Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1580 ทลายสวรรค์ดำเนิน

ตอนที่ 1580 ทลายสวรรค์ดำเนิน

ฟ้าดินเงียบสงัด

หลินสวินก้าวย่างกลางอากาศ สายตาจับจ้องไปไกลๆ

หลังการหนีไปของฮว่าหงเซียว สือพั่วไห่ เซวี่ยชิงอี ในสนามรบยังเหลือมกุฎอริยะอีกสิบกว่าคน อริยะแท้อีกห้าร้อยกว่าคน รวมทั้งผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนอริยะสยบฟ้ากำราบสมุทร

ตอนนี้พอเห็นหลินสวินพุ่งเข้ามา พวกเขาต่างได้สติจากความตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่

 เร็ว! ขวางเขาไว้! 

มกุฎอริยะเหล่านั้นคำราม ดวงตาแดงระเรื่อ แม้แต่มดยังรักชีวิต แล้วนับประสาอะไรกับมกุฎอริยะอย่างพวกเขา

เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขาต่างบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน สิ่งเดียวที่สามารถพึ่งพาได้ตอนนี้ ก็คืออริยะแท้ห้าร้อยกว่าคนที่รวมตัวเป็นค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนิน

ตูม!

พร้อมๆ กับเสียงระเบิดที่ดังขึ้น ค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนินโคจร บุคคลระดับอริยะแท้ที่เฝ้าบนห้วงอากาศแต่ละฝั่งกวัดแกว่งธงสีเหลืองอ่อน

ก็เห็นว่าในห้วงอากาศเหนือกระบวนค่ายกลไพศาล ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่มากมายหลอมรวมเป็นปราณกระบี่หนึ่งเดียวที่เรืองรองเทียมฟ้า

ปราณกระบี่นี้แรงกล้าถึงเพียงนี้ แม้เป็นผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลซึ่งอยู่ห่างไปต่างสัมผัสถึงปราณกระบี่ปานทำลายล้างนั่นได้อย่างชัดเจน ใช้ค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนินเป็นศูนย์กลาง ตลบม้วนปกคลุมแปดพันจั้งในทันที น่ากลัวไร้ขอบเขต

นี่ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่เดิมสิ้นหวังหวาดกลัวต่างตื่นเต้นขึ้นมา มองเห็นแสงสว่างเสี้ยวหนึ่ง

ขอเพียงแค่สามารถสกัดหลินสวินได้ ยืนหยัดจนทางเข้าแดนลับสนามแม่เหล็กปรากฏโดยสมบูรณ์ ก็จะสามารถพลิกวิกฤตได้อย่างแน่นอน!

 รวม! 

ก็เห็นว่าตอนนี้รอบตัวหลินสวินปรากฏกระบี่แสนแปดพันอีกครั้ง เพียงแต่ทันทีที่ปรากฏก็ถูกขวดมหามรรคไร้ขอบเขตที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเขากลืนกินจนหมด ราวกับกระแสน้ำหมื่นสายไหลลงสู่ทะเล

พอเห็นภาพนี้มกุฎอริยะไม่น้อยพลันนึกขึ้นได้ว่า ก่อนหน้านี้ฮว่าหงเซียวก็ถูกขวดนี้โจมตีจนบาดเจ็บสาหัสในคราเดียว!

นี่ทำให้สีหน้าพวกเขาเปลี่ยนไป

บุคคลระดับอริยะแท้ในค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนินต่างตระหนักได้ถึงจุดนี้อย่างเห็นได้ชัด ไม่ลังเลสักนิด ฟันปราณกระบี่ที่ยิ่งใหญ่ไพศาลไร้ใดเปรียบสายนั้นออกมา

โครม!

ฟ้าดินสั่นไหว สุริยันจันทราอับแสง

ปราณกระบี่ฟาดฟันลงมา ดุจดั่งการโจมตีจากเซียนกระบี่ นอกฟ้าดาราร่วงหล่น อานุภาพน่าสะพรึงถึงขีดสุด

 เยือน! 

และตอนนี้ เมื่อริมฝีปากของหลินสวินเอ่ยคำหนึ่งออกมา ในขวดมหามรรคไร้ขอบเขต กระบี่แสนแปดพันทะยานออกมาทันใด

พริบตานั้นฝนกระบี่ไร้สิ้นสุดห้อทะยานทั่วฟ้า ทุกสายล้วนเจิดจ้าบาดตา เจตจำนงแห่งไท่เสวียนไหลวนกึกก้อง คล้ายผู้ฝึกกระบี่เย้ยฟ้าหนึ่งแสนแปดพันคนโจมตีออกไปพร้อมกัน

ความรุนแรงแห่งอานุภาพ ทำเอาฟ้าดินแถบนี้ประหนึ่งเปลี่ยนเป็นโลกแห่งกระบี่!

ตูม โครม…

ดุจดั่งเบิกฟ้าผ่าดินอย่างไรอย่างนั้น!

เบื้องหน้าทุกคนเหลือเพียงแสงเจิดจ้าไร้จำกัด

กระแสอากาศปานดับฟ้าทำลายดินท่วมท้น ห้วงอากาศว่างเปล่าเปลี่ยนเป็นอลหม่าน ปราณกระบี่ที่พลุ่งพล่านอาละวาดเข้าปะทะปานภูเขาถล่มสมุทรทลาย ทุกที่ที่กวาดผ่านล้วนปรากฏสภาพทำลายล้างน่าพรั่นพรึง

ผ่านไปไม่นาน ประกายแสงกลางฟ้าดินนั่นจึงค่อยๆ สลัวลง ระลอกคลื่นอาละวาดทั้งหมดค่อยๆ สงบลง

บริเวณนั้นไม่เหลือเค้าเดิมแล้ว ฟ้าดินคล้ายถูกบดขยี้ยับเยิน พื้นที่ทะเลแถบนี้ล้วนถูกแหวกออก น้ำทะเลระเหยหาย

มองดูสนามรบอีกครั้ง ค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนินสลายไปแล้ว อริยะแท้ไม่รู้เท่าไหร่ประสบเคราะห์ในการปะทะนี้ ชิ้นส่วนร่างกายกระเด็นลอย เลือดย้อมบริเวณนั้นจนแดงฉาน

อริยะแท้ที่โชคดีรอดชีวิต ส่วนใหญ่ก็บาดเจ็บสาหัส บนใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความตะลึง หวาดกลัว และสิ้นหวัง

พลังค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนิน สามารถทำให้มหาอริยะต้องยอมถอยให้เชียวนะ!

แต่ตอนนี้กลับถูกสลายอย่างง่ายดาย!

เพียงแค่การปะทะครั้งนี้ก็ทำให้อริยะแท้ห้าร้อยกว่าคนบาดเจ็บไปเกินครึ่ง ช่างเหมือนการเข่นฆ่าอันนองเลือดครั้งหนึ่ง

มองบนอากาศอีกครั้ง คนผู้หนึ่งยืนตระหง่าน เสื้อผ้าโบกสะบัด ร่างกายมีแสงมรรคโปรยปรายดุจดั่งสายฝน

สีหน้าของเขาขาวซีดอย่างที่สุด แต่ท่วงท่ายังคงตรงแน่ว ดุจดั่งเทพไท้อมตะไม่เสื่อมคลายก้มมองโลกหล้า!

ชั่วขณะนี้กลางฟ้าดินนี้ล้วนสั่นสะเทือน ทุกคนอึ้งงันราวกับรูปปั้นดินเผา

นี่คืออานุภาพปานไร้เทียมทาน ไม่สามารถสั่นคลอนได้ สามารถทำให้ทุกคนในสมรภูมิเก้าดินแดนแห่งนี้สิ้นหวัง

ในการโจมตีนี้ หลินสวินกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด!

 นี่เป็นไปไม่ได้… เป็นไปไม่ได้… 

คนมากมายมือเท้าเย็นเฉียบ ร่างกายสั่นสะท้าน ไม่อาจเชื่อได้

 ครั้งนี้จะพ่ายแพ้ทั้งทัพจริงหรือ… 

ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนบางส่วนเผยความโศกเศร้าสิ้นหวัง

 เขาไร้เทียมทานจริงๆ หรือ อริยะร้อยคนล้อมสังหารยังเอาไม่อยู่ บุคคลระดับผู้นำสามคนก็เอาไม่อยู่ แม้แต่ค่ายกลศึกสวรรค์ดำเนิน… ก็ยังเอาไม่อยู่หรือ 

มีคนร้องอย่างโศกเศร้า

หลินสวินเหมือนกับเทพสงครามไร้พาย พาให้ผู้อื่นแทบจะสิ้นหวัง

มีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่ถอนหายใจยาว สภาวะจิตที่ตึงเครียดค่อยๆ สงบลง ดวงตากระจ่างราวกับน้ำของนางจ้องมองหลินสวิน นั่นเป็นผู้ชายของนาง ผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ อานุภาพของเขาสามารถสะเทือนแปดดินแดนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

 ไป! 

 หนีเร็ว! 

ไม่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เหล่ามกุฎอริยะและอริยะแท้ที่เหลือในที่นั้น แต่ละคนต่างสิ้นจิตต่อสู้ หนีกระเจิงไปสี่ด้านแปดทิศโดยไม่มีความลังเล

ไม้ล้มวานรเตลิด[1] ก็เป็นเช่นนี้แหละ!

ยามนี้ในที่สุดจ้าวจิ่งเซวียนก็ออกโจมตี ปลาที่เล็ดลอดก็เป็นปลา จะปล่อยให้พวกเขาหนีไปเช่นนี้ได้อย่างไร

ในเวลานี้หลินสวินพลันสูดหายใจลึกคราหนึ่ง หยิบธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมา ง้างสายธนูจนตึงโดยไม่จำเป็นต้องใช้ศรเทพ

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงสายธนูยิงพุ่งถี่กระชั้นดังกึกก้องอยู่กลางฟ้าดินราวกับฟ้าร้อง

ตอนที่ทุกเสียงสิ้นสุดลง พื้นที่สี่ด้านแปดทิศต้องมีฝนเลือดกลุ่มหนึ่งระเบิดออก เบ่งบานในอากาศดุจดอกไม้ไฟ แดงเข้มสะดุดตา

ชั่วขณะเดียวก็มีอริยะแท้หลายสิบคนและมกุฎอริยะห้าหกคนถูกโจมตีอย่างรุนแรง

ทว่าหากแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีศัตรูจำนวนไม่น้อยหนีไปได้

นี่ก็ช่วยไม่ได้ อริยะแท้และมกุฎอริยะแต่ละคนครอบครองวิชาเคลื่อนย้าย ตอนที่ทุกคนหนีอย่างสุดชีวิต ด้วยพลังของหลินสวินและจ้าวจิ่งเซวียนย่อมยากจะจับได้ทั้งหมด

หลินสวินไม่ได้ไล่ตาม ก้าวย่างกลางห้วงอากาศ ไม่ทันไรก็ถึงส่วนลึกของทะเลผาดำ มาอยู่หน้ากระบวนอริยะสยบฟ้ากำราบสมุทร

สีหน้าของเขาขาวซีดราวกับกระดาษแล้ว เสียพลังกายหนักหน่วง แต่ตอนที่เห็นเขาปรากฏตัว ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่หลบอยู่ในกระบวนค่ายกลต่างเผยสีหน้าสิ้นหวังและหวาดผวากันหมด

 พวกเจ้าดู ทางเข้าแดนลับสนามแม่เหล็กปรากฏแล้ว 

สายตาของหลินสวินมองผ่านกระบวนค่ายกล มองไกลออกไป เหนืออากาศบนพื้นผิวทะเลตรงนั้นมีประตูซึ่งดุจภาพมายาก่อตัวอยู่ แผ่กลิ่นอายกฎระเบียบฟ้าดินอันคลุมเครือ

ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีคุณสมบัติบรรลุมกุฎอริยะเข้าไปภายใน ก็จะสามารถครอบครองโอกาส ช่วงชิงวาสนาการบรรลุอริยะ

แต่ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนเหล่านั้นในใจต่างขมขื่นอย่างไม่มียกเว้น สีหน้าซีดเซียว พวกเขารู้ว่าไม่มีโอกาสแล้ว!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นพื้นที่ทะเลแถบนี้ตลบม้วนขึ้นมา กระบวนค่ายกลที่แปลงจากมุกอริยะกำราบสมุทรยี่สิบสี่เม็ด เมื่อไม่มีการควบคุมของเซวี่ยชิงอีก็ไม่ต่างอะไรกับค่ายกลที่ไร้นาย ไม่สามารถทำอะไรหลินสวินได้

เพียงพริบตา กระบวนค่ายกลนี้และผู้แข็งแกร่งแปดดินแดนที่อยู่ข้างในก็ถูกหลินสวินเก็บไปพร้อมกัน กำราบไว้ภายในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด

‘ค่ายกลนี้ใช้สมบัติอริยะยี่สิบสี่ชิ้นเกื้อหนุนกัน มุกอริยะกำราบสมุทรทุกเม็ดล้วนยืมพลังแห่งท้องทะเล มหัศจรรย์มาก’

หลินสวินใคร่ครวญพลางหันมอง

ก็เห็นว่าทุกสิ่งในครรลองสายตาล้วนมีสภาพแตกหักพังยับเยินและนองเลือด ราวกับกำลังบอกเล่าอย่างไร้เสียงว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้สะท้านฟ้าสะเทือนดินแค่ไหน

เงาร่างของจ้าวจิ่งเซวียนสง่างาม ก้าวเดินอยู่ในสนามรบ กำลังเก็บกวาดทรัพย์หลังศึก

ตอนที่สัมผัสถึงสายตาของหลินสวิน จ้าวจิ่งเซวียนเงยหน้าขึ้น บนใบหน้าที่งดงามปานภาพวาดเผยรอยยิ้มเจิดจ้าเย้ายวน

หลินสวินยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นหมุนตัวมาถึงทางเข้าแดนลับสนามแม่เหล็ก พลันรู้สึกว่าพลังกฎระเบียบฟ้าดินที่น่าสะพรึงอย่างที่สุดกดดันเข้ามา ขวางอยู่ตรงหน้าตน

เขารู้ชัดดีว่าระดับอริยะไม่สามารถเข้าไปได้

 ทุกท่าน ศุภโชคแห่งการบรรลุอริยะอยู่ข้างในนี้ จะช่วงชิงได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนแล้ว 

หลินสวินเรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมา ปล่อยบุคคลขอบเขตมกุฎดินแดนรกร้างโบราณอย่างพวกเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวเทียน เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน หมีเหิงเจินออกมา

จากนั้นไม่อธิบายอะไรกับพวกเขาด้วยซ้ำ ก็ให้พวกเขารีบเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กนั่น

แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ตอนที่ทุกคนเห็นสภาพยับเยินบริเวณนั้น ต่างก็เดาออกว่าก่อนหน้านี้หลินสวินจะต้องผ่านการต่อสู้ที่นองเลือดและดุเดือดที่สุดอย่างแน่นอน!

นี่ทำให้ในใจพวกเขาต่างสั่นไหว

 พี่หลิน ขอบคุณมาก! 

 รอหลังจากข้าบรรลุอริยะ จะต้องต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า แบ่งเบาความกังวลให้เจ้า แบ่งเบาความกังวลให้กับค่ายทัพดินแดนรกร้างโบราณ! 

ทุกคนต่างประสานหมัดคำนับ จากนั้นทยอยเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กและหายไปในทันใด

จนกระทั่งหลังจากเงาร่างสุดท้ายเข้าไป หลินสวินถึงเหมือนยกภูเขาออกจากอก ถอนหายใจยาวทีหนึ่ง

ความเหนื่อยล้าที่พูดไม่ออกแผ่ขยายไปทั่วกาย

การต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาใช้สารพัดวิธี เข่นฆ่าเต็มกำลังจนหมดแรงไปนานแล้ว ตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ

ตอนนี้ในที่สุดก็คุ้มครองเหล่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณจนเข้าสู่แดนลับสนามแม่เหล็กได้อย่างปลอดภัยแล้ว ก็เหมือนยกหินก้อนใหญ่ออกจากอก โล่งไปทั้งตัว

เขานั่งอยู่บนผิวน้ำลวกๆ หยิบน้ำเต้าสุราออกมาเงยหน้าดื่มอย่างบ้าคลั่ง เหม่ออยู่ครู่หนึ่งก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมากะทันหัน

พวกเซวี่ยชิงอีโง่เขลานัก หากไม่หนี ยืนหยัดอีกหน่อย ผู้ชนะในตอนสุดท้ายจะเป็นตนง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร

จะโทษก็ต้องโทษเจ้าพวกนั้นที่แม้จะร่วมมือกัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นหนึ่งเดียว พอพบเจอปัญหาก็แตกแยกกระจัดกระจาย!

อย่างสือพั่วไห่และฮว่าหงเซียว ตอนหนีไม่มีบอกกล่าวสักคำ ทำเอาเซวี่ยชิงอียังงุนงง ไม่ทันตั้งตัว

หรืออย่างตอนเซวี่ยชิงอีหนี ก็ทิ้งพวกพ้องคนอื่นๆ ในที่นั้นโดยตรง การกระทำทั้งหมดนี้ส่งผลให้พวกเขาพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

ทัพพ่ายเหมือนภูเขาล้ม ก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้

 ครั้งนี้เจ้าบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว รีบทำสมาธิหน่อย ข้าจะคุ้มครองให้เจ้า 

ห่างไปจ้าวจิ่งเซวียนเดินเข้ามา มองใบหน้าที่ขาวซีดจนแทบจะโปร่งแสงของหลินสวิน สีหน้าเผยความทะนุถนอม

 ได้ 

หลินสวินตอบรับรวดเร็ว หยิบโอสถเทพและลูกกลอนวิญญาณมากมายออกมา เริ่มหลอมและฟื้นตัว

จ้าวจิ่งเซวียนนั่งกอดเข่าอยู่ข้างๆ มองคลื่นน้ำทะเลสีดำที่อยู่ห่างไปและหันมองหลินสวินเป็นระยะๆ ในใจรู้สึกสงบเงียบมั่นคง

ในเวลาเดียวกัน ตรงหน้าเมืองอารักษ์มรรคแห่งโลกรกร้างโบราณ

 เมืองนี้ก่อขึ้นจากทรายทองผลึกอากาศทั้งหมด ทั้งยังวางกระบวนผนึกอริยมรรคที่มหัศจรรย์อย่างที่สุด อยากจะโจมตีให้ทลายเป็นเรื่องยากมาก… 

ห่างออกไปจู๋อิ้งคงพูดเสียงเบา ในดวงตาเผยความชื่นชมเสี้ยวหนึ่ง

 หลินสวินนั่นนับว่าฝีมือดี เพียงแค่บรรยากาศของเมืองนี้ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า อย่างน้อยเจ้าหมอนี่ต้องมีฝีมือระดับปรมาจารย์สลักลายมรรคบนวิถีสลักรอยวิญญาณ 

——

[1] ไม้ล้มวานรเตลิด หมายถึงเมื่อคนมีอำนาจล้มลง คนที่คอยพึ่งพาอาศัยเขาก็จะเตลิดหายไปด้วย

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท