แดนนิรมิตเทพ บทที่ 769
หลังจากบอดี้การ์ดมาถึงแล้ว ประธานหลี่ก็เปิดเผยหน้าแท้ออกมาอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าการที่หยางบี้ถิงไม่ผ่านการคัดเลือก เป็นฝีมือของประธานหลี่
จี๋ต๋าจิ่วตูจ้องประธานหลี่ด้วยความโกรธ “คุณคิดว่าสามารถอาศัยอิทธิพลและเล่ห์เหลี่ยมปิดบังอำพรางมวลชนได้เหรอ? ผมจะเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวภายในของการประกวดคราวนี้ออกไป แล้วทำให้ชื่อเสียงของบริษัทเจิ้นซิงมีเดียฉาวโฉ่!”
ประธานหลี่กล่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ยว่า “ตามสบาย คุณคิดว่าคนนอกจะเชื่อนักศึกษาที่มาแก้แค้นเจิ้นซิงมีเดีย เพราะแฟนสาวของเขาไม่ผ่านการคัดเลือก? หรือเชื่อคำแถลงอย่างเป็นทางการของเจิ้นซิงมีเดีย?”
สีหน้าของจี๋ต๋าจิ่วตูเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด หากเป็นจริงตามที่ประธานหลี่กล่าว เกรงว่าไม่เพียงแค่ไม่มีใครเชื่อเขา แต่เขากลับถูกคนอื่นพูดโจมตีอีกด้วย
“เจ้าหนู อย่ามาเล่นกลอุบายต่อหน้าผม พวกเราเป็นบริษัทด้านสื่อ ถ้าไม่สามารถจัดการแม้แต่นักศึกษาที่ยากจนได้ แล้วจะทำมาหากินอยู่ในแวดวงนี้ได้อย่างไร”
“ถ้ารู้จักเอาตัวรอดก็ไสหัวออกไป!”
หลังจากกล่าวจบ ประธานหลี่มองหยางบี้ถิงด้วยสายตาที่เร่าร้อน
“เสี่ยวถิง ถ้าอยากจะผ่านการคัดเลือก ก็พิจารณาเงื่อนไขของผมให้ดี อย่าใช้กลอุบายแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์หรอก คุณดูเฟยเฟยสิ เธอเป็นคนที่เชื่อฟังมาก!”หลังจากนั้น ประธานหลี่ก็ยื่นมือข้างหนึ่งไปทางหลิ่วอี้เฟยด้วยความไร้ยางอาย
หลิ่วอี้เฟยกัดริมฝีปาก ทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มเท่านั้น
หยางบี้ถิงเคยเห็นความไร้ยางอายประธานหลี่มาแล้ว และไม่อยากจะสนใจเขาอีกต่อไป
เธอรู้ว่าจี๋ต๋าจิ่วตูและคนอื่น ๆ ไม่ใช่คู่ต่อสู้กับประธานหลี่ การที่เธอพาพวกเขามาที่นี่ ก็เพื่อให้จี๋ต๋าจิ่วตูล้มเลิกความตั้งใจเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของจี๋ต๋าจิ่วตูแล้ว หยางบี้ถิงรู้สึกว่าจี๋ต๋าจิ่วตูน่าจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ยากลำบากและยอมแพ้
“จิ่วตู ฉันบอกนายแล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ พวกเรากลับกันเถอะ ฉันไม่สนใจบริษัทแบบนี้อีกแล้ว!”
หยางบี้ถิงหมดใจกับเจิ้นซิงมีเดียอย่างสิ้นเชิง
เมื่อจี๋ต๋าจิ่วตูเผชิญกับคนเลวทรามอย่างประธานหลี่แล้ว เขาไม่มีวิธีจัดการจริง ๆ แถมอีกฝ่ายยังมีบอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่หลายคนยืนอยู่ข้างหลังอีกด้วย
“นึกไม่ถึงว่าบริษัทเจิ้นซิงมีเดียที่มีชื่อเสียงในวงการสื่อ กลับมีผู้บริหารที่มีความคิดสกปรกแบบนี้!”
“ช่างมันเถอะ เสี่ยวถิง พวกเรากลับกันเถอะ!”
“ค่ะ!” หยางบี้ถิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มโล่งอก
สีหน้าของประธานหลี่น่าเกลียดมาก แต่ในเมื่อจี๋ต๋าจิ่วตูหวาดกลัวแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเกินไป ถ้ากลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของบริษัท
เพียงแต่ทันใดนั้น เฉินโม่เดินไปอย่างช้า ๆ แล้วไปยืนขวางอยู่ตรงหน้าจี๋ต๋าจิ่วตู
เมื่อเห็นดวงตาที่ประหลาดใจของจี๋ต๋าจิ่วตูแล้ว เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ควรทำงานกับบริษัทแบบนี้จริง ๆ แต่พวกเราก็ไม่ควรกลับไปแบบนี้!”
จี๋ต๋าจิ่วตูถามด้วยความสงสัย “ไอ้เบื๊อกเฉิน นายคิดจะทำอะไร?”
ห่าวเจี้ยนและคนอื่น ๆ ต่างมองเฉินโม่ด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าเฉินโม่คิดจะทำอะไร
แม้แต่ประธานหลี่และคนอื่น ๆ ก็มองเฉินโม่ด้วยความสงสัย และคิดอยู่ในใจว่า “เจ้าหมอนี้คิดจะทำอะไร?”
เฉินโม่ไม่สนใจจี๋ต๋าจิ่วตู สายตาของเขาค่อย ๆ เลื่อนไปที่ประธานหลี่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขอโทษเพื่อนของฉัน!”
ประธานหลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่ง หัวเราะจนหน้าแดง
จี๋ต๋าจิ่วตูและคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงเช่นกัน
“เฉินโม่ นายไม่เป็นไรใช่ไหม? นายจะให้อันธพาลแบบนี้ขอโทษ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!” ห่าวเจี้ยนอุทานด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
หลิ่วอี้เฟยรีบกระซิบข้างหูประธานหลี่ “ประธานหลี่ ระวังเจ้าเด็กคนนี้ให้ดี เขาเป็นคนแปลก ๆ!”
ประธานหลี่หยุดหัวเราะ มองเฉินโม่ด้วยสายตาเหยียดหยาม แต่เขาไม่เชื่อคำพูดของหลิ่วอี้เฟย