แดนนิรมิตเทพ บทที่ 708
เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เจียงเหอซานรู้อย่างชัดเจนว่าตนเองไม่จำเป็นต้องอยู่อีกต่อไปแล้ว
“เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เซี่ยงชงก็เก่งขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขายิ่งไม่อาจที่จะหยั่งรู้ได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้ว่าคุณมีไม้ตายอะไร แต่ผมยังคงอยากจะเตือนคุณประโยคหนึ่ง อย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป!”
เฉินโม่พยักหน้า ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมรู้แล้ว!”
เจียงเหอซานสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินจากไป ถ้าเขายังคงอยู่ต่อไป เขารู้สึกว่าตนเองจะมีแรงกระตุ้นที่จะอยากจะทุบทำลายข้าวของ
เฉินโม่มองเจียงเหอซานเดินจากไป เขาใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเบา ๆ ครุ่นคิดและวางแผนอยู่ในใจ
“ก่อนเปิดเทอมยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง หลังจากต่อสู้กับซุนบาเทียนแล้ว พลังบำเพ็ญของผมยิ่งแน่นขึ้น และค่อย ๆ มุ่งสู่ความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว มันถึงเวลาก็จะสามารถบรรลุชั้นหกแดนรวมพลังแล้ว!”
“เมื่อถึงเวลานั้น ถึงแม้ว่าเซี่ยงชงและหนานกงหยู่จะบรรลุถึงแดนเทพแล้ว ผมก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย!”
สีหน้าของเฉินโม่ราบเรียบ เขาไม่ใส่ใจกับคำเตือนของเจียงเหอซาน พวกเขารู้แค่ความน่าสะพรึงกลัวของเซี่ยงชง แต่พวกเขาไม่รู้ความตื้นลึกหนาบางของเฉินโม่เลย
“หลังจากไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว จะมีเวลาในการฝึกน้อยลงมากอย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้นก็ถือโอกาสตอนนี้ฝึกบรรลุถึงชั้นหกแดนรวมพลังก่อน”
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เฉินโม่ก็หายตัวไป เขามาถึงภูเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างจากฐานเพียงไม่กี่กิโลเมตร
เขาใช้หินหยกที่เก็บไว้ในแหวนเก็บของ สร้างค่ายกลรวมทิพย์วงกลมขนาดใหญ่ แล้วสร้างค่ายกลป้องกันลวงตาที่ด้านนอกเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นมารบกวน
เฉินโม่นั่งขัดสมาธิ และเริ่มฝึกเพื่อที่จะบรรลุชั้นหกแดนรวมพลัง
ครึ่งเดือนต่อมา บนภูเขาเล็ก ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของยานจิง จู่ ๆ ก็มีลมกระโชกอย่างแรง เมฆเคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้ามากมาย เกิดฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น ราวกับว่าฉากวันโลกาวินาศกำลังมาถึง
จางเป่าเป็นคนในท้องถิ่นของยานจิง และเป็นคนที่ชื่นชอบการปั่นจักรยาน วันนี้เขาบังเอิญปั่นจักรยานที่ซื้อมาใหม่ โดยปั่นจากถนนรอบใจกลางเมืองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของยานจิง
จางเป่านั่งพักบนหินที่อยู่ข้างถนน เงยหน้าดื่มน้ำ
เพียงแต่ทันใดนั้นก็มีลมกระโชกแรงแปลก ๆ ทำให้เขาไม่สามารถลืมตาได้
หลังจากลมแรงพัดผ่านไปแล้ว จางเป่าลืมตาขึ้นอีกครั้ง และเขาพบว่าตอนแรกสภาพอากาศที่แจ่มใส แต่จู่ ๆ กลายเป็นก้อนเมฆสีดำมากมาย และเกิดสายฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น
“พยากรณ์อากาศบอกว่าทั้งสัปดาห์ท้องฟ้าแจ่มใสไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มีฝนตกล่ะ?”
จางเป่ารีบลุกขึ้นยืน เก็บขวดน้ำบนจักรยาน เตรียมตัวจะหาสถานที่หลบฝนก่อน
เพียงแต่ขณะที่จางเป่าเพิ่งจะปั่นจักรยาน ทั่วท้องฟ้าก็สว่างขึ้นทันที สายฟ้าฟาดทะลุท้องฟ้าที่มืดครึ้มราวกับงูสีเงิน
เสียงดังสนั่น ดูเหมือนว่าเสียงฟ้าผ่านั้นอยู่ข้างกายเขา ทำให้จางเป่ารู้สึกตกใจมาก
หลังจากนั้น จางเป่าก็ได้เห็นภาพที่ทำให้เขายากที่จะลืม
เมฆดำเคลื่อนตัวปกคลุมภูเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างหลังเขา ดูเหมือนว่าท้องฟ้าที่อยู่เหนือภูเขาจะกดลงมา เกิดสายฟ้าผ่าเสียงดังสนั่น ราวกับงูสีเงินกำลังเต้นรำอย่างบ้าคลั่ง
พายุหมุนลงมาจากท้องฟ้า เหมือนบันไดที่เชื่อมระหว่างสวรรค์และนรก
ท่ามกลางพายุหมุน ทันใดนั้นร่างของมนุษย์ก็ปรากฏขึ้นบนภูเขาเล็ก ๆ ลูกนั้น สายฟ้าฟาดผ่านร่างกายของเขา และลมพัดผ่านร่างกายของเขาเช่นกัน เขาเป็นเหมือนเทพเจ้าที่ยืนอยู่กลางพายุหมุน
“นี่มันคืออะไร? ข้ามทัณฑ์เหรอ!”
จางเป่าไม่ได้เป็นแค่คนที่ชื่นชอบการปั่นจักรยานเท่านั้น แต่ยังเป็นแฟนคลับของนิยายออนไลน์อีกด้วย โดยเฉพาะเขารู้สึกชื่นชอบนิยายแนวฝึกเซียนและอยู่ยงคงกระพันเป็นพิเศษ เมื่อเขาได้เห็นฉากนี้ ไม่เพียงแค่เขาไม่รู้สึกกลัวแม้แต่น้อยเท่านั้น แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นมาก และความคิดแรกของเขาไม่ใช่การวิ่งหนี แต่อยากจะวิ่งไปดูที่ภูเขาลูกนั้น
นี่เป็นความคิดที่บ้าระห่ำ แต่จางเป่าเป็นคนที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เขาปั่นจักรยานอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปที่ภูเขาเล็ก ๆ ลูกนั้น
แต่น่าเสียดายพายุที่อยู่รอบ ๆ ภูเขารุนแรงเกินไป จางเป่ายังไปไม่ถึงเส้นขอบของภูเขาด้วยซ้ำ เขาก็ไม่สามารถเข้าไปได้อีก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหยุดและมองร่างที่อยู่กลางพายุหมุนและกลางสายฟ้าเท่านั้น
และมองด้วยสายตาเลื่อมใสอย่างยิ่ง!
“จริงสิ โทรศัพท์มือถือ!”
จางเป่ารีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเริ่มบันทึกฉากนี้
“ถ้าโพสต์บนโลกโซเชียล ต้องเป็นข่าวใหญ่อย่างแน่นอน!”