แดนนิรมิตเทพ บทที่ 827
เมืองจงไห่ หอการค้าโม่เจีย
เฉินซงจื่อเรียกผู้บริหารทุกคนของหอการค้าโม่เจีย มาประชุมที่ห้องประชุมขนาดใหญ่
สำหรับหอการค้าโม่เจียแล้ว สถานะตัวตนของเฉินซงจื่อนั้นค่อนข้างลึกลับ ทุกคนต่างรู้ว่ามีบุคคลลึกลับสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหอการค้าโม่เจีย ถึงสามารถทำให้หอการค้าโม่เจียตั้งหลักอย่างมั่นคงอยู่ในเมืองจงไห่ได้
แต่สำหรับบุคคลลึกลับคนนี้ คนที่เคยเห็นหน้าเขา มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
วันนี้ เฉินซงจื่อได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน
แน่นอนว่าการปรากฏตัวของเฉินซงจื่อนั่นหมายความว่าถึงเวลาแล้ว และหอการค้าโม่เจียกำลังจะโจมตีตระกูลเล่ที่เป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในเมืองจงไห่
“ทุกท่าน นับตั้งแต่หอการค้าโม่เจียเข้ามาสู่เมืองจงไห่ ถึงแม้ว่าพวกเราจะยึดมั่นสิ่งที่พึงกระทำและทำงานอย่างตรงไปตรงมา แต่ยังคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสกัดกั้นจากเหล่ายักษ์ใหญ่ของเมืองจงไห่ได้”
“ซึ่งพวกเราอดทนมาเป็นเวลานานแล้ว!”
เฉินซงจื่อกวาดสายตาไปทั่ว ส่วนผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้รู้สึกอัดอั้นตันใจมานาน เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเฉินซงจื่อ สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และพร้อมที่จะต่อสู้กับเหล่ายักษ์ใหญ่ในเมืองจงไห่
เฉินซงจื่อพอใจกับคำตอบของทุกคนมาก พยักหน้าและกล่าวต่อไปว่า “ตอนนี้พลังอำนาจของหอการค้าโม่เจีย เพียงพอที่จะต่อต้านเหล่ายักษ์ใหญ่ของเมืองจงไห่แล้ว!”
“ถึงเวลาที่พวกเราจะโต้กลับแล้ว!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาต่างมองเฉินซงจื่อด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้พวกเขารอเพียงคำสั่งของเฉินซงจื่อเท่านั้น แล้วเสือที่หิวโหยกลุ่มนี้ก็จะกระโจมเข้าไป แล้วฉีกเหล่ายักษ์ใหญ่ของเมืองจงไห่ ที่ปราบพวกเขามาโดยตลอดออกเป็นชิ้น ๆ
หลังจากการประชุมสิ้นสุด ในที่สุดสงครามทางธุรกิจที่หอการค้าโม่เจียวางแผนไว้เป็นเวลานาน ก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เมื่อเผชิญกับการโจมตีของหอการค้าโม่เจีย ตระกูลเล่ที่ไม่แข็งแกร่งเหมือนก่อน ก็พ่ายแพ้อย่างยับเยิน หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน หอการค้าโม่เจียก็สามารถครอบครองตลาดส่วนใหญ่แล้ว
เดิมทีเหล่าตระกูลเล็กที่พึ่งพาอาศัยบารมีของตระกูลเล่ ต่างทยอยยอมสยบต่อหอการค้าโม่เจีย ตอนนี้ตระกูลเล่เกือบจะกลายเป็นตระกูลอันดับสองแล้ว
ตอนนี้หอการค้าโม่เจียได้กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของเมืองจงไห่อย่างแท้จริงแล้ว และแข็งแกร่งกว่าตระกูลเล่หลายเท่า
ตระกูลเล่อยู่ในช่วงวิกฤต
ห้องโถงตระกูลเล่ เล่ชิงชางและกลุ่มคนที่มีอำนาจของตระกูลเล่รวมตัวกัน สีหน้าของทุกคนแย่มาก
“พี่ใหญ่ จู่ ๆ หอการค้าโม่เจียเหมือนคนบ้าคลั่ง ฉวยโอกาสจากความได้เปรียบด้านราคาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของพวกเราอย่างบ้าระห่ำ ราคาหุ้นของบริษัทมหาชนหลายแห่งที่เป็นธุรกิจของตระกูลร่วงลงไปถึงหนึ่งในห้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ พวกเราก็จะตกอยู่ในวิกฤต!” เล่หวนหยู่กล่าวด้วยความกังวล
“ถูกต้อง บริษัทของผมกำลังจะยืนหยัดไม่ไหวแล้ว ผู้นำตระกูล ท่านต้องรีบตัดสินใจแล้ว!” เล่ชิงหยุนกล่าวด้วยความกังวลเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเล่ชิงชางจะรู้สึกโกรธ แต่เขาก็ไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความจำใจ “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็ไม่มีวิธีอื่นเช่นกัน พวกคุณพยายามย่อแนวป้องกันเถอะ!”
“ผู้นำตระกูล พวกเราสามารถไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลหยุนได้!” มีคนกล่าว
“ถูกต้อง ตระกูลหยุนและตระกูลของพวกเรากำลังจะกลายเป็นญาติกันแล้ว ตอนนี้พวกเรามาถึงจุดวิกฤติแล้ว ตระกูลหยุนไม่นิ่งดูดายอย่างแน่นอน” เล่ชิงหยุนมองเล่ชิงชางและกล่าว
คนที่เหลือต่างพยักหน้าเช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลหยุนแล้ว พวกเขาสามารถสกัดกั้นหอการค้าโม่เจียได้อย่างแน่นอน
เล่ชิงชางมีความทุกข์แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะให้ตระกูลหยุนมาช่วยตระกูลเล่ ตอนนี้แค่ตระกูลหยุนไม่ซ้ำเติมก็ดีแล้ว
สำหรับเรื่องที่จะให้เล่หรูหั่วแต่งงานกับคนพิการ ตอนนี้เล่ชิงชางยังไม่สามารถใจร้ายขนาดนั้นได้
“ตระกูลหยุนและหอการค้าโม่เจียได้ทำข้อตกลงกันมานานแล้ว ผมเคยไปขอความช่วยเหลือจากหยุนซานแล้ว แต่หยุนซานก็ไม่สามารถช่วยได้” เล่ชิงชางไม่ได้กล่าวถึงเงื่อนไขของหยุนซาน ถึงแม้ว่าตระกูลเล่จะตกต่ำจนกลายเป็นตระกูลอันดับสองของเมืองจงไห่ แต่อนาคตก็สามารถกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งได้
แต่ถ้าเขารับปากเงื่อนไขของตระกูลหยุนแล้ว ชีวิตของเล่หรูหั่วจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
“เฮ้อ ดูเหมือนว่าพวกเราจะทำได้เพียงย่อแนวป้องกันเท่านั้น พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับหอการค้าโม่เจีย และรักษาพลังอำนาจของตนเองเอาไว้ แล้วกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!” เล่หวนหยู่ถอนหายใจและกล่าว