แดนนิรมิตเทพ บทที่ 725
จี๋ต๋าจิ่วตูเหลือบมองพวกเขา กล่าวกับห่าวเจี้ยนว่า “สามต่อหก พวกนายกลัวไหม?”
ห่าวเจี้ยนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “กลัว!”
จี๋ต๋าจิ่วตูเซจนเกือบจะล้ม
“แต่ ยังไงก็ต้องสู้!” ห่าวเจี้ยนกล่าวอีกครั้ง
จี๋ต๋าจิ่วตูตบไหล่ห่าวเจี้ยนเบา ๆ เป็นการปลอบ และกล่าวด้วยความจำใจ “คราวหน้าอย่าลืมพูดให้จบประโยค”
“ไม่ใช่สามคน แต่เป็นสี่คน พวกนายจะทิ้งฉันเหรอ? พวกนายไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฉันเลย?” น้ำเสียงที่ขี้เกียจดังขึ้น จากนั้นเจี่ยจวินซื่อก็ยืนขึ้น
“สี่ต่อหก อาจไม่แพ้ก็ได้!” จี๋ต๋าจิ่วตูมองหกคนที่อยู่ตรงข้ามด้วยสีหน้ายั่วยุ
เพื่อนนักศึกษาคนอื่น ๆ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “พวกเขากำลังจะต่อสู้กันแล้ว? มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว! แต่พวกเขามาจากไหน? ดูแล้วเก่งใช่ย่อย!”
“พวกเขาเป็นคนของหอพักห้อง 306 แต่พวกเขาไม่ได้มาจากที่เดียวกัน ดูเหมือนเพิ่งเจอกันวันนี้ ตอนช่วงกลางวันฉันเห็นพวกเขาที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างนอก”
“ไม่ได้มาจากที่เดียวกันเหรอ? รู้จักกันแค่วันเดียวก็สามัคคีขนาดนี้แล้ว ช่างมีน้ำใจจริง ๆ!”
ผู้ชายหกคนที่อยู่ตรงข้าม มองจี๋ต๋าจิ่วตูด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย
หนึ่งในนั้นกล่าวว่า “ใครบอกพวกนายว่าหกต่อสี่ อย่างน้อยต้องสิบต่อสี่”
หลังจากกล่าวจบ เขาโบกมือไปยังทิศทางหนึ่ง จากนั้นมีผู้ชายเดินเข้ามาอีกสี่คน
“สิบต่อสี่!” สีหน้าของพวกจี๋ต๋าจิ่วตูทั้งสี่คนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถ้าหกต่อสี่ พวกเขาสามารถสู้ตายได้ แต่สิบต่อสี่ พวกเขาไม่มีโอกาสชนะ
“กลัวอะไร? สู้ตาย อย่างมากที่สุดแค่ถูกทุบตีเท่านั้น!” จี๋ต๋าจิ่วตูเตรียมพร้อมสู้
เสิ่นเจี้ยนเหวินที่อยู่ข้างเล่หรูหั่วเหลือบมองเฉินโม่ และกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ดูเหมือนว่าเพื่อนของนายกำลังมีปัญหา นายไม่คิดที่จะไปช่วยพวกเขาเหรอ?”
เฉินโม่ไม่พูดอะไร เพราะคนเหล่านี้เป็นเพียงคนธรรมดา มันไม่คุ้มที่เขาจะลงมือ
แต่เขาก็ไม่อยากให้รูมเมทถูกคนอื่นรังแกต่อหน้าเขา ดังนั้นอีกสักครู่ตอนที่พวกเขาต่อสู้กัน เขาจะแอบช่วยพวกเขาอย่างลับ ๆ
และขณะที่สองฝ่ายกำลังจะต่อสู้กัน มีเสียงดังเข้ามาจากประตูห้องโถง “ขออภัยด้วย ที่นี่ใช่สถานที่จัดงานการประชุมแลกเปลี่ยนของห้องสามของมหาวิทยาลัยหัวหนานใช่ไหม?”
เฉินโม่เหลือบมองชายหนุ่มที่คิ้วโค้งเรียวเหมือนดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว จากนั้นรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
ในที่สุดกู่หลินเฟิงซึ่งเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของหอพักห้อง 306 ก็มาถึงแล้ว
กู่หลินเฟิงมองรอบ ๆ ด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว สุดท้ายสายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่จี๋ต๋าจิ่วตู
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะต่อสู้กัน กู่หลินเฟิงก็ยิ้มด้วยความตื่นเต้นทันที
“ฮ่า ๆ พวกนาย ฉันไม่ได้มาสายใช่ไหม?! ฉันเกือบจะพลาดงานนี้เสียแล้ว!”
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนหน้าของจี๋ต๋าจิ่วตู พวกเขามองกู่หลินเฟิงที่ยืนอยู่ข้างกาย และกล่าวว่า “ไอ้กู่ นายมาได้จังหวะจริง ๆ! ขอแสดงความยินดีที่คราวนี้ นายไม่สามารถเลี่ยงการถูกทุบตีได้”
กู่หลินเฟิงหัวเราะด้วยความภูมิใจว่า “ถูกทุบตี? มันก็ไม่แน่! เพราะฉันสามารถจัดการคนไร้ประโยชน์พวกนี้ด้วยมือเดียว!”
“คุยโวโอ้อวดอย่างไม่กระดากปาก!” ผู้ชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยาะเย้ยด้วยเหยียดหยาม
“เข้ามาเลย ฉันจะคอยดูว่านายจะจัดการพวกเราด้วยมือเดียวอย่างไร!”
จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าวว่า “ไอ้กู่ คราวนี้นายคุยโวโอ้อวดเกินไปแล้วจริง ๆ!”
หลังจากกล่าวจบ ได้ยินเพียงแค่เสียงพ่นลมหายใจของกู่หลินเฟิงเท่านั้น จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปหาผู้ชายสิบคนที่อยู่ตรงข้าม
หลังจากได้ยินเสียงคมชัด ผู้ชายสิบคนนั้นก็ล้มอยู่บนพื้น ต่างคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ส่วนกู่หลินเฟิงยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผ่านไปสักพัก พวกจี๋ต๋าจิ่วตูถึงได้สติกลับมา “ว้าว ยอดฝีมือ หรือว่าสถานะที่แท้จริงของนายคือผู้บำเพ็ญที่หลบซ่อนตัวอยู่ข้างกายพวกเรา? บอกมาตามตรง คนที่ข้ามทัณฑ์ในคลิปวิดีโอคือนายใช่ไหม?”