พ่อตั๋วตั๋วเดินไปอยู่ข้างลูกชาย และกล่าวเบา ๆ “ลูก ต่อไปหลังจากดูหนังเสร็จแล้วอย่าให้แม่รู้น่ะ จำเอาไว้?”
“แต่คุณพ่อ มีคนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าจริง ๆ คุณพ่อรีบดูสิ!” ตั๋วตั๋วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าในระยะไกลและตะโกนด้วยความประหลาดใจ
“พูดจาเหลวไหล คนจะบินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่าง……….”
ก่อนที่จะพูดจบ สีหน้าของพ่อตั๋วตั๋วเต็มไปด้วยความตกใจ และตะโกนทันที “ที่รัก ที่รัก รีบมาดูสิ มีคนบินอยู่บนท้องฟ้าจริง ๆ!”
“บินบ้าบออะไร ต่อไปห้ามคุณอ่านนวนิยายออนไลน์อีกเด็ดขาด!” แม่ตั๋วตั๋วคำรามด้วยความโกรธ
โรงแรมตงฟางหมิงจู งานแต่งงานดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยจากภายใต้สายตาที่จับจ้องของแขกมากมาย
พิธีกรถือไมโครโฟน และกล่าวด้วยเสียงร่าเริงว่า “ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว!”
“นี่มันอะไรกันแน่? คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นคือเจ้าบ่าวเหรอ?”
เมื่อเห็นเล่หรูหั่วที่สวมชุดแต่งงานสีขาว เธอสวยจนทำให้คนรู้สึกหายใจติดขัด เธอเข็นหยุนเทียนหลิงที่สวมชุดเจ้าบ่าวและนั่งอยู่บนรถเข็น เข้ามาในพรมแดงอย่างช้า ๆ
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
สายตาที่อิจฉาริษยาของเจียงเสวี่ยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธออุทานด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกับหยุนเทียนหลิง? ทำไมเขาถึงนั่งรถเข็น?”
“หรูหั่วแต่งงานกับ…คนพิการเหรอ?”
ความตกใจ ความไม่เข้าใจ ความสงสัย พวกเธอไม่เข้าใจว่าเล่หรูหั่วที่สวยราวกับนางฟ้า แต่งงานกับหยุนเทียนหลิงที่นั่งรถเข็นได้อย่างไร
บรรดาชนชั้นสูงของเมืองจงไห่ มองภาพนี้ด้วยสีหน้าผิดหวัง ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในงานแต่งงานคราวนี้แล้ว ทำไมพวกเขาถึงจัดงานแต่งงานตอนที่ตระกูลเล่ถูกหอการค้าโม่เจียปราบปรามจนโงหัวไม่ขึ้น
“เล่ชิงชางเป็นคนที่โหดเหี้ยมจริง ๆ ที่สามารถยอมรับเงื่อนไขแบบนี้ได้!” หลีเจี้ยนหุย ยักษ์ใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ส่ายศีรษะและถอนหายใจ
“พลังอำนาจของตระกูลเล่ลดลงไปมาก หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลหยุน ต่อไปสถานะของตระกูลเล่อาจจะด้อยกว่าพวกเราเสียด้วยซ้ำ และการที่เล่ชิงชางทำเช่นนี้ เพราะถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือก!” หวางไค่เยว่ ยักษ์ใหญ่ด้านยากล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน และรู้สึกปลงกับการกระทำเช่นนี้ของเล่ชิงชาง
เล่ชิงชางสามารถรับรู้ได้ถึงสายตาที่แตกต่างของทุกคน เขาแสดงสีหน้าราบเรียบ มองตรงไปข้างหน้า ราวกับว่าเขาไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
แม่ของเล่หรูหั่วยืนอยู่ข้างหลังเล่ชิงชาง และแอบเช็ดน้ำตา
“ร้องไห้ทำไม อย่าทำให้ตระกูลเล่อับอายขายหน้า!” เล่ชิงชางกล่าวเบา ๆ โดยไม่หันไปมอง
แม่ของเล่หรูหั่วรีบเช็ดน้ำตาและยิ้มอีกครั้ง แต่เป็นรอยยิ้มที่ฝืนยิ้ม
งานแต่งงานยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ เสียงของพิธีกรเต็มไปด้วยความสุข และพริบตาเดียว ก็ถึงเวลากล่าวคำสาบานแล้ว
“คุณหยุนเทียนหลิง เมื่อคุณกุมมือเธอแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวย สุขภาพแข็งแรงหรือเจ็บป่วย คุณจะเป็นห่วงเธอ คุ้มครองเธอ ทะนุถนอมเธอ ปกป้องเธอ เข้าใจเธอ เคารพเธอ ดูแลเธอ เอื้อเฟื้อต่อเธอ อยู่กับเธอตลอดไป คุณเต็มใจไหม?”
หยุนเทียนหลิงมองเล่หรูหั่วอย่างเงียบ ๆ มีความบ้าระห่ำซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา
เขายิ้มอย่างมีความสุข แต่รอยยิ้มน่ากลัวเล็กน้อย “ผมเต็มใจ!”
เขากล่าวสามคำนี้เน้นคำต่อคำ น้ำเสียงไม่เหมือนเป็นคำสาบานของการแต่งงาน แต่เหมือนเสียงคำรามของการแก้แค้นมากกว่า
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกว่าน้ำเสียงของหยุนเทียนหลิงแปลกประหลาด มีเพียงบางคนที่รู้เรื่องราวภายในที่คิดเช่นนั้น
สมาชิกของตระกูลหยุนส่วนใหญ่ที่รู้เรื่องพวกนี้ ต่างแสดงสีหน้าเย็นชา และรู้สึกมีความสุขที่ได้แก้แค้น
สีหน้าของเล่ชิงชางและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความหม่นหมอง โดยเฉพาะแม่ของเล่หรูหั่วที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไปแล้ว และหาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำ
ใบหน้าที่สวยงามของเล่หรูหั่วสงบมาก เธอสามารถเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของหยุนเทียนหลิง
แต่แล้วไงล่ะ?
แค่ตายเท่านั้น!
ถ้าบุคคลหนึ่งไม่กลัวแม้แต่ความตาย แล้วยังมีอะไรต้องกลัวอีกล่ะ?