แดนนิรมิตเทพ บทที่ 607
เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของจางเฉียง นักเรียนทุกคนต่างรู้สึกอกสั่นขวัญหาย!
สายตาที่มองเฉินโม่มีความหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
“เฉินโม่เป็นคนบ้า ต่อไปอย่าไปล่วงเกินเขาเด็ดขาด!”
นักเรียนต่างรู้สึกหวาดผวา
เจิ้งซิ่วลี่โกรธจนหน้าขาวซีด เธอคิดว่าเฉินโม่ยอมรับคำท้าแล้ว เขาก็จะปล่อยจางเฉียงไป แต่นึกไม่ถึงว่าเฉินโม่จะไม่ทำตามปกติ แต่กลับโยนจางเฉียงลงไปทันที
การที่ จางเฉียงชอบใส่ร้ายเฉินโม่ลับหลัง ความจริงแล้วเจิ้งซิ่วลี่เป็นคนที่คอยเสี้ยมอยู่ตลอด กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจางเฉียงเป็นสุนัขรับใช้ของเธอ
เฉินโม่รู้เรื่องพวกนี้ดี เขาจึงตั้งใจโยนจางเฉียงลงไปเพื่อเตือนเจิ้งซิ่วลี่
เจิ้งซิ่วลี่มองเฉินโม่ด้วยความเกลียดชัง และกล่าวอยู่ในใจว่า “นายจองหองไปเถอะ หลังจากประกาศผลการสอบเอ็นทรานซ์แล้ว ฉันจะทำให้นายชดใช้คืนเป็นสิบเท่า สำหรับสิ่งที่นายเคยทำให้ฉันอับอายขายหน้า!”
อานเข่อเยว่มองเฉินโม่ด้วยสายตาเย็นชา และกล่าวอยู่ในใจว่า “เฉินโม่ นายเป็นคนอวดดีเสมอ นายลาไปหนึ่งเทอม แล้วยังกล้าแข่งสอบเอ็นทรานซ์กับเจิ้งซิ่วลี่ที่มีผลการเรียนดีเสมอมา ช่างไม่เจียมตัวจริง ๆ”
“วันที่ประกาศผลการสอบเอ็นทรานซ์ ฉันจะมาด้วยตนเอง เพื่อมาดูว่านายจะอับอายขายหน้าแค่ไหน!”
แววตาของเจิ้งหยวนฮ่าวประกายความตื่นเต้น เขารู้ว่าเฉินโม่คือเฉินไต้ซือ เมื่อก่อนสิ่งที่พึ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือฐานะครอบครัว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินไต้ซือที่ชื่อเสียงสั่นสะท้านไปทั่วฮ่านหยางแล้ว ฐานะครอบครัวของเขาไม่สามารถถือเป็นอะไรได้
ดังนั้น ตอนนี้สิ่งที่เจิ้งหยวนฮ่าวสามารถแข่งกับเฉินโม่ได้ มีเพียงผลการสอบเอ็นทรานซ์เท่านั้น
ถึงแม้ว่าคนที่ท้าเฉินโม่คือเจิ้งซิ่วลี่ แต่เจิ้งหยวนฮ่าวก็แอบเพิ่มตนเองเข้าไปในการแข่งขันคราวนี้ด้วย เขาแตกต่างจากเจิ้งซิ่วลี่ เพราะเธอต้องการทำให้เฉินโม่อับอายต่อหน้าสาธารณชน แต่เขาแค่ต้องการพิสูจน์ว่าตนเองเก่งกว่าเฉินโม่ทุกด้านเท่านั้น!
“เฉินโม่ คราวนี้ฉันจะต้องเหนือกว่านายให้ได้!”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเฉินโม่ ทำให้นักเรียนที่เดาว่าเฉินโม่ไม่กล้ามาร่วมสอบเอ็นทรานซ์ เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
เมื่อมีบทเรียนจากจางเฉียงแล้ว จึงทำให้ไม่มีใครกล้าพูดใส่ร้ายเฉินโม่อีก
ห้องเรียนเงียบสงบ
จางเฉียงปรากฏตัวที่ประตูอย่างกะทันหัน ทำลายความสงบ
“ผู้อำนวยการ คือเขา!”
จางเฉียงโชคดีมาก เพราะเขาตกลงลงบนพื้นหญ้า ก้นกระแทกพื้น เจ็บเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่มีอะไรร้ายแรง
เพียงแต่จางเฉียงที่รอดตาย ตอนนี้เขารู้สึกโกรธแค้นเฉินโม่มาก ดังนั้นเขาจึงไปฟ้องผู้อำนวยการทันที
ตอนนี้เหลือเวลาก่อนที่จะสอบเอ็นทรานซ์ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่กลับเกิดการทะเลาะเบาะแว้งในโรงเรียน ซึ่งทำให้ผู้อำนวยการโกรธมาก เขาจึงพาคนมาที่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ห้องหกด้วยตนเอง เตรียมที่จะลงโทษผู้กระทำผิดอย่างหนัก
เมื่อเห็นว่าจางเฉียงพาผู้อำนวยการมา เพื่อนนักเรียนทุกคนต่างมองเฉินโม่ ด้วยสายตาที่รู้สึกมีความสุขกับความโชคร้ายของคนอื่น
เจี่ยงหยาวกับจ้าวกางรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เจี่ยงหยาวมองเฉินโม่และกล่าวเบา ๆ ว่า “พี่เฉินโม่ ตอนนี้เกิดปัญหาแล้ว อีกสักครู่ถ้าผู้อำนวยการถามพี่ พี่แสดงกิริยาดีหน่อยน่ะ!”
เฉินโม่ยิ้มบาง ๆ “ไม่มีเรื่องอะไรหรอก วางใจเถอะ!”
ผู้อำนวยการเดินเข้ามาในห้องเรียน มองนักเรียนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม และถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ใครเป็นคนโยนนายลงไป?”
จางเฉียงยืนอยู่บนแท่นบรรยาย แล้วชี้เฉินโม่ที่นั่งอยู่ และกล่าวด้วยสีหน้าดุร้ายว่า “ผู้อำนวยการ เฉินโม่เป็นคนโยนผมลงไป! แม้แต่หัวหน้าห้องก็ไม่สามารถขวางเขาได้ ผู้อำนวยการต้องลงโทษคนบ้าคลั่งคนนี้น่ะครับ!”
หลังจากกล่าวจบ จางเฉียงมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าชั่วร้าย รู้สึกลำพองและกล่าวอยู่ในใจว่า “คนไร้ประโยชน์ที่บ้าคลั่ง คราวนี้ฉันจะคอยดูว่าผู้อำนวยการจะจัดการนายอย่างไร? ถ้าตัดสิทธิ์ไม่ให้นายเข้าร่วมการสอบเอ็นทรานซ์จะดีที่สุด เพื่อทำให้นายเสียใจไปตลอดชีวิต!”
เพื่อนนักเรียนบางคนมองผู้อำนวยการที่กำลังโมโห และแอบเดาอยู่ในใจว่า “คราวนี้เฉินโม่โชคร้ายแล้ว!”
เพียงแต่เพื่อนนักเรียนอย่างอานเข่อเยว่ เจิ้งหยวนฮ่าว และเจิ้งซิ่วลี่ที่รู้เส้นสนกลในของเฉินโม่ไม่ได้คิดเช่นนั้น แต่กลับมองจางเฉียงด้วยความสงสาร ราวกับว่าพวกเขามองคนโง่ที่กำลังจะตายแต่กลับไม่รู้ตัว