Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1600 เจียงเหิง

ตอนที่ 1600 เจียงเหิง
เพิ่งจะสิ้นเสียงหญิงกระโปรงเขียวก็ออกกระบวนท่ามือเปล่า
บนท้องฟ้า จู่ๆ สายฟ้าสีเขียวบาดตาก็ร่วงลงมา แตกต่างจากก่อนหน้านี้ สายฟ้านี้พลันควบรวมเป็นประทับใหญ่ที่ราบเรียบโบราณและคลุมเครือ เขียวอร่ามสะดุดตาอย่างที่สุด
ประทับอสนีเทพไม้เขียว!
เพียงมองจากระยะไกลก็ทำให้พวกคุนเซ่าอวี่หนังหัวชาวาบ ราวกับเผชิญเคราะห์สวรรค์ หัวใจสั่นไหวระลอกหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้ไร้ศัตรูในระดับเดียวกันแล้วหรือ
ไม่เช่นนั้นจะครอบครองพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร การโจมตีที่เรียบง่ายเช่นนี้ก็ทำให้คนในสะท้านแล้ว!
ดวงตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ ถูกทำให้โกรธแล้ว
เดิมทีกับคนที่ไม่มีความบาดหมาง เขาก็ไม่คิดจะหักหน้าอีกฝ่าย แต่ดูผู้หญิงคนนี้ลงมือโดยไม่พูดสักคำ บีบบังคับกันเหลือเกิน!
พร้อมกับการโคจรพลังขับเคลื่อนรอบตัวหลินสวิน ประทับซวนหนีปรากฏ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับนัยเร้นลับมังกรเคราะห์โดยสมบูรณ์ ประทับเดียวเท่านั้น กลับเหมือนสัตว์ปีศาจซวนหนีที่แท้จริงตัวหนึ่ง มีอานุภาพบดขยี้ภูผาธารา กำราบเวิ้งฟ้า
ตูม!
ในเสียงปะทะน่ากลัว ฟ้าดินแถบนี้ล้วนสั่นไหว ราวกับภูเขาเทพดึกดำบรรพ์สองลูกชนกัน สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ชั่วพริบตาเงาร่างของหญิงกระโปรงเขียวและหลินสวินต่างส่ายไหวเล็กน้อย
จากนั้นสายตาของทั้งสองสบกันกลางอากาศ ต่างแฝงไอสังหารเย็นเยียบเสียดกระดูก
“เซียนท่านนี้ ต้องการให้พวกเราช่วยลงมือหรือไม่”
ทันใดนั้นคุนเซ่าอวี่พูดเสียงกังวาน
เซวี่ยชิงอีและจู๋อิ้งคงพยักหน้า หากฉวยโอกาสนี้ยืมพลังของหญิงกระโปรงเขียวกำจัดศัตรูตัวฉกาจอย่างหลินสวินได้ในคราเดียว นั่นย่อมดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
“หึ! เล่นงานหัวขโมยคนหนึ่งเท่านั้น ต้องให้คนอื่นช่วยซะที่ไหน”
หญิงกระโปรงเขียวงดงามมาก ผิวเซียนกระดูกเทพ ท่วงท่าสง่างามยืนอยู่กลางอากาศ ความงดงามเช่นนั้นทำให้ภูผาธาราและสรรพสิ่งหม่นแสง
แต่นางกลับหยิงทระนงและเย็นชาอย่างที่สุด ตั้งแต่ต้นจนจบเผยท่าทางสูงส่งเย่อหยิ่ง
แม้แต่คำพูดยังไม่ปกปิดความเย่อหยิ่งวางอำนาจ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางมีความมั่นใจในรากฐานพลังของตนอย่างที่สุด จึงหล่อหลอมให้เกิดบุคลิกเช่นนี้
นี่ทำให้สีหน้าของพวกคุนเซ่าอวี่อดชะงักไม่ได้ ในใจเดือดดาล แต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ต่างดูออกว่าผู้หญิงซึ่งที่มาลึกลับคนนี้ไม่ควรมีเรื่องด้วย
“พวกเจ้าเป็นถึงผู้นำดินแดนหนึ่ง เป็นบุคคลระดับแปดยอดนภาคราม แต่ตอนนี้กลับดีนัก ถูกข้าคนแซ่หลินโจมตีจนฉี่ราด หนีตายลนลาน ตอนนี้ถึงขั้นประจบเอาใจผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่ห่วงหน้า ไม่รักศักดิ์ศรีของตนหน่อยหรือ”
หลินสวินซึ่งอยู่ห่างไปหังเราะเย้ย ในคำพูดเต็มไปด้วยความถากถางดูถูก
เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไร ว่าพวกคุนเซ่าอวี่คิดจะยืมพลังของผู้หญิงคนนี้มาเล่นงานตน น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจสักนิด
พวกคุนเซ่าอวี่เดือดดาลยกใหญ่ สีหน้ามืดทะมึน
ส่วนหลินสวินคร้านจะสนใจพวกเขาแล้ว เขาก้าวขึ้นห้วงอากาศ ผมดำปลิวสยาย แผ่อานุภาพกดดันทั่วตัว พูดด้วยสายตาดุร้าย
“แล้วก็เจ้าผู้หญิงอัปลักษณ์ คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ หรือ”
“เจ้าบอกว่าข้าอัปลักษณ์หรือ”
หญิงกระโปรงเขียวอึ้งเหมือนยากจะเชื่อ ดวงหน้าหยกที่งดงามไร้ที่ติปรากฏไอสังหารอย่างไม่ปกปิด
ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนให้คนอื่นด่าตนว่าอัปลักษณ์ได้ โดยเฉพาะคนหยิ่งทระนงอย่างนาง ต่อให้อยู่ในสำนัก ยังถูกมองว่า ‘โดดเด่นที่สุด ราวกับเซียนมาเยือนโลก’ เป็นที่เคารพและชื่นชมของคนรุ่นเดียวกันไม่รู้เท่าไหร่
แม้แต่บรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์ในสำนักยังมองว่านางเป็นสมบัติล้ำค่าในฝ่ามือ
แต่ตอนนี้กลับถูกคนด่าว่าเป็น ‘หญิงอัปลักษณ์’ ต่อหน้า!
ไม่ใช่เพราะหญิงกระโปรงเขียวไม่หนักแน่นพอ แต่สำหรับนาง นี่เป็นการท้าทายที่ตรงไปตรงมาและไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงที่สุด!
“ดูท่าเจ้าจะไม่ใช่แค่อัปลักษณ์อารมณ์ร้าย หูก็ยังไม่ดีด้วย หากข้าเป็นเจ้าคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว จะได้ไม่อับอายขายหน้า ทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ”
หลินสวินพูดเสียงเรียบ
ตูม!
ในอากาศสายฟ้าสีเขียวหมื่นล้านสายปรากฏกะทันหัน ตัดสลับทับซ้อน แปรเปลี่ยนเป็นม้วนภาพที่แปลกประหลาดหนึ่งเดียว กางออกในห้วงอากาศ
ในม้วนภาพสายฟ้าราวกับผืนทะเลเขียว!
นี่ก็คือคำตอบของหญิงกระโปรงเขียว นางโกรธจนดวงหน้างามเย็นชาไปหมดแล้ว ดวงตาคู่งามแฝงความดุร้าย หมายจะฟันหัวขโมยปากร้ายอย่างหลินสวินให้ตายทั้งเป็น
“ทะยาน!”
คำพูดของหลินสวินแม้จะกำเริบเสิบสาน แต่ตอนที่ลงมือจริงๆ ก็ไม่มีความประมาทใดๆ พุ่งขึ้นไปอย่างไม่ลังเล หุบเหวใหญ่รอบตัวปรากฏ ปราณกระบี่กึกก้องดั่งกระแสน้ำ
ชั่วขณะนั้นการต่อสู้ปะทุขึ้น สายฟ้าดั่งเกรี้ยวกราด ปราณกระบี่พาดขวาง สังหารจนฟ้าดินขมุกขมัว สุริยันจันทราไร้แสง
พลังขับเคลื่อนของหลินสวินราวกับเตาหลอมที่เดือดพล่าน ทั้งร่างพร่างพราวเป็นประกาย เส้นผมทุกเส้นมีแสงมรรคงดงามไหวเวียน ทุกการโจมตีล้วนปรากฏแก่นสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด ความแข็งแกร่งของอานุภาพสั่นคลอนจักรวาลฟ้าดิน
หญิงกระโปรงเขียวคนนั้นก็แข็งแกร่งจนน่าตกใจเช่นกัน เสื้อผ้าของนางพลิ้วไปตามลม ร่างเซียนรางเลือน ทุกอิริยาบถล้วนแฝงนัยเร้นลับมหามรรค
สายฟ้าสีเขียวมากมายปานมังกรยักษ์ ถูกนางคว้ามาตามอำเภอใจ สะเทือนไปทั่วทิศ กลิ่นอายทำลายล้างมืดฟ้ามัวดิน
ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ถึงกับเผยการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สามารถสะเทือนอดีตปัจจุบันได้ในยามนี้
หากเป็นมกุฎอริยะคนอื่นๆ อย่าว่าแต่แทรกแซง เพียงแค่ผลกระทบจากคลื่นลูกหลงของพลังต่อสู้ ไม่ตายก็คงบาดเจ็บสาหัส!
พวกคุนเซ่าอวี่ต่างหลบไปไกลทันที ตอนที่เห็นการต่อสู้เช่นนี้ ในใจพวกเขาก็ไม่สามารถสงบได้ เดือดพล่านไม่หยุด
เดิมคิดว่าพวกเขาเป็นผู้นำดินแดนหนึ่งแล้ว เป็นยอดมกุฎแห่งหมื่นอริยะ เหมือนกับผู้ยิ่งใหญ่ที่โดดเด่น สามารถอาละวาดได้ตามอำเภอใจ
แต่การปรากฏตัวของหลินสวินกลับล้มล้างการรับรู้ของพวกเขา ทำให้พวกเขาต้องรับแรงจู่โจม เพิ่งจะตระหนักได้ว่าบนโลกนี้ยังมีปีศาจที่ไม่สามารถวัดได้โดยหลักการทั่วไปอยู่!
และตอนนี้เมื่อเห็นหญิงสาวพลิกฟ้าที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนในเก้าดินแดนผู้นี้ปรากฏตัวกะทันหัน ทั้งมีพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยกว่าหลินสวิน สำหรับพวกคุนเซ่าอวี่แล้ว เป็นความกระทบกระเทือนที่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นบุคคลพลิกฟ้าที่มาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา และมีเพียงขุมอำนาจในทางเดินโบราณฟ้าดารา ที่ครอบครองวิธีมาเยือนสมรภูมิเซียนเหินแห่งนี้”
ประกายเทพวาบผ่านในดวงตาสีม่วงของจู๋อิ้งคง สีหน้าตึงเครียด
สำหรับผู้ฝึกปราณแปดดินแดน ทางเดินโบราณฟ้าดาราคือโลกที่ตั้งอยู่บนนภาครามแห่งหนึ่ง เป็นที่เฝ้าฝันของทุกคน
อย่างน้อยทั้งเก้าดินแดน คนที่สามารถเข้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราได้ ก็มีเพียงบุคคลระดับมหาจักรพรรดิ
ในเผ่าจักรพรรดิตระกูลชือที่จู๋อิ้งคงอยู่ มีข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการเข้าสู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่าทางเดินโบราณฟ้าดาราตั้งอยู่บนเก้าดินแดน นั่นเป็นสถานที่ยิ่งใหญ่สำหรับระดับจักรพรรดิ บุคคลมากสามารถรวมตัว
เหล่าบุคคลแข็งแกร่งในนั้นมีอานุภาพปานเทพ สามารถส่องสะท้อนฟ้าดาราอันยิ่งใหญ่!
ในใจเซวี่ยชิงอีและคุนเซ่าอวี่เองก็ไม่สามารถสงบได้
ในขุมอำนาจเบื้องหลังของพวกเขาทุกคน ล้วนครอบครองข่าวลับมากมายเกี่ยวกับทางเดินโบราณฟ้าดารา
“บรรพบุรุษเผ่าข้าเคยบอกว่า ครั้งนี้หากข้าสามารถหยั่งถึงวิธีสร้างวิชาแห่งตน ก็จะเปิดเส้นทางต้องห้ามสายหนึ่ง ส่งข้าไปฝึกปราณสั่งสมประสบการณ์ที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา เดิมทีข้าไม่ได้สนใจนัก แต่ตอนนี้ดูท่าที่แห่งนั้นจะน่ากลัวมากจริงๆ”
คุนเซ่าอวี่พึมพาเสียงเบา
หญิงสาวกระโปรงเขียวคนนั้นมีบุคลิกไร้เทียมทาน ทำเอาเขาเองยังตะลึง จิตใจสั่นคลอน
“สิ่งที่สามารถมั่นใจได้คือ ผู้หญิงคนนี้ก้าวสู่หนทางไร้ศัตรูในระดับนี้แล้ว หลอมรวมมรรคของตนเป็นหนึ่งเดียว สร้างวิชาแห่งตน เพียงแต่ไม่รู้ว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดารามีพวกมหัศจรรย์เช่นนี้กี่คนกันแน่…”
พูดถึงตรงนี้คุนเซ่าอวี่อดถอนหายใจไม่ได้
การเสาะแสวงมหามรรค แต่ไหนแต่ไรเหนือฟ้ายังมีฟ้า แค่ในอาณาเขตเดียวอาจสามารถวางโตเหนือผู้อื่นได้ แต่เมื่อเทียบกับคนในระดับที่สูงกว่า ก็จะเห็นชัดว่าไม่เท่าไร
“พวกเจ้าว่าหลินสวินที่ถือกำเนิดในดินแดนยากไร้และทรุดโทรมอย่างดินแดนรกร้างโบราณ สู้ดินแดนที่พวกเราอยู่ยังไม่ได้เลยสักนิด แต่ทำไม… เขากลับมีพลังต่อสู้ที่พลิกฟ้าเช่นนี้”
เซวี่ยชิงอีหดหู่มาก
มองหลินสวินที่สู้กับหญิงกระโปรงเขียวอย่างสูสี ในใจเขาเกิดความรู้สึกอิจฉา เคียดแค้น และชิงชังอย่างไม่อาจควบคุม
คุนเซ่าอวี่และจู๋อิ้งคงต่างเงียบกริบ
พวกเขาไม่สามารถตอบได้ เพราะแม้แต่พวกเขายังไม่เข้าใจ นี่ดูเหลือเชื่อมาก ทำให้จนตอนนี้พวกเขายังยากจะรับความจริงนี้ได้
ตูม!
บนท้องฟ้า ในการต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างที่สุด จู่ๆ หญิงกระโปรงเขียวก็แค่นเสียงเย็นเยียบ “ที่แท้เจ้ายังไม่เคยสร้างวิชาแห่งตนอย่างแท้จริง!”
“แล้วอย่างไร กำราบหญิงอัปลักษณ์อย่างเจ้าก็เหลือแหล่แล้ว”
หลินสวินหัวเราะเยาะ
ต่อสู้มาถึงตอนนี้ในใจเขาก็อดตกใจไม่ได้ รับรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้ก็ฝึกปรานสามมรรคาพร้อมกัน ทั้งรวมไตรมรรคเป็นหนึ่ง ความสำเร็จในระดับมกุฎอริยะแท้ก็เรียกได้ว่าตะลึงโลก
ถึงขั้นที่ผู้หญิงคนนี้ได้สร้างวิชาแห่งตนของนางแล้ว!
ทว่าสิ่งที่ทำให้หลินสวินวางใจได้บ้างคือ พลังต่อสู้ของผู้หญิงคนนี้เรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวจริงๆ แต่รากฐานพลังของนางเห็นได้ชัดว่าสู้ตนไม่ได้
วิชาที่นางสร้างก็เห็นได้ชัดว่าขาดการขัดเกลา แม้อานุภาพจะแข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถคุมคามตนได้อย่างแท้จริง
“หัวขโมย เจ้าสมควรตาย!”
หญิงกระโปรงเขียวกัดฟันแน่น เพลิงโกรธพลุ่งพล่านเพราะคำเรียกว่าหญิงอัปลักษณ์ที่ไม่ขาดปากของหลินสวิน
โครม!
นางพลันเรียกจานหยกพร่างพราวราวสุริยันดวงโตออกมา กลมมนแวววาว ภายในสะท้อนโลกสายฟ้าที่ยิ่งใหญ่งดงาม
วงอสนีสุริยัน!
ทันทีที่สมบัตินี้ปรากฏ คลื่นที่แผ่กระจายออกมาทำให้ภูผาธารารอบๆ ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายทำลายล้างน่ากลัวชั้นหนึ่ง ท้องฟ้าล้วนสั่นไหวขึ้นมา
กลิ่นอายอันตรายที่กดดันอย่างที่สุดทำเอาสีหน้าของพวกคุนเซ่าอวี่เปลี่ยนไป มองจากไกลๆ ยังทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
นี่คือสมบัติที่น่ากลัวเหลือเชื่อชิ้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
“หัวขโมย คิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ หรือ”
หญิงกระโปรงเขียวเหมือนเซียนที่ครอบครองทัณฑ์สายฟ้าอย่างไรอย่างนั้น วงล้อหมุนเวียน ส่องสะท้อนโลกสายฟ้าแห่งหนึ่ง ไอทำลายล้างปกคลุมเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ยามนี้หลินสวินก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคุมคามที่อันตรายถึงชีวิตเช่นกัน นัยน์ตาดำของเขาหดรัด เรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมาเงียบๆ
“ศิษย์น้องเจียงเหิง ช่องทางกำลังจะปิด รีบกลับมา!”
แต่ตอนนี้เองเสียงที่ก้องกังวานสายหนึ่งดังจากบนท้องฟ้า จากนั้นวังวนสว่างไสวพลันปรากฏขึ้น
“รอข้าฆ่าหัวขโมยนี่ก่อนค่อยไปก็ยังไม่สาย!”
หญิงกระโปรงเขียวที่ถูกเรียกว่าเจียงเหิงคนนี้จะยอมจากไปเช่นนี้ได้อย่างไร พลันโบกมือหยกอย่างไม่ลังเล
ฟุ่บ!
วงอสนีสุริยันโคจร บดขยี้ห้วงอากาศแหลกละเอียด พุ่งทะยานเข้าใส่หลินสวินด้วยความเร็วเหลือเชื่อ
พริบตานี้พวกคุนเซ่าอวี่ต่างรู้สึกแสบตาจนลืมไม่ขึ้น
วงอสนีสุริยันนั่นเจิดจ้าและรุนแรงเกินไป ตอนที่โคจรพวยพุ่ง มีประกายสายฟ้าไร้สิ้นสุดพรั่งพรูออกมา ทำลายฟ้าดิน น่าพรั่นพรึงจนสามารถทำให้คนสิ้นหวัง
และยามนี้หลินสวินเองก็ขนลุกซู่ขึ้นมาระลอกหนึ่ง ไม่สามารถหลีกหนีได้ เพราะพลังขับเคลื่อนถูกตรึงไว้อย่างมั่นคงแล้ว
…………………..
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท