แดนนิรมิตเทพ บทที่ 742
“เดี๋ยวฟื้น เดี๋ยวตาย! นี่มันเป็นกลอุบายอะไรกันแน่?” ศาสตราจารย์เสิ่นมองเฉินโม่ด้วยหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ และพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
เล่หรูหั่วมองเฉินโม่ ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็เต็มไปด้วยความตกใจเช่นกัน และสายตาเฉียบคมคู่นั้นมองเฉินโม่ด้วยความสนใจ
“เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่? หรือเขาจะเป็นนักบู๊ที่คนในตระกูลพูดถึง!”
เสิ่นเจี้ยนเหวินตกใจกับกลอุบายการของเฉินโม่เช่นกัน และมองเฉินโม่ด้วยสายตาหวาดกลัวเล็กน้อย
เพราะสำหรับนักศึกษาธรรมดาอย่างพวกเขาแล้ว กลอุบายของเฉินโม่เป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างไม่ต้องสงสัย
เดี๋ยวฟื้น เดี๋ยวตาย เพราะมีแต่เทพเจ้าที่แท้จริงเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้!
ศาสตราจารย์เสิ่นมีประสบการณ์มากกว่านักศึกษา ดวงตาของเขาจับจ้องขวดหยกที่อยู่ในมือของเฉินโม่
“นักศึกษาคนนี้ สามารถบอกอาจารย์ได้ไหมว่าในขวดนั้นบรรจุอะไรเอาไว้?” ดวงตาของศาสตราจารย์เสิ่นเป็นประกาย ราวกับว่าเขาได้ค้นพบทวีปใหม่
“น้ำชีวิต!” เฉินโม่กล่าวเบา ๆ เพราะของสิ่งนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง และมีขายตามท้องตลาดทั่วไป
เพียงแต่ขวดนี้ไม่เหมือนน้ำชีวิตที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป เพราะขวดที่อยู่ในมือของเขาเป็นน้ำชี่ทิพย์อย่างแท้จริง
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง แต่เท่าที่อาจารย์รู้ น้ำชีวิตไม่สามารถบรรลุผลเหมือนเมื่อสักครู่ได้ใช่ไหม?” ศาสตราจารย์เสิ่นรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“ขวดนี้เป็นน้ำชีวิตที่ยังไม่ได้ผ่านการเจือจาง” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ศาสตราจารย์เสิ่นเข้าใจทันที เขาพยักหน้าและมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจและกล่าวว่า “นักศึกษาคนนี้ คุณเข้าใจชีวิตดีกว่าอาจารย์เสียอีก!”
แป๊ะ ๆ ๆ!
เล่หรูหั่วยืนขึ้น และเป็นผู้นำในการปรบมือให้เฉินโม่
ศาสตราจารย์เสิ่นมองเฉินโม่และปรบมือ
นักศึกษาคนอื่น ๆ ได้สติกลับคืนมาเช่นกัน และปรบมือให้เฉินโม่ด้วยความชื่นชมยินดีอย่างจริงใจ
ตอนนี้เฉินโม่สามารถชนะใจทุกคนแล้ว!
สีหน้าของเสิ่นเจี้ยนเหวินเคร่งขรึม เขากำหมัดทั้งสองไว้แน่น มองสีหน้าราบเรียบของเฉินโม่ และรู้สึกอิจฉาริษยาเฉินโม่อย่างยิ่ง
“เฉินโม่ นายกลายเป็นจุดสนใจอีกแล้ว! แต่ฉันไม่เชื่อว่านายจะกลับเหตุร้ายให้กลายเป็นดีได้ทุกครั้ง ต้องมีสักครั้ง ฉันจะทำให้นายอับอายต่อหน้านักศึกษาทั้งห้อง!”
เมื่อเผชิญกับสายตาที่ชื่นชมของนักศึกษาทั้งห้องแล้ว เฉินโม่พยักหน้าให้ทุกคน แล้วเดินกลับไปที่นั่งของตนเอง มองออกไปนอกหน้าต่างและครุ่นคิดต่อ
ศาสตราจารย์เสิ่นยังคงบรรยายต่อ คราวนี้เขาไม่รู้สึกโกรธ เขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถสอนเฉินโม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ชีวิตในมหาวิทยาลัยของเฉินโม่นั้นค่อนข้างราบเรียบ นอกจากถูกพวกจี๋ต๋าจิ่วตูบีบบังคับถามสักพักแล้ว เขาก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
วันที่ห้า ทางมหาวิทยาลัยได้ประกาศข่าวว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับ เมื่อพวกจี๋ต๋าจิ่วตูได้ยินข่าว ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
แต่เฉินโม่แอบขมวดคิ้ว เพราะชาติก่อน ไม่มีงานเลี้ยงต้อนรับดังกล่าว
มหาวิทยาลัยจัดงานเลี้ยงต้อนรับด้วยเหตุผลใด? หรือว่าเพราะตนเองเกิดใหม่ จึงทำให้ประวัติศาสตร์บางอย่างเปลี่ยนแปลงไป?
หากสถานะตัวตนของเฉินไต้ซือถูกเปิดเผยแล้ว อาจมีความเป็นไปได้ แต่หลังจากเฉินโม่มาที่มหาวิทยาลัยหัวหนานแล้ว เขาไม่เคยติดต่อกับคนรู้จัก ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่สถานะตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผย
ดังนั้นเหตุผลที่มหาวิทยาลัยจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ไม่เกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน บางทีอาจเป็นเพราะปีนี้นักศึกษาเข้าใหม่มากกว่าปีก่อน ๆ ทำให้มหาวิทยาลัยหัวหนานรู้สึกดีใจ ก็เลยจัดงานเลี้ยงต้อนรับ
วันหยุดสุดสัปดาห์ เฉินโม่กำลังนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านเช่า แต่เขาได้รับแจ้งจากหัวหน้าห้องว่าให้นักศึกษาทุกคนไปช่วยจัดสถานที่ด้วยกัน
ตอนแรกเฉินโม่ไม่อยากสนใจ แต่เขาอยากรู้เหตุผลที่มหาวิทยาลัยจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปที่มหาวิทยาลัย
เขาเดินไปที่ห้องเรียนโดยตรง ตอนนี้นักศึกษามาถึงหลายคนแล้ว เฉินโม่เห็นพวกรูมเมท จึงเดินไปหาพวกเขา
ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสาม หลังจากหัวหน้าห้องได้รับมอบหมายงานแล้ว จึงเริ่มหาคนมาจัดสถานที่ เพราะงานเลี้ยงต้อนรับจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการตอนเวลาหกโมงเย็น