แดนนิรมิตเทพ บทที่ 649
“พวกคุณคิดจะทำอะไร!” หญิงสาวรีบถอยหนีด้วยความตกใจ
ทันใดนั้น ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งมายืนขวางอยู่หน้าหญิงสาว ประสานมือทั้งสองเป็นการคำนับและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสาวของผมไม่รู้ความ จึงล่วงเกินพวกพี่ทั้งหลาย หวังว่าจะให้อภัย!”
“พี่ พวกเขาเป็นฝ่ายใส่ร้ายเฉินไต้ซือก่อน ฉันถึงได้ทะเลาะกับพวกเขา ฉันไม่ผิด!” เด็กสาวจ้องชายหนุ่มด้วยความโกรธ
คุณชายเว่ยและคนอื่น ๆ มองชายหนุ่มอย่างเกียจคร้านและกล่าวเยาะเย้ยว่า “คุณเป็นพี่ของเธอ….หรือเป็นคนรัก?”
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “พวกคุณโปรดระวังคำพูดด้วย!”
“น้องสาวของแกมายั่วยุผมก่อน แต่คุณกลับมาบอกให้ผมระวังคำพูด คุณไม่ไปสืบดูก่อนว่าผมเว่ยอวี้เฉิงเป็นใคร?” สีหน้าของคุณชายเว่ยเย็นชาและกล่าวด้วยความเย่อหยิ่ง
“เว่ยอวี้เฉิง? คุณเป็นคนของตระกูลเว่ย!” สีหน้าพี่ชายของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นลำบากใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนว่าตระกูลเว่ยมีชื่อเสียงมาก
เมื่อหญิงสาวได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นคนของตระกูลเว่ย เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเช่นกัน เธอจึงไปหลบอยู่ข้างหลังพี่ชาย ด้วยท่าทางราวกับว่าตนเองสร้างปัญหาแล้วถูกคนอื่นจับได้
เมื่อเว่ยอวี้เฉิงเห็นว่าพวกเขาสองคนเกรงกลัวชื่อเสียงของตระกูลเว่ย ทำให้เขายิ่งไม่กลัวเพราะถือว่ามีตระกูลหนุนหลังอยู่ “ในเมื่อคุณเคยได้ยินชื่อเสียงของตระกูลเว่ยแล้ว ถ้าเช่นนั้นคุณก็อยู่ในแวดวงนี้ด้วย ให้น้องสาวของคุณขอโทษและดื่มเหล้าเป็นเพื่อนผม แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าจบกันไป!”
“พี่!” เมื่อหญิงสาวได้ยินเงื่อนไขของเว่ยอวี้เฉิงแล้ว เธอจับแขนพี่ชายไว้แน่นด้วยความประหม่า และสีหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
พี่ชายตบมือหญิงสาวที่จับแขนตนเองเบา ๆ เป็นการปลอบโยน แล้วหันไปมองเว่ยอวี้เฉิง จากนั้นประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับและกล่าวว่า “ตระกูลเว่ยเป็นตระกูลบู๊ที่มีชื่อเสียงของเจียงหนาน ผมชื่นชมมานานแล้ว แต่ตระกูลเซวียแห่งหนานหลิงของผมไม่ใช่คนของโลกฝึกบู๊ หวังว่าพี่เว่ยจะเข้าใจ และอย่าถือสาน้องสาวของผม!”
“ตระกูลเซวียแห่งหนานหลิง? ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน!” เว่ยอวี้เฉิงกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยาม พวกชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเขาก็หัวเราะเยาะเย้ยเสียงดัง
สีหน้าของชายหนุ่มมีความอับอายและความโมโห แต่กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว มองเว่ยอวี้เฉิงและกล่าวว่า “คุณเป็นคนของโลกฝึกบู๊ แต่ตระกูลเซวียของผมเป็นคนของโลกมนุษย์ พวกเราอยู่กันคนละโลก และการที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อของตระกูลผมมันก็เป็นเรื่องปกติ!”
“อย่างไรก็ตาม คุณชายเว่ยต้องเคยได้ยินข้อตกลงระหว่างโลกฝึกบู๊กับโลกมนุษย์แล้วใช่ไหม!”
สีหน้าของเว่ยอวี้เฉิงเปลี่ยนไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “คุณกำลังข่มขู่ผม?”
“มิกล้า เพราะตระกูลเซวียของผมได้รับบุญคุณใหญ่หลวงจากเฉินไต้ซือ และการที่น้องสาวของผมปกป้องเฉินไต้ซือมันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ขอพี่เว่ยโปรดเข้าใจด้วย!” ชายหนุ่มจัดการปัญหาด้วยความสุขุมรอบคอบ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของตนเองจะเป็นรองคนอื่น แต่เขาไม่ถ่อมตนและไม่เย่อหยิ่ง ทำให้เว่ยอวี้เฉิงและคนอื่นไม่สามารถจับจุดอ่อนใด ๆได้
เว่ยอวี้เฉิงกัดฟันด้วยความโมโห ตอนแรกเขาอยากจะยั่วยุเพื่อให้หนุ่มตระกูลเซวียโมโห จากนั้นเขาจะได้มีข้ออ้างจัดการสองพี่น้อง แต่นึกไม่ถึงว่าหนุ่มตระกูลเซวียจะเคลียร์ปัญหาด้วยความฉลาดหลักแหลมขนาดนี้ เพราะการทำแบบนี้มันไม่ทำให้ตระกูลเซวียเสียหน้า และพวกเขาก็ไม่สามารถจับจุดอ่อนใด ๆได้
แต่เว่ยอวี้เฉิงไม่ยอมรามือง่าย ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่กล้าต่อต้านประเทศ แต่ขอเพียงแค่เขาไม่ฆ่าคนตาย เจ้าหน้าที่ก็ไม่มาแทรกแซงเรื่องของตระกูลเว่ย
“ผมไม่สนว่าพวกคุณมีความสัมพันธ์อะไรกับเฉินไต้ซือ แต่น้องสาวของคุณยั่วยุก่อน ถ้าวันนี้คุณไม่ให้คำอธิบายกับผม พวกคุณก็อย่าหวังว่าจะไปจากที่นี่ได้”เว่ยอวี้เฉิงคิดจะก่อความวุ่นวาย
สีหน้าของหนุ่มตระกูลเซวียมีความอึดอัดเล็กน้อย เขาไม่กลัวการข่มขู่หรือการเจรจา แต่ถ้าอีกฝ่ายทำตัวอันธพาล เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจริง ๆ
“ไม่ทราบว่าพี่เว่ยต้องการคำอธิบายอย่างไร?”
เว่ยอวี้เฉิงกล่าวเยาะเย้ย “เมื่อสักครู่ผมพูดไปแล้ว ยังต้องการให้ผมพูดซ้ำอีกรอบเหรอ?”
ในที่สุดสีหน้าของหนุ่มตระกูลเซวียก็แสดงความโกรธออกมา น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา “โปรดอภัยที่ไม่สามารถทำตามได้!”
“ถ้าเช่นนั้นก็อย่ามาโทษผม!” เว่ยอวี้เฉิงกล่าวเยาะเย้ย แล้วขยิบตาให้พวกชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นชายหนุ่มพวกนั้นเดินมาล้อมสองพี่น้องตระกูลเซวียเอาไว้ทันที และยิ้มด้วยความชั่วร้าย
บรรดาคนที่เฝ้ามองอยู่รอบ ๆ เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายกำลังจะลงมือ พวกเขาต่างถอยออกห่าง เพราะกลัวว่าตนเองจะได้รับผลกระทบ