แดนนิรมิตเทพ บทที่ 749
ลูกน้องของเสิ่นเจี้ยนเหวินมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ “คุณ..คุณชายเสิ่น นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ? นอกจากเจ้าหมอนี้มีความสามารถในการต่อสู้แล้ว ฉันไม่เห็นว่าเขาจะมีข้อดีอะไรเลย ทำไมมู่หรงยานเอ๋อร์และเล่หรูหั่วต่างก็ชอบเขาล่ะ?”
สีหน้าของเสิ่นเจี้ยนเหวินเคร่งขรึม มันคงจะดีถ้าเขารู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงจะสามารถครอบครองหัวใจของผู้หญิงสองคนนี้ได้ก่อนเฉินโม่
มีความเกลียดชังปรากฏอยู่บนหน้าของหลี่ชิงหยี “ฮึ่ม ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี้มีอะไรดี? คราวนี้เขากลายเป็นตัวเด่นอีกแล้ว!”
หลังจากมู่หรงยานเอ๋อร์แสดงจบแล้ว ดูเหมือนว่ารายการแสดงต่อไปล้วนไม่ตระการตา และจี๋ต๋าจิ่วตูก็ไม่ได้ตะโกนเชียร์เสียงดังเหมือนตอนที่มู่หรงยานเอ๋อร์แสดง
เดิมทีเฉินโม่ต้องการจากไปก่อน แต่ถูกพวกจี๋ต๋าจิ่วตูขวางไม่ให้เขาไป เหตุผลของพวกเขาก็คือถ้าเฉินโม่อยู่ที่นี่ บางทีอีกสักครู่พวกเขาอาจจะได้เห็นมู่หรงยานเอ๋อร์อีก
ถ้าเฉินโม่ไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้เห็นมู่หรงยานเอ๋อร์
เฉินโม่ทำได้เพียงอยู่ต่อด้วยความจำใจ เขาหลับตาพักผ่อน และรอให้งานเลี้ยงต้อนรับจบอย่างเงียบ ๆ
ผ่านไปสักครู่ เฉินโม่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาลืมตาขึ้น มองไปตรงมุมเวที
ที่นั่น ชายหนุ่มสวมชุดกีฬาสีดำ กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางเฉินโม่
งานเลี้ยงแบบนี้ และนักศึกษารวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมด การที่นักศึกษาเดินไปมามันก็เป็นเรื่องปกติ แต่เฉินโม่รู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา
เพราะเขาเป็นนักบู๊แดนใน!
ยิ่งกว่าไปนั้น เฉินโม่จำชายหนุ่มคนนี้ได้อย่างลึกซึ้ง ชาติก่อนตอนที่เฉินโม่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้สี่ปี เขาเป็นการดำรงอยู่ที่เฉินโม่ทำได้เพียงแค่แหงนมองเท่านั้น และเป็นศัตรูตัวฉกาจของเฉินโม่เช่นกัน
หยุนเทียนหลิง สมาชิกของตระกูลหยุนแห่งจงไห่
ชาติก่อนหยุนเทียนหลิงไม่ได้พบปะกับเฉินโม่มากนัก ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะถือว่าเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจ แต่หยุนเทียนหลิงก็ไม่ได้หาเรื่องเฉินโม่
แต่คนที่ต้องการเอาใจหยุนเทียนหลิง มักจะรังแกเฉินโม่เพื่อเอาใจหยุนเทียนหลิงอยู่เสมอ
เพียงแต่หยุนเทียนหลิงขัดขวางการกระทำของพวกเขา และเขาพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้เฉินโม่รู้สึกสะเทือนใจจนถึงทุกวันนี้
“การปราบปรามคนที่ไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของตนเอง ความจริงแล้วเป็นการยกเขาให้สูงขึ้นเท่านั้น ต่อไปแค่มองข้ามเขาก็พอ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เฉินโม่ถึงได้เข้าใจ ตนเองถือว่าหยุนเทียนหลิงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุด แต่เขาไม่เคยเห็นตนเองอยู่ในสายตาเลย
ตอนนั้นไม่ต้องพูดถึงว่ารอยยิ้มของเฉินโม่นั้นขมขื่นเพียงใด และเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหดหู่เป็นเวลานาน สุดท้ายเป็นเพราะการปลอบโยนของเล่หรูหั่ว ถึงทำให้เขายืนหยัดขึ้นมาใหม่
ตระกูลหยุน เป็นตระกูลบู๊ใหญ่ที่สุดในจงไห่ ผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลหยุนเป็นปรมาจารย์แดนแปรภาพ ว่ากันว่าเขายังเป็นผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรกของปรมาจารย์
ส่วนตระกูลเล่ เป็นตระกูลใหญ่ที่สุดของโลกมนุษย์ในจงไห่ เป็นรองแค่ตระกูลมหาอำนาจในยานจิงเท่านั้น
หยุนเทียนหลิงเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในบรรดารุ่นน้องของตระกูลหยุน และได้รับการบ่มเพาะความสามารถจากตระกูลหยุนในฐานะทายาทมานานแล้ว
ส่วนเล่หรูหั่วเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเล่ รูปร่างหน้าตาและบุคลิกดีที่สุด
ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงถูกผู้อาวุโสของสองตระกูลจับคู่นานแล้ว ถ้าหากตระกูลอันดับหนึ่งในโลกมนุษย์และตระกูลอันดับหนึ่งในโลกฝึกบู๊ของจงไห่ เชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน จะทำให้พลังอำนาจของสองตระกูลนี้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ชาติก่อน สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เฉินโม่ถอยเป็นเพราะตระกูลหยุน
ถึงแม้ว่าตระกูลเล่จะทรงพลัง แต่ก็เป็นพลังของโลกมนุษย์เท่านั้น ขอเพียงแค่พยายามก็สามารถตามทันได้ แต่ตระกูลบู๊เป็นตำนาน สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว มันน่าสะพรึงกลัวมาก
และชั่วชีวิตของคนธรรมดา ทำได้เพียงแค่แหงนมองเท่านั้น
ดังนั้น เฉินโม่จึงเลือกที่จะถอยหนี