แดนนิรมิตเทพ บทที่ 917
เฉินโม่ไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงแค่พูดนิ่งๆว่า “ที่จริงตั้งแต่ที่ฉันเข้ามา ฉันก็รู้แล้ว หากว่าเธอยังไม่รู้จักปรับปรุงตัว ทั้งชีวิตนี้เธอก็จะมีชีวิตอยู่แค่ในโลกอดีตเท่านั้น”
“เธอจัดการตัวเองซะละ!”
อานเข่อเยว่ยิ้มเยาะ “ฉันไม่ต้องการให้นายมาสั่งสอน บอกความจริงกับนายแล้วกัน ตอนนี้ฉันใช้ชีวิตได้อย่างดี เป็นเพราะนาย ตอนนี้ฉันจึงได้คบหากับคุณชายใหญ่ตระกูลหมิงแห่งยานจิง!”
“ตระกูลหมิงแห่งยานจิงนายรู้จักมั้ย? ยิ่งใหญ่มากกว่าตระกูลของเจิ้งหยวนฮ่าวกว่าสิบเท่า เทียบเคียงพอๆกับตระกูลจินแห่งยานจิงที่คอยปกป้องนาย ฉันควรจะขอบคุณนายจริงๆ!”
อานเข่อเยว่ตะคอกอย่างบ้าคลั่ง เหมือนดั่งคนบ้าคนหนึ่ง
เฉินโม่ไม่ได้หยุดนิ่งสักนิด ก้าวเท้าเดินจากไป ในสายตาเขาอานเข่อเยว่ไม่สามารถดีขึ้นได้แล้ว ส่วนตระกูลหมิงที่ว่านั้น….
แม้แต่ตระกูลหลี่ที่เป็นหนึ่งในหกตระกูลมหาอำนาจแห่งยานจิง ในสายตาของเฉินโม่แล้วยังเป็นเพียงแค่มดเท่านั้น แล้วนับประสาอะไรกับตระกูลหมิง?
อานเข่อเยว่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าความแตกต่างของเธอกับเฉินโม่มีมากเพียงใด!
วันต่อมา เวลาแปดโมงเช้า พวกเฉินโม่เดินทางถึงมหาวิทยาลัยชิงหัวตรงเวลา
การแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ชีวภาพในครั้งนี้ เหมือนดั่งที่ผ่านมา มีมหาวิทยาลัยทั้งหมดสามสิบแห่งเข้าร่วม
จากระดับของมหาวิทยาลัยหัวหนานแล้ว เดิมทีไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม แต่เป็นเพราะผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยหัวหนานเกาะแกะไม่ปล่อย จึงสามารถได้มาหนึ่งสิทธิ์
สำหรับเรื่องนี้จึงมีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากกว่ามหาวิทยาลัยหัวหนานรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ความรู้สึกไม่พอใจทั้งหมดได้ถูกคำพูดเดียวของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยหัวหนานเถียงกลับไป
“หากว่าพวกนายสามารถทิ้งศักดิ์ศรีได้อย่างฉัน ฉันก็จะหลีกเลี่ยงสิทธิ์นี้ให้กับพวกนาย”
หากสามารถได้เป็นผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ฐานะตำแหน่งไม่ต้องพูดก็รู้ว่าดีแค่ไหน ใครจะทำอย่างกับผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยหัวหนานเช่นนั้น ที่ทิ้งศักดิ์ศรีเพียงเพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าแข่งขัน
ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยหัวหนานรู้ดีกว่าคนพวกนี้ทำไม่ได้ จึงจงใจพูดเช่นนั้นออกไป
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงสงสัยแล้ว แต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะเยาะออกมาให้ได้ยินไม่ขาด
สิทธิ์ที่มหาวิทยาลัยหัวหนานขอมาอย่างยากลำบาก ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นสิ่งที่คนอื่นมาหัวเราะเยาะมหาวิทยาลัยหัวหนาน
งานแลกเปลี่ยนครั้งที่สิบแปด ไม่ว่าจะเป็นวิชาใด มหาวิทยาลัยหัวหนานก็ยังได้เพียงแค่สามอันดับท้ายเท่านั้น จึงกลายเป็นเรื่องตลกของผู้คนมากมาย
ดังนั้น ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยหัวหนาน จึงคาดหวังที่จะให้มหาวิทยาลัยหัวหนานได้ปรากฏตัวในงานแลกเปลี่ยนสักครั้ง แม้เพียงครั้งเดียวก็ยังดี
ที่จริงแล้วงานแลกเปลี่ยนก็คือตัวแทนจากแต่ละมหาวิทยาลัย ได้ทำการแสดงสุนทรพจน์ต่อหน้าผู้คน หากมีความสามารถควบคู่ด้วยเป็นสิ่งที่ดีมากยิ่งกว่า
ในงานแลกเปลี่ยนมีผู้ตัดสินมืออาชีพที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงรับหน้าที่รับผิดชอบการคัดเลือกทั้งหมดสิบท่าน หากยิ่งสามารถโน้มน้าวใจผู้ตัดสินได้มาก ก็จะยิ่งได้คะแนนสูงยิ่งขึ้น
งานแลกเปลี่ยนแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการแลกเปลี่ยนของอาจารย์แต่ละมหาวิทยาลัย จากนั้น ถึงจะเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างพวกนักศึกษา
เรียกว่าการแลกเปลี่ยน แต่เมื่อพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ ได้ถือกลายเป็นการแข่งขันอย่างหนึ่งไปนานแล้ว ยังเป็นการแลกเปลี่ยนตรงไหนกัน?
แต่ว่าการแข่งขันทำให้ทุกคนยิ่งทุ่มเทมากยิ่งขึ้น ดังนั้นทุกคนจึงเงียบยอมรับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
หอประชุมที่กว้างขวางในมหาวิทยาลัยชิงหัว รวบรวมกลุ่มตัวแทนจากมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อทั้งหมดสามสิบแห่ง
แต่ภายในหอประชุมใหญ่ที่สามารถบรรจุผู้คนได้มากถึงสองพันคน ทำให้ดูไม่แออัดเลยสักนิด แต่กลับดูโล่งกว้างขวางอย่างมาก
งานแลกเปลี่ยนครั้งนี้คาดการณ์ไว้เป็นเวลาสามวัน แต่เวลาที่แน่นอนให้ตัดสินไปตามสถานการณ์จริง
เมื่อวานแต่ละมหาวิทยาลัยได้จับฉลากตัดสินลำดับเรียบร้อยแล้ว มหาวิทยาลัยหัวหนานจัดอยู่ที่ลำดับสิบแปด ส่วนมหาวิทยาลัยตงหมิงอยู่ลำดับที่สิบเจ็ด เหมือนว่าแม้แต่พระเจ้าก็กำลังสร้างโอกาสให้กับสองมหาวิทยาลัยนี้
ที่นั่งด้านหลังไม่ได้ปล่อยให้ว่าง มีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชิงหัวมากมายมาดู แต่ภายในหอประชุมก็ยังกว้างขวางเหมือนเดิม
วันนี้ อานเข่อเยว่ตั้งใจลาเรียน เพื่อมาหอประชุมดูงานแลกเปลี่ยนกับแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบหาคนใหม่