แดนนิรมิตเทพ บทที่ 821
เฉินโม่ไม่ใส่ใจคำเตือนของเล่หรูเฟิง หลังจากกลับมาถึงวิลล่าแล้ว ตอนกลางคืนเขาก็เริ่มฝึกต่อ
นับตั้งแต่เฉินโม่ได้หินหยาบทะเลลึกมาจากองค์กรล่าชีวิต เขายังไม่มีเวลาใช้หินหยาบทะเลลึกพวกนี้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หายากมาก ล้ำค่าเหมือนกับรากทิพย์พรสวรรค์
เมื่อเทียบกับรากทิพย์พรสวรรค์ที่เป็นพลังชะตาธาตุไม้แล้ว หินหยาบทะเลลึกมีน้อยกว่ามาก เพราะมันมีอยู่แต่ในทะเลลึกที่เต็มไปด้วยพลังชะตาธาตุน้ำเท่านั้น และต้องใช้เวลาเป็นพันปีถึงจะสามารถควบแน่นเป็นหินหยาบทะเลลึกขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลได้หนึ่งลูก
แล้วยังต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปี กว่าที่หินหยาบทะเลลึกเหล่านี้จะโผล่ขึ้นมาอยู่บนพื้นจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหินหยาบทะเลลึกนั้นหายากเพียงใด
เฉินโม่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ขณะที่หินหยาบทะเลลึกลอยอยู่ตรงหน้าหลายก้อน ราวกับดวงดาวที่หมุนเป็นวงกลม
เฉินโม่เคลื่อนร่างไม่สิ้นสูญหุนหยวน เริ่มหลอมและดูดซับหินหยาบทะเลลึกเหล่านี้
พลังชะตาธาตุน้ำมีพลังสามารถหล่อเลี้ยงทุกสิ่ง และการที่หัตถ์โลหิตล่าชีวิตหลบซ่อนอยู่ในถ้ำใต้น้ำ ก็เพื่อใช้พลังชะตาธาตุน้ำ ที่มีอยู่ในถ้ำใต้น้ำหล่อเลี้ยงร่างกายที่ได้รับความเสียหายและยืดอายุขัยของตนเอง
ร่างธาตุน้ำที่อยู่ในร่างไม่สิ้นสูญหุนหยวน ไม่เพียงแต่มีผลในการหล่อเลี้ยงร่างกายเท่านั้น แต่ยังสามารถหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณได้อีกด้วย ผสานกับความสามารถในการฟื้นฟูที่ทรงพลังของร่างธาตุไม้ จะทำให้ร่างกายของผู้บำเพ็ญมีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาด
ถึงแม้ว่าหินหยาบทะเลลึกเหล่านี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่พลังชะตาธาตุน้ำอุดมสมบูรณ์มาก เทียบเท่ากับพลังชะตาธาตุน้ำที่มีอยู่ในทะเลสาบกลับคืนรังทั้งหมด
เฉินโม่ดูดซับพลังชะตาธาตุน้ำที่อยู่ในหินหยาบทะเลลึกอย่างเงียบ ๆ และรู้สึกว่าพลังชะตาธาตุน้ำเริ่มเคลื่อนอยู่ในร่างกายของตนเอง ซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายของตนเองอย่างช้า ๆ
น้ำให้คุณแก่สรรพสิ่ง แต่มิได้แย่งชิงสิ่งใด ตั้งตนอยู่ในที่ต่ำ ยอมรับทุกอย่างโดยไม่รังเกียจ ถึงจะสามารถถือว่าได้เข้าไปใกล้กับเต๋า อุดมธรรมดุจดั่งน้ำ
สามารถกล่าวได้ว่าพลังชะตาธาตุน้ำเป็นพลังที่อ่อนโยนที่สุดในบรรดาธาตุห้า เฉินโม่ใช้เคล็ดวิชาเจ็ดก้าวพิชิตฟ้า ซึ่งต้องแลกด้วยการเผาผลาญพลังชีวิต เพื่อที่จะแสดงพลังที่เกินขีดจำกัดของตนเองออกมา
ซึ่งทำให้ร่างกายของเฉินโม่ได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยพลังบำเพ็ญของเขาแล้ว ตอนนี้ยังไม่ต้องสนใจอาการบาดเจ็บภายในเหล่านี้ เพราะต่อไปมันสามารถซ่อมแซมได้อย่างช้า ๆ
อย่างไรก็ตาม จากการที่พลังชะตาธาตุน้ำที่ไหลเข้าสู่ร่างกายจำนวนมาก ทำให้อาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเฉินโม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว
ตอนกลางคืนที่ไร้ดวงจันทร์และดวงดาว แต่บริเวณรอบ ๆ ลานบ้านเล็ก ๆ ที่เฉินโม่อาศัยอยู่ สว่างไสวด้วยแสงไฟเหมือนตอนพลบค่ำ
ร่างสองร่างกระโดดลงมาจากกลางอากาศเข้ามาในลานบ้าน ซึ่งคือหยุนเทียนหลิงกับหยุนเหล่ย ปรมาจารย์แห่งตระกูลหยุน
“เทียนหลิง ที่นี่ใช่ไหม?” หยุนเหล่ยที่ปากแหลมแก้มตอกเหมือนลิงและสวมชุดคลุมขนาดใหญ่ ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หยุนเทียนหลิงมองไปยังห้องที่มืดมิด ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น “ใช่ครับ ผมส่งคนมาตรวจสอบแล้ว ไม่รู้ว่าคืนนี้เจ้าหมอนั้นจะกลับมาหรือเปล่า?”
หยุนเหล่ยกล่าวว่า “เข้าไปดูก็จะรู้เอง”
ทันใดนั้น เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นมา “ไม่จำเป็นแล้ว อย่าทำให้ห้องฉันสกปรก”
ร่างของเฉินโม่ลอยออกมาและร่อนลงบนพื้นในลานบ้านอย่างเงียบ ๆ
หยุนเหล่ยหรี่ตาลงเล็กน้อย มองเฉินโม่และกล่าวว่า “เจ้าหนู แม้แต่ฉันก็ยังไม่สามารถรับรู้พลังบำเพ็ญของแกได้ การที่เทียนหลิงแพ้ให้แกก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว”
“ลุงเหล่ย วันนี้คุณลุงต้องแก้แค้นแทนผมด้วย!” หยุนเทียนหลิงมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าอาฆาตแค้น
เฉินโม่ทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนมากมาย โดยเฉพาะต่อหน้าเล่หรูหั่ว ซึ่งทำให้หยุนเทียนหลิงตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย
หยุนเหล่ยพยักหน้าและกล่าวว่า “วางใจเถอะ ในเมื่อลุงมาถึงที่นี่แล้ว ต้องทวงความยุติธรรมให้หลานอย่างแน่นอน!”
“ความยุติธรรม? เฉินโม่ยิ้มด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “ที่แท้นี่ก็คือสิ่งที่ตระกูลหยุนเรียกว่าความยุติธรรมเหรอ?”
หยุนเหล่ยพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “เจ้าหนู ก่อนจะมาที่นี่ เทียนหลิงบอกว่าแกไม่เห็นแม้แต่ตระกูลหยุนอยู่ในสายตา ตอนแรกฉันไม่ค่อยเชื่อ แต่ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว”
สีหน้าของหยุนเหล่ยเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและกล่าวว่า “ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแกคุกเข่าและยอมรับผิดต่อเทียนหลิง เพื่อเห็นแก่ที่แกอายุยังน้อย ฉันจะปล่อยแกสักครั้ง”