แดนนิรมิตเทพ บทที่ 870
เฉินโม่มองท่าทางที่น่าสังเวชของพวกเขา ยิ้มบาง ๆ และกล่าวว่า “นี่เป็นเพียงน้ำยาวพันเท่านั้น ถ้าเป็นน้ำหนึ่งเดียว เพียงแค่หนึ่งหยดก็สามารถบดขยี้พวกแกได้ทั้งหมด!”
“พวกแกได้สัมผัสน้ำท่วมแล้ว ตอนนี้จะให้พวกแกได้สัมผัสไฟที่แผดเผา!”
เฉินโม่ปล่อยพลังทิพย์ออกมาอีกครั้ง จากนั้นฉากในค่ายกลห้าธาตุกลับหัวก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
นักพรตเฟยหลงและคนอื่น ๆ พบว่าเมื่อสักครู่พวกเขากำลังต่อสู้กับคลื่นยักษ์ แต่วินาทีต่อมาก็กลายเป็นนรกลาวาแล้ว
พื้นดินที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาแตกร้าว ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงเข้ม และมีไฟลุกโชนไปทุกหนทุกแห่ง กำลังแผดเผาร่างกายของพวกเขา
“นี่มันเป็นค่ายกลบ้าบออะไรกันแน่?” นักพรตเฟยหลงคำราม
“ไม่เป็นไร เปลวไฟเหล่านี้เป็นเพียงเปลวไฟธรรมดาเท่านั้น ซึ่งมันจัดการง่ายกว่าน้ำเมื่อสักครู่!” มีคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เกรงว่ามันจะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!” จากประสบการณ์เมื่อสักครู่ ทำให้นักพรตเฟยหลงไม่กล้าดูถูกเฉินโม่อีกต่อไป
“ถ้าไฟธรรมดาไม่สามารถทำอะไรพวกแกได้ แล้วไฟแท้สมาธิล่ะ?” เฉินโม่กระตุ้นไฟแท้สมาธิที่อยู่ในยันต์หยก แล้วนำพาเข้าไปในค่ายกลห้าธาตุกลับหัว
“แย่แล้ว อุณหภูมิของเปลวไฟเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น!” ชายชราคนเมื่อสักครู่ที่บอกว่าเปลวไฟเหล่านี้จัดการง่าย อุทานออกมาด้วยความตกใจ
นักพรตเฟยหลงก็สามารถรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโดยรอบได้อย่างชัดเจน และด่าทันที “ผมบอกแล้วว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
“ทุกคนอย่าตื่นตระหนก พวกเราช่วยกันหาจุดทะลวงค่ายกลด้วยกัน ถ้าสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้ พวกเราก็จะสามารถออกไปได้!” นักพรตเฟยหลงตะโกนเสียงดัง
“แต่จุดทะลวงค่ายกลอยู่ที่ไหนล่ะ? หาไม่เจอเลย!” ชายชราคนหนึ่งถอนหายใจด้วยความจำใจ
“อย่ากังวล ถ้าหาอย่างละเอียดจะต้องสามารถหาเจออย่างแน่นอน!” ความจริงแล้วนักพรตเฟยหลงรู้สึกหมดหวังเช่นกัน แต่เขาไม่สามารถแสดงออกมาได้ เพราะถ้าหมดกำลังใจแล้ว การที่พวกเขาคิดจะทำลายค่ายกลแล้วออกไปข้างนอก ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก
ไฟแท้สมาธิเหมือนน้ำยาวพัน ที่สามารถเจาะทะลวงพลังปราณป้องกันกายของทุกคนและสร้างความเสียหายต่อร่างกายได้
แต่นี้ยังไม่ใช่ไฟแท้สมาธิอย่างแท้จริง แต่เป็นไฟแท้สมาธิที่พลังอ่อนลงมากแล้ว หากเป็นไฟแท้สมาธิอย่างแท้จริง แม้แต่นักบู๊แดนมองขวัญเหล่านี้ ก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านนานแล้ว
แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะหาจุดทะลวงเจอ ค่ายกลก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง กลายเป็นทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล และมีก้อนหินยักษ์ตกลงมาจากท้องฟ้า โจมตีนักบู๊สิบสองคนอย่างต่อเนื่อง
“นี่มันคืออะไรอีก?” นักพรตเฟยหลงแทบอยากจะร้องไห้ ตอนแรกน้ำท่วม จากนั้นก็เป็นไฟแผดเผา ตอนนี้ถูกหินยักษ์โจมตี จะล้อเล่นกับคนแบบนี้ไม่ได้น่ะ
“ค่ายกลบ้าบอนี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่?” มีคนยืนหยัดไม่ไหวแล้ว
นักพรตเฟยหลงกล่าวปลอบโยน “วางใจเถอะ ค่ายกลทุกชนิดต้องใช้พลังทิพย์เป็นจำนวนมาก และค่ายกลนี้มีพลังมาก ดังนั้นจะต้องใช้พลังทิพย์มากอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าเขายืนหยัดได้ไม่นานหรอก”
“อืม ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ถ่วงเวลาไปเรื่อย ๆ และเมื่อพลังทิพย์ในค่ายกลนี้หมด คอยดูว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้!”
เฉินโม่กล่าวเยาะเย้ย “คิดจะรอให้พลังทิพย์ในค่ายกลหมดเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
ค่ายกลห้าธาตุกลับหัวนี้ สร้างขึ้นบนพื้นฐานของค่ายกลรวมทิพย์โคจรมหาจักรวาล ขอเพียงแค่ค่ายกลรวมทิพย์โคจรมหาจักรวาลยังคงโคจรอยู่ ก็จะสามารถส่งพลังทิพย์เข้าไปในค่ายกลห้าธาตุกลับหัวได้อย่างต่อเนื่อง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เว้นเสียแต่ค่ายกลห้าธาตุกลับหัวจะถูกทำลาย มิเช่นนั้นจะไม่มีวันใช้พลังทิพย์หมด
หลังจากหินตกลงมาหมดแล้ว นักบู๊แดนมองขวัญสิบสองคนถูกทรมานจนแทบแย่
เฉินโม่ถอนค่ายกลห้าธาตุกลับหัว แล้วปล่อยพวกเขาออกมา
เมื่อเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สดใสอีกครั้ง นักบู๊แดนมองขวัญสิบสองคนรู้สึกเหมือนได้กลับชาติมาเกิดใหม่
“ฮ่า ๆ ในที่สุดพลังทิพย์ที่อยู่ในค่ายกลก็หมด แกไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไปแล้ว” นักพรตเฟยหลงหัวเราะด้วยความลำพองใจ
“ถ้าพวกเราร่วมมือกันและใช้พลังทั้งหมด น่าจะสามารถจัดการเขาได้!”
“อืม!”
นักบู๊สิบสองคนที่เพิ่งรอดพ้นภยันตราย แล้วความโลภที่อยู่ในใจของพวกเขาก็เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง
เฉินโม่กล่าวเยาะเย้ย “ใครบอกว่าการที่ปล่อยพวกแกออกมาเป็นเพราะพลังทิพย์ที่อยู่ในค่ายกลหมด?”
บทที่ 869
บทที่ 871