ชาวเน็ตเอ “อย่าดูอีกเลย ความจริงแล้วบุคคลนั้นคือผมเอง ตอนนี้ผมดื่มเหล้าและสนทนาอยู่กับราชามังกรในวังมังกรแห่งทะเลตะวันออก! ขอเสริมประโยคหนึ่งว่ามังกรสาวสวยมาก!”
ชาวเน็ตบี “ฮ่า ๆ ความจริงแล้วผมเป็นคนตัดต่อคลิปวิดีโอนี้ขึ้นมาเอง พวกคุณถูกหลอกแล้ว!”
ชาวเน็ตซี “ห้าขุนพลพยัคฆ์แห่งสามก๊ก กวนอู จางเฟย จ้าวหยุน…..ถ้าใครสามารถพูดชื่อออกมาได้อีกหนึ่งชื่อ ผมจะถ่ายทอดสดการกินอุจจาระ!”
หลังจากชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นแบบนี้ ก็มีคนพิมพ์ด่าพวกเขามากมาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเล่นเกมคำศัพท์อยู่
ถึงแม้ว่าจะมีนักเลงคีย์บอร์ดหลายคนสปอยล์สถานการณ์ แต่เนื่องจากคลิปวิดีโอนี้ไม่มีการตัดต่อใด ๆ และมีความเป็นไปได้สูง ทำให้ชาวเน็ตส่วนใหญ่เชื่อว่าคลิปวิดีโอนี้เป็นความจริง
ดังนั้นทำให้นักศึกษายอมรับเหตุการณ์เช่นนี้ได้ง่าย จึงทำให้ข่าวการบำเพ็ญเซียนโด่งดังอีกครั้ง
เมื่อเทียบกับความร้อนแรงบนโลกโซเชียลแล้ว สถานการณ์ของเฉินซงจื่อที่เมืองจงไห่นั้นค่อนข้างสงบ
หลังจากทำให้หยุนหยานอับอายคราวที่แล้ว ตระกูลหยุนก็ไม่ได้มาแก้แค้นเฉินซงจื่อทันที
แต่เฉินซงจื่อก็ไม่ได้คิดว่าตระกูลหยุนกลัวตนเอง แล้วไม่กล้ามาหาเรื่องที่หอการค้าโม่เจียอีก
ตรงกันข้าม ยิ่งตระกูลหยุนเงียบนานเท่าไร ตอนที่ปะทุออกมาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
กลางดึกคืนนี้ ในที่สุดคนของตระกูลหยุนก็มาแล้ว
เพียงแต่คราวนี้มาแค่คนเดียวเท่านั้น หยุนซาน ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหยุน
เมื่อเห็นหยุนซานปรากฏตัวที่ประตูห้องทำงานของเฉินซงจื่อบนชั้น 33 เฉินซงจื่อก็รู้ว่าจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่
“ที่นี่เล็กเกินไป พวกเราออกไปข้างนอกดีไหม?” เฉินซงจื่อถามเบา ๆ
หยุนซานพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ “นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ!”
การต่อสู้เกิดขึ้นในสถานที่ที่ไม่มีใครเห็น นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ผลการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม วันรุ่งขึ้นหลังการต่อสู้ใหญ่สิ้นสุดลงแล้ว หอการค้าโม่เจียเริ่มขยายธุรกิจไปทั่ว ส่วนตระกูลหยุนประกาศว่าขอเพียงเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรม ตระกูลหยุนก็จะไม่เข้าไปแทรกแซง
ถึงแม้จะไม่รู้ผลการต่อสู้ระหว่างหยุนซานกับเฉินซงจื่อ แต่เล่ชิงชางและเหล่าคนใหญ่คนโตในเมืองจงไห่ต่างก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ห้องโถงตระกูลเล่ เล่ชิงชางนั่งบนเก้าอี้ตำแหน่งหลัก และดื่มชาอย่างเงียบ ๆ แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
เล่หรูเฟิงสวมชุดขาว คิ้วโค้งเรียวเหมือนดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาว สง่างามและกล้าหาญ ขมวดคิ้วแล้วมองเล่ชิงชาง และถามด้วยความสงสัยว่า “คุณพ่อ ตระกูลหยุนหมายความว่าอย่างไร? พวกเขาจำนนต่อหอการค้าโม่เจียแล้วเหรอ?”
เล่ชิงชางส่ายศีรษะ ดวงตาเป็นประกาย เขาวางถ้วยน้ำชาเบา ๆ ถอนหายใจและกล่าวว่า “ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ถ้าตระกูลหยุนยอมจำนนแล้ว พวกเขาก็จะไม่พูดแบบนั้น กลับกันตอนนี้ตระกูลหยุนกำลังปกป้องพวกเราอยู่”
สีหน้าของเล่หรูเฟิงเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณพ่อ ลูกไม่เข้าใจ!”
“หอการค้าโม่เจียมียอดฝีมือสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ความแข็งแกร่งของพวกเขามันเพียงพอที่จะทำให้ตระกูลหยุนให้ความสำคัญ พ่อพูดแบบนี้ ลูกสามารถเข้าใจได้ไหม?” เล่ชิงชางไม่ได้พูดชัดเจน เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทดสอบเล่หรูเฟิงอยู่
เล่หรูเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่งและเข้าใจทันที “คุณพ่อ หมายความว่ามียอดฝีมือสนับสนุนหอการค้าโม่เจียอยู่เบื้องหลัง หากตระกูลหยุนต่อสู้กับพวกเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าจะพ่ายแพ้และสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นตระกูลหยุนกับหอการค้าโม่เจียจึงบรรลุข้อตกลง เพื่อไม่ให้หอการค้าโม่เจียใช้กำลังกับพวกเรา”
“เท่ากับปกป้องพวกเราทางอ้อม!”
เล่ชิงชางรู้สึกพอใจมาก พยักหน้าและยิ้มด้วยความชื่นชม “ถูกต้อง การวิเคราะห์ของลูกสมเหตุสมผลมาก”
เล่หรูเฟิงประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับและกล่าวว่า “คุณพ่อ คราวนี้ตระกูลหยุนจะไม่ลงมือ ถ้าพวกเราต้องการยับยั้งการขยายตัวของหอการค้าโม่เจีย พวกเราทำได้เพียงอาศัยตนเองเท่านั้น!”
“อืม” เล่ชิงชางพยักหน้า เจตนาต่อสู้ที่แข็งกล้าปรากฏอยู่บนใบหน้า “ไม่มีใครท้าทายสถานะตระกูลเล่ของพวกเราเป็นเวลาหลายปีแล้ว พ่อจะคอยดูว่าหอการค้าโม่เจียนั้นมีความสามารถเพียงใด”