แดนนิรมิตเทพ บทที่ 660
“เขารวบรวมจุดเด่นแต่ละเคล็ดวิชาของร้อยตระกูลรวมเป็นหนึ่งเดียว สมแล้วที่เขาเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในโลกฝึกบู๊ของเจียงหนาน!” ผู้อาวุโสเกากล่าวชื่นชมด้วยความจริงใจ
เฉินโม่มองผู้นำตระกูลพานที่ค่อนข้างแปลก และยิ้มบาง ๆ “ทํานองเดียวกัน เคล็ดวิชาของคุณก็ไม่เลวเช่นกัน เพียงแต่มันซับซ้อนไปหน่อย!”
พานเยว่ซานรู้สึกตกใจเล็กน้อย “คุณสามารถมองเห็นเคล็ดวิชาของผมได้? ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกข้อบกพร่องของเคล็ดวิชาของผมได้ไหม?”
ทันใดนั้นดูเหมือนว่าพานเยว่ซานจะกลายเป็นนักเรียนที่ใฝ่หาความรู้ และขอคำแนะนำจากเฉินโม่ด้วยสีหน้าจริงใจ
เฉินโม่ก็ไม่ได้เลี่ยง เขาชี้แนะทันทีว่า “รวบรวมจุดเด่นของเคล็ดวิชามากมาย จุดเริ่มต้นค่อนข้างดี แต่เพราะวิสัยทัศน์ของคุณจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของคุณ ดังนั้นเคล็ดวิชาที่สร้างออกมา เป็นเพียงเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์ เพียงแต่เมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาของโลกฝึกบู๊แล้ว มันแข็งแกร่งกว่ามาก!”
สีหน้าของพานเยว่ซานเต็มไปด้วยความตกใจ และกล่าวช้า ๆ ว่า “คุณพูดถูก”
“นับตั้งแต่ผมเข้าสู่แดนแปรภาพแล้ว ผมก็คิดแต่จะทำลายพันธนาการของแดนเทพ จากนั้นผมก็เสาะหาและรวบรวมเคล็ดวิชาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเคล็ดวิชาพิเศษเหล่านั้น แม้กระทั่งเคล็ดวิชาของอาจารย์ค่ายกล และเคล็ดวิชาของอาจารย์ฮวงจุ้ย หลังจากการสรุปช่วงหลายปีที่ผ่านมา สุดท้ายผมก็ได้สร้างเคล็ดวิชาที่แตกต่างออกมาวิชาหนึ่ง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ พานเยว่ซานแสดงสีหน้าพอใจ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกภูมิใจในความคิดสร้างสรรค์ของตนเองมาก
“เคล็ดวิชาที่ผมสร้างขึ้นมา ทำให้พลังที่ฝึกออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าชี่แท้ แต่พลังนั้นเก็บกักยาก และมันจะมลายหายไปอย่างรวดเร็ว ผมทำได้เพียงพยายามระงับอย่างเต็มที่ ถึงจะสามารถเก็บมันไว้ในร่างกายได้ คุณจะช่วยผมแก้ปัญหานี้ได้ไหม?”
พานเยว่ซานเหมือนนักเรียนที่ใฝ่หาความรู้ มองเฉินโม่ด้วยความคาดหวัง
พานเยว่ซานเป็นอัจฉริยะคนแรกที่เฉินโม่เห็นนับตั้งแต่เกิดใหม่ เขาอาศัยรวบรวมจุดเด่นของแต่ละเคล็ดวิชาของร้อยตระกูลเข้าด้วยกัน รวมจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกัน จนทำให้เฉินโม่เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
“ฟ้าดินไม่สมบูรณ์แบบ การเวียนว่ายตายเกิด คุณแสวงหาแต่ความสมบูรณ์แบบ มันจะจำกัดความคิดสร้างสรรค์ของคุณ พลังทุกระดับ ไม่ใช่ว่าค้นพบแล้วก็จะสามารถได้มา ถ้าอยากจะมีพลังนั้น จำเป็นต้องมีที่กักเก็บที่สอดคล้องกับพลังนั้นด้วย”
“คุณค้นพบพลังนั้น แต่คุณไม่ได้เปลี่ยนที่กักเก็บของคุณ มันก็จะไม่สามารถกักเก็บพลังนั้นไว้ได้”
ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกเหมือนกำลังฟังคัมภีร์สวรรค์อยู่ แม้แต่ผู้นำหม่าและอาวุโสเกาที่เป็นนักบู๊อาวุโสที่สุดก็ไม่เข้าใจ
แต่พานเยว่ซานฟังจนรู้สึกมัวเมา ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นเป็นครั้งคราว สีหน้าเคร่งขรึมเป็นครั้งคราว และขมวดคิ้วด้วยความครุ่นคิด
พานรุ่ยหมิงและสมาชิกของตระกูลพานคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากัน แล้วเด็กรุ่นหลังของตระกูลพานคนหนึ่งก็ถามเบา ๆ ว่า “ผู้นำตระกูลปลีกวิเวกจนจิตมารครอบงำรือเปล่า? นึกไม่ถึงว่าเขาจะสนทนากับศัตรู!”
นักบู๊หลายคนที่ขอให้พานรุ่ยหมิงเชิญพานเยว่ซานออกจากการปลีกวิเวก ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาเต็มด้วยความมึนงงเช่นกัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าผู้นำตระกูลพานอยู่ฝ่ายไหนกันแน่
บนเวที พานเยว่ซานนั่งขัดสมาธิ และเริ่มฝึกต่อหน้าสาธารณชน
“นี่มัน……”
เมื่อเห็นภาพนี้ ทุกคนต่างพูดไม่ออก
ถ้าตอนนี้เฉินโม่ลอบโจมตี พานเยว่ซานจะต้องตายอย่างแน่นอน!
พานรุ่ยหมิงตะโกนเสียงดัง “คุ้มครองผู้นำตระกูล!”
สมาชิกของตระกูลพานเดินไปล้อมพานเยว่ซานไว้ทันที
เฉินโม่ไม่คิดที่จะลงมือ เพราะถ้าหากเขามีความคิดเช่นนั้น เขาก็จะไม่ชี้แนะพานเยว่ซาน เขาแค่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบและสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองพานเยว่ซานที่อยู่บนเวทีด้วยแววตาชื่นชม
ผู้อาวุโสเกาลูบเคราด้วยสีหน้าตกตะลึง “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คำพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคของเฉินไต้ซือ ทำให้เจ้าเด็กตระกูลพานรู้แจ้งทันทีเลยเหรอ? ถ้าเขารู้แจ้งแล้ว ถ้าเช่นนั้นความสามารถในการรู้แจ้งของเขานั้นช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!”
ผู้นำตระกูลหม่าเบ้ปาก ไม่พูดอะไร แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและความเกลียดชัง สถานการณ์ของพานเยว่ซานถ้าไม่ใช่รู้แจ้งแล้วจะเป็นอะไรล่ะ?