แดนนิรมิตเทพ บทที่ 824
“วางใจเถอะ พ่อต้องให้ตระกูลเล่ให้คำอธิบายกับพวกเรา!” ใบหน้าของหยุนซานสั่น และพยายามระงับความโกรธตนเองเอาไว้
“ผู้นำตระกูล เจ้าเด็กคนนั้นแข็งแกร่งมาก เขาสามารถเอาชนะผมด้วยหมัดเดียว อย่างน้อยเขาก็ต้องเป็นปรมาจารย์แดนคุ้มกาย! ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของพวกเรา เกรงว่าพวกเราคงจะไม่สามารถเอาชนะเขาได้!” หยุนเหล่ยกล่าวด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร ถ้าพวกเราสู้เขาไม่ได้จริง ๆ แล้วค่อยขอให้คุณท่านออกหน้า ผมไม่เชื่อว่าแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่ง จะสามารถทำอะไรตระกูลหยุนได้!” หยุนซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หอการค้าโม่เจีย เฉินซงจื่อนั่งอยู่ในสำนักงานอย่างเงียบ ๆ และฟังนักธุรกิจอัจฉริยะที่มาจากตระกูลหลินรายงานอย่างละเอียด
“ตอนนี้พวกเราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกอุตสาหกรรมของเมืองจงไห่แล้ว และมีผลกำไรค่อนข้างมาก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่สามารถสั่นคลอนสถานะของตระกูลขนาดใหญ่ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเราจะต้องสามารถแทนที่พวกเขาได้อย่างแน่นอน” หลินฝานรายงานผลงานในช่วงที่ผ่านมาอย่างเงียบ ๆ
“อืม นายทำได้ดีมาก หลินเสวี่ยมองคนไม่ผิดจริง ๆ” เฉินซงจื่อพยักหน้า และมองเขาด้วยความชื่นชม
“ขอบคุณท่านพรตเฉินสำหรับคำชม” หลินฝานพยักหน้า ด้วยท่าทางที่ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนหรือเย่อหยิ่ง
เฉินซงจื่อถามว่า “เมื่อเทียบกับตระกูลเล่แล้ว ตอนนี้พลังอำนาจโดยรวมของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินฝานกล่าวว่า “ตอนนี้พลังอำนาจโดยรวมของพวกเราเหนือกว่าตระกูลเล่แล้ว ตอนนี้ธุรกิจขนาดเล็กมากมายละทิ้งตระกูลเล่แล้ว และหันมาร่วมมือทำงานกับพวกเราแทน ตอนนี้สถานะของตระกูลเล่ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ไม่นานธุรกิจของพวกเราก็จะกลายเป็นอันดับหนึ่งของเมืองจงไห่”
“ดีมาก ถ้าเป็นเช่นนั้น ตระกูลเล่น่าจะไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก” เฉินซงจื่อยิ้มด้วยความอยากรู้ “ผมจะคอยดูว่าเมื่อสถานะของตระกูลเล่ถูกท้าทาย พวกเขาจะใช้กลอุบายอะไร!”
ห้องโถงตระกูลเล่ เล่ชิงชางฟังรายงานเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาได้ยินเป็นข่าวร้ายทั้งหมด
“ผู้นำตระกูล อุตสาหกรรมเหล้าชิงหยวนยอมสยบต่อหอการค้าโม่เจียแล้ว อุตสาหกรรมไอค์ก็ทรยศพวกเราเช่นกัน ส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดของพวงเราลดลงไปมาก ตอนนี้พลังอำนาจโดยรวมของพวกเราถูกหอการค้าโม่เจียแซงหน้าไปแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่นาน ตระกูลเล่ก็จะไม่ใช่ตระกูลใหญ่ที่สุดของจงไห่อีกต่อไปแล้ว” เล่หวนหยู่น้องชายของเล่ชิงชางที่เป็นผู้รับผิดชอบบริหารธุรกิจของตระกูลเล่กล่าว
สีหน้าของเล่ชิงชางเคร่งขรึม ขณะที่พลังอำนาจของหอการค้าโม่เจียยังสู้ตระกูลเล่ไม่ได้ แต่หลายบริษัทก็ได้ทรยศตระกูลเล่แล้ว
ถ้าเวลาผ่านไปอีกสักพัก ตอนที่พลังอำนาจของหอการค้าโม่เจียแซงหน้าตระกูลเล่ไป ถ้าเช่นนั้นจะมีคนอีกกี่คนที่ทรยศตระกูลเล่ แล้วไปสยบต่อหอการค้าโม่เจีย?
นี่เป็นวัฏจักรที่เลวร้าย ซึ่งเป็นสัญญาณที่อันตรายต่อตระกูลเล่มาก
ตระกูลที่แข็งแกร่งทุกตระกูล ล้วนมีตระกูลเล็กคอยสนับสนุนอยู่ข้างล่าง ถ้าตระกูลเล็กที่อยู่ข้างล่างทั้งหมดยอมสยบให้ฝ่ายตรงข้าม สำหรับตระกูลเล่แล้ว มันเป็นการโจมตีที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
“ต่อไปพวกเราควรจะทำอย่างไรดี?” เล่หวนหยู่ถามด้วยความกังวล
ดวงตาของเล่ชิงชางเต็มไปด้วยความจำใจ “ดูเหมือนว่าถ้าต้องการจัดการหอการค้าโม่เจีย คงต้องไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลหยุนแล้ว”
เล่หวนหยู่กล่าวว่า “แต่ตระกูลหยุนเคยประกาศแล้วว่าพวกเขาจะไม่เข้ามาแทรกแซงกับการแข่งขันที่เป็นธรรม?”
“พวกเขาเคยพูดแบบนั้นจริง ๆ แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ตระกูลหยุนจะเพิกเฉยได้อย่างไร” เล่ชิงชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถูกต้อง” เล่หวนหยู่พยักหน้า
“เฟิงเอ๋อร์ ลูกไปตระกูลหยุนกับพ่อ!” เล่ชิงชางเรียกเล่หรูเฟิง แล้วเดินทางไปที่ตระกูลหยุนทันที
ห้องโถงตระกูลหยุน หยุนซานนั่งตรงตำแหน่งหลัก มองเล่ชิงชางและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เล่ มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณต้องมาด้วยตัวเอง? ส่งคนมาแจ้งก็ได้”
เล่ชิงชางส่ายศีรษะ “มันเป็นเรื่องใหญ่ ผมจำเป็นต้องมาด้วยตนเอง!”
“เป็นเรื่องของหอการค้าโม่เจียใช่ไหม?” หยุนซานวางถ้วยน้ำชาสีขาวลงบนโต๊ะ เขาเดาเจตจำนงของเล่ชิงชางได้