แดนนิรมิตเทพ บทที่ 604
เมื่อกลับมาถึงกลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังที่อู่โจวแล้ว เฉินโม่ไม่ได้ฝึก แต่หาหนังสือของมัธยมปลายทั้งหมดและอ่านทีละเล่ม
เมื่อมองเฉินโม่ที่มีความมุมานะฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เอียนชิงเฉิงและซังซังแสดงท่าทางแปลก ๆ
สำหรับผู้หญิงสองคนนี้ เฉินโม่เป็นถึงปรมาจารย์ เป็นเฉินไต้ซือที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของฮ่านหยาง เป็นคนที่อยู่เหนือคนอื่น เมื่อเห็นเฉินโม่อ่านหนังสือเหมือนเด็กดี ทำให้พวกเธอสองคนไม่สามารถยอมรับเฉินไต้ซือที่เป็นแบบนี้ได้ชั่วขณะ
แต่พวกเธอไม่ได้รบกวนเฉินโม่ ถ้าการอ่านหนังสือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งของเฉินโม่ด้วยล่ะ?
จนกระทั่งตอนบ่าย เฉินโม่ถึงอ่านหนังสือจบทั้งหมด เขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขาเข้าใจเนื้อหาของมัธยมปลายทั้งหมดแล้ว
จากนั้น เฉินโม่ก็ไม่ได้ฝึกวิชา แต่ไปอาบน้ำ ทานอาหาร แล้วปิดประตูเข้านอนแต่หัวค่ำ
เอียนชิงเฉิงกับซังซังมองหน้ากัน ซังซังกล่าวด้วยความสงสัยว่า “เฉินไต้ซือได้รับแรงกระตุ้นแบบไหน? เขาคิดว่าตนเองเป็นนักเรียนที่กำลังจะสอบเอ็นทรานซ์จริง ๆ!”
เอียนชิงเฉิงครุ่นคิด “บางทีนี่อาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา!”
เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินโม่ไปโรงเรียนแต่เช้า เขาไปหาหวางลี่ที่ห้องพักครู่เพื่อรับบัตรเข้าสอบ จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่ห้องเรียน
ทันทีที่เฉินโม่ขึ้นบันได เขาได้ยินนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก ห้องหก กำลังพูดถึงตนเอง
“ฮ่า ๆ วันนี้เป็นวันสอบเอ็นทรานซ์ แต่คนไร้ประโยชน์อย่างเฉินโม่ยังไม่ปรากฏตัวออกมาเลย เขาต้องรู้ว่าตนเองสอบไม่ผ่าน จนไม่กล้าแม้แต่จะมาร่วมการสอบเอ็นทรานซ์!” ผู้ชายคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
ในห้องเรียน นักเรียนแสดงสีหน้าที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่แสดงสีหน้าเหยียดหยาม มีเพียงเจี่ยงหยาวและเพื่อนนักเรียนที่สนิทกับเฉินโม่เท่านั้น ที่มองผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ
อานเข่อเยว่เหลือบมองที่นั่งของเฉินโม่ด้วยไม่รู้ตัว แต่ที่นั่งนั้นว่างเปล่า
ความโกรธเคืองประกายผ่านดวงตาของอานเข่อเยว่ เธอกำมือไว้แน่นจนมือขาวเนียนกลายเป็นสีแดงเล็กน้อย
“สำหรับพวกเราแล้ว การสอบเอ็นทรานซ์เป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้ แต่สำหรับเขาแล้วอาจจะไม่สำคัญ!”
“ช่างน่าขันจริง ๆ เขามีสิทธิ์อะไร!” ใบหน้าที่สวยงามของอานเข่อเยว่บิดเบี้ยวเล็กน้อย
สีหน้าของเจิ้งหยวนฮ่าวเคร่งขรึม เขามองที่นั่งของเฉินโม่เช่นกัน ความเยาะเย้ยปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา “เฉินโม่ เฉินไต้ซือ ฉันยอมรับว่านายทรงพลัง ถึงแม้ว่าฉันพยายามทั้งชีวิต แต่ฉันก็ไม่สามารถตามนายทัน”
“แต่พวกนั้นล้วนเป็นพลังที่อยู่เหนือโลกมนุษย์ ฉันไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับนาย แต่ฉันพ่ายแพ้ให้กับพลังพวกนั้นของนายต่างหาก แล้วฉันจะใช้วิธีของคนธรรมดาเอาชนะนาย!”
วิธีของเจิ้งหยวนฮ่าวคือการสอบเอ็นทรานซ์ เป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของคนธรรมดา
เจิ้งซิ่วลี่ก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ตอนนี้ เธอมองที่นั่งของเฉินโม่ ดวงตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
“เฉินโม่ วันนี้เป็นวันสอบเอ็นทรานซ์ ทำไมนายถึงยังไม่มา? ฉันยอมรับว่าฉันไม่ได้ต่อสู้เก่งเหมือนนาย และไม่มีพลังมากเท่ากับนาย แต่พวกนั้นล้วนเป็นพลังภายนอก ในฐานะนักเรียนมัธยมปลาย ผลสอบเอ็นทรานซ์ถึงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จ!”
“ฉันจะเอาชนะนาย ด้วยผลการสอบเอ็นทรานซ์อย่างสง่าผ่าเผย!”
จ้าวกางไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เขาจึงยืนขึ้นและตอบโต้ด้วยสีหน้าที่เย็นชา “จางเฉียง นายอย่าพูดจาเหลวไหล ฉันเชื่อว่าเฉินโม่จะไม่ละทิ้งการสอบเอ็นทรานซ์!”
จางเฉียงเลิกคิ้ว ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เอียงศีรษะแล้วมองจ้าวกางด้วยความเหยียดหยาม “เฮ้ จ้าวกาง ฉันรู้ว่านายเป็นสุนัขรับใช้ของเฉินโม่ แต่นายควรจะมีสมองมากกว่านี้? อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มสอบเอ็นทรานซ์แล้ว ตอนนี้คนไร้ประโยชน์อย่างเฉินโม่ยังมาไม่ถึง นายคิดว่าเขาจะมาเหรอ?”
เจี่ยงหยาวที่หน้าตาสะสวย ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนทันที แล้วจ้องจางเฉียงด้วยความโมโหและกล่าวว่า “ฉันเชื่อว่าพี่เฉินโม่จะต้องมา ต้องมีเรื่องบางอย่างที่ทำให้เข้าล่าช้าอย่างแน่นอน!”
เมื่อเผชิญหน้ากับเจี่ยงหยาวที่กลายเป็นดาวโรงเรียนไปแล้ว จางเฉียงไม่ใจแข็งพอที่จะหยาบคายมากเกินไป เขาจึงหัวเราะและกล่าวด้วยเจตนาร้ายว่า “สุภาพบุรุษไม่ทะเลาะกับผู้หญิง เมื่อการสอบเอ็นทรานซ์เริ่มต้นขึ้น พวกคุณก็จะรู้ว่าคำพูดของผมมันถูกต้อง!”