจน ดวงตาดำจับจ้องเซวี่ยชิงอี
“ตอนแรกเจี้ยนชิงเฉินเองก็คิดจะหนี น่าเสียดายที่ข้าไม่ให้โอกาสเขา ข้ากลับหวังว่าเจ้าจะมีศักดิ์ศรีสักหน่อย อย่าเลียนแบบสุนัขข้างถนนพวกนั้น”
“อะไรนะ เจี้ยนชิงเฉินถูกเจ้าฆ่าไปแล้วจริงๆ หรือ”
แม้แต่เซวี่ยชิงอียังร่างแข็งทื่อ
ในที่นั้นผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนคนอื่นๆ ตัวแข็งทื่อไปแล้ว เจี้ยนชิงเฉิน นั่นเป็นถึงมกุฎอริยะกระบี่ที่พลังต่อสู้น่ากลัวถึงที่สุดเชียวนะ!
แม้แต่เขาก็ตายแล้วหรือ
“รอเจ้าตายค่อยไปถามเจี้ยนชิงเฉินไม่ดีกว่าหรือ”
ยามเอ่ยหลินสวินก้าวย่างกลางอากาศพุ่งออกไปโจมตีเต็มกำลัง ทุกกระบี่ที่ฟันออกไปล้วนมีอานุภาพยิ่งใหญ่ต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ประกายกระบี่มากมายเหล่านั้นลุกโชนเจิดจรัส ปั่นป่วนจักรวาล ตัดสลับไปมา เพียงแค่เสียงครวญกระบี่ที่ดังก้องก็กระแทกใจทุกคนอย่างแรงแล้ว ทำเอาพวกเขาเจ็บปวดอย่างที่สุด
เซวี่ยชิงอีเป็นคนรอบคอบและระมัดระวังอย่างมาก ไม่เช่นนั้นหลังจากหลินสวินไปป่วนโลกมารโลหิต เขาไม่มีทางอดทนมาโดยตลอด และเพิ่งจะมาแก้แค้นในตอนนี้แน่
หลังจากการหลบหนีของพวกสือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียว ทำให้เขาตระหนักได้แล้วว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี
และตอนนี้พอเห็นหลินสวินพุ่งโจมตีมา ความคิดแรกของเซวี่ยชิงอีก็คือถอย ในใจก็ไม่มีความคิดจะต้านทาน
เขาเป็นบุคคลระดับผู้นำของค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิต ต่อไปยิ่งมีอนาคตที่สดใสไร้จำกัด จะยอมสู้สุดชีวิตกับหลินสวินตอนนี้ได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นแม้สู้สุดชีวิต ต่อให้สุดท้ายจะชนะ ก็เป็นได้แค่ชัยชนะอันน่าอนาถ ไม่เพียงไม่ได้รับประโยชน์ ยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะทำให้ตนบาดเจ็บสาหัส ได้ไม่คุ้มเสีย
แต่ถ้าแพ้ ท้ายที่สุดแล้วคนที่ได้รับประโยชน์ก็มีแต่พวกคุนเซ่าอวี่ จู๋อิ้งคง เลี่ยเฉียนและชืออู๋ซู่เท่านั้น
หากเป็นเช่นนี้ แม้ตายไปเซวี่ยชิงอีก็ไม่จำยอม!
และชั่วขณะนี้เองที่เซวี่ยชิงอีได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
ถอย!
เขาเด็ดขาดกว่าพวกฮว่าหงเซียว สือพั่วเทียน ไม่สนใจเหล่าอริยะแท้ที่รวมตัวเป็นค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนินสักนิด
ส่วนผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกล เขายิ่งไม่สนใจ ล้วนเป็นพวกที่ยังไม่บรรลุอริยะ ตายไปก็ช่างปะไร
“หลินสวิน เจอกันคราวหน้าข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
ในเสียงตะคอกเซวี่ยชิงอีด่าทอ จากนั้นเรียกมุกที่เลือดอาบเม็ดหนึ่งออกมา
ตูม!
มุกเลือดระเบิดออก พลังเทียมฟ้าท่วมท้นพื้นดิน กระแสอากาศนองเลือดอาละวาด ทำเอาหลินสวินยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ พลันสะบัดแขนเสื้อถึงจะสลายกระแสอากาศอันนองเลือดนั่นได้
ส่วนเงาร่างของเซวี่ยชิงอีหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว
“ฉลาดจริง”
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง ไม่ได้ไล่ตามโจมตี
เพราะเวลาไม่เอื้ออำนวย สถานการณ์ก็ไม่เอื้อ มาครั้งนี้เป้าหมายสูงสุดไม่ใช่การเข่นฆ่าแต่แรกอยู่แล้ว หากแต่เป็นการคุ้มครองบรรดาบุคคลขอบเขตมกุฎดินแดนรกร้างโบราณเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็ก
และตอนนี้ ทางเข้าของแดนลับสนามแม่เหล็กกำลังจะปรากฏโดยสมบูรณ์แล้ว
สำหรับพวกเซวี่ยชิงอี… บางทีอาจจะสามารถรอดได้ในชั่วขณะ แต่ก่อนที่การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนจะสิ้นสุดลง ก็ถูกกำหนดให้หนีไม่พ้นแม้แต่คนเดียว!
ตอนนี้คนอื่นๆ ในที่นั้นต่างอึ้งงันไปหมด คิดไม่ถึงว่าเซวี่ยชิงอีจะหนีตามไปติดๆ
และยังทิ้งพวกเขาไว้โดยตรง!
คิดถึงตรงนี้อริยะแท้เหล่านั้นก็อยากสบถด่าขึ้นมา ความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งจะดีได้อย่างไร
โดยเฉพาะเหล่าผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณมารโลหิต แต่ละคนล้วนราวกับสูญเสียบุพการี ในใจสิ้นหวังไปหมด
เซวี่ยชิงอีเป็นถึงผู้นำของพวกเขาเชียวนะ
แต่ตอนนี้กลับทอดทิ้งพวกเขา!
เวลานี้บรรยากาศในที่นั้นเงียบกริบ ทุกคนต่างสีหน้ามืดทะมึน อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าเรื่องน่าสุดที่สุดคือคนไร้ปณิธาณ ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจแล้ว
บุคคลระดับผู้นำอย่างพวกเซวี่ยชิงอี สือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียว ต่างเลือกหนีไปเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ แรงจู่โจมนี้หนักหน่วงเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ดูท่าไม่ต้องใช้เวลาหนึ่งก้านธูป ก็สามารถตัดสินแพ้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ได้แล้ว”
หลินสวินยิ้ม ดวงตาดำราวกับสายฟ้า กวาดมองเหล่าอริยะแท้ที่อยู่ห่างออกไป จากนั้นก้าวย่างไปข้างหน้า
วันนี้เขาพูดไว้แล้วว่าจะขวางศัตรูแปดดินแดนทุกคนไม่ให้เข้าแดนลับสนามแม่เหล็ก แน่นอนว่าต้องทำให้ได้อย่างที่พูด!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท