แดนนิรมิตเทพ บทที่ 905
เฉินโม่เชื่อคำพูดของเจี่ยจวินเซี่ย
“ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปมหาลัยแล้ว พอดีจะได้ไปเยี่ยมยานเอ๋อร์กับหรูหั่ว” เฉินโม่คิด
จี๋ต๋าจิ่วตูจับเฉินโม่ไว้แน่น ด้วยสีหน้าที่แน่วแน่ หากว่านายไม่กลับไป ฉันจะต้องสู้กับนายอย่างสุดชีวิต
เฉินโม่อมยิ้ม และหลบหนีจากเงื้อมมือของจี๋ต๋าจิ่วตู “เอาหล่ะ ฉันจะกลับไปพร้อมกับนาย อย่าทำหน้าเศร้าเลย”
จี๋ต๋าจิ่วตูมีความสุขขึ้นมาทันที มองไปที่เฉินโม่และพูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้เพราะนาย ทำให้ฉันต้องรับโทษแทน ครั้งที่แล้วสิ่งที่นายเคยรับปากฉันไว้ คำสัญญาน่าจะเป็นจริงแล้วมั้ง!”
เฉินโม่ถามด้วยสีหน้าที่ไม่มีพิษมีภัย “ฉันเคยสัญญาอะไรกับนาย? ทำไมฉันถึงจำไม่ได้!”
“ฮ่าฮ่า พวกเราก็จำไม่ได้เหมือนกัน” กู่หลินเฟิงและคนอื่นๆก็หัวเราะบนความทุกข์ของผู้อื่น
จี๋ต๋าจิ่วตูโกรธมาก และจ้องมองพวกเขา “ไอ้พวกสารเลว ฉันขอเลิกคบพวกนาย!”
หลายคนเอะอะอยู่พักหนึ่ง แล้วก็กลับไปมหาลัย
เฉินโม่กลับไปถึงห้อง จัดเก็บวัสดุยาล้ำค่าที่นำมาจากสำนักยาเซียนแล้วปล่อยวิญญาณธาตุน้ำ
ทันทีที่วิญญาณธาตุน้ำสีขาวปรากฏขึ้น ในห้องก็เย็นสบายทันที
อยู่ในสำนักยาเซียนน่าจะทำร้ายคนมาไม่น้อย ตอนนี้พ่นเลนส์ผลึกน้ำออกมาให้ฉันบ้าง!”
เจี๊ยบๆ!
วิญญาณธาตุน้ำเปล่งเสียงร้องแปลกๆ ราวกับว่ากำลังแสดงความไม่พอใจ
เฉินโม่ตะคอกอย่างเย็นชา “แกไม่มีสิทธิ์มาต่อรองกับฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ที่แกได้มีสิตความคิด ฉันจะกลั่นให้แกสลายทันที!”
วู้ฮู!
วิญญาณธาตุน้ำกรีดร้องอย่างแปลกประหลาด ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
“เอาล่ะ ไสหัวกลับไปได้แล้ว!”
เมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณธาตุน้ำที่ชั่วร้าย เฉินโม่จะไม่ยอมทำดีกับเขา
เลนส์ผลึกน้ำที่เฉินโม่ต้องการนั้น เป็นสิ่งที่พลังชาตะธาตุน้ำผนึกรวมกันออกมา ซึ่งจะต้องสูญเสียการบำเพ็ญของวิญญาณธาตุน้ำ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่วิญญาณธาตุน้ำต้องการต่อรองกับเฉินโม่
แต่อย่างที่เฉินโม่พูด มันไม่มีสิทธิ์ต่อรอง เฉินโม่ไม่กลั่นให้มันสลาย ก็เป็นการเมตตามันมากแล้ว
หลังจากพักผ่อนหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้น เฉินโม่ก็มาถึงมหาลัย
เมื่อวานนี้ จี๋ต๋าจิ่วตูก็ได้ขายข่าวการกลับมาของเฉินโม่
ทันทีที่เฉินโม่มาถึงมหาลัย ศาสตราจารย์เสิ่นก็มาหาเขาด้วยตัวเอง
“เฉินโม่ การโดดเรียนไม่ใช่สิ่งที่นักศึกษาที่ดีควรทำ!” ศาสตราจารย์เสิ่นพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง แต่น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก
“ผมขอโทษครับศาสตราจารย์ ผมมีธุระด่วนจริงๆ” เฉินโม่เผยรอยยิ้มพร้อมขอโทษ
ศาสตราจารย์เสิ่นพูดตรงประเด็นทันที “ฉันเชื่อว่านายคงได้ยินแล้วว่าฉันจะเสนอแนะให้นายเข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ นายคิดยังไง?”
เฉินโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังปฏิเสธ “ผมขอโทษครับศาสตราจารย์เสิ่น ที่ทำให้คุณผิดหวังกับความกรุณาที่มีต่อผม ผมไม่สนใจงานประชุมแลกเปลี่ยนนี้เลย!”
ศาสตราจารย์เสิ่นขมวดคิ้ว มองไปที่เฉินโม่อย่างจริงจัง ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดขึ้น “ไม่มีแม้แต่โอกาสในการเจรจาเลยเหรอ? หากนายสามารถเปล่งประกายในงานประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ในอนาคตมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประวัติส่วนตัวของนาย!”
เฉินโม่ไม่ลังเลเลยสักนิด ส่ายหัวทันที ความหวังดีของศาสตราจารย์เสิ่นผมซาบซึ้งใจ แต่ผมไม่สนใจจริงๆ”
ศาสตราจารย์เสิ่นจ้องมองที่เฉินโม่อย่างจริงจังอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ถอนหายใจและพูดอย่างหมดหนทาง “มันน่าเสียดายจริงๆ”
“ในเมื่อนายไม่อยากไป ถ้างั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องไป เอาล่ะ นายไปเรียนได้แล้ว!”
หลังจากพูดจบ ศาสตราจารย์เสิ่นก็พยักหน้าและจากไป
เฉินโม่ชำเลืองมองที่แผ่นหลังของศาสตราจารย์เสิ่น และคิดว่าไม่ได้ทำผิดอะไรที่ได้ปฏิเสธศาสตราจารย์เสิ่น ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ห้องเรียนอย่างเฉยเมย