หมิงเจ๋อเซวียนก็แสยะยิ้มเย็นชา “ไอ้หมอนี่อวดดีเกินไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะสอนความเป็นคนให้เขาเอง!”
“พี่หมิงจัดการเขาให้รุนแรงไปเลย อย่าออมมือเด็ดขาด!”
เฉินเข่อซินเห็นม้าที่น้องสาวตัวเองเลือก ก็อดหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้ “น้องสาว เธอไม่รู้เรื่องม้าก็อย่าเข้าไปยุ่งสิ ถ้าเกิดเขาแพ้ขึ้นมาแล้วโทษเธอจะทำไง”
เฉินเข่อเอ๋อร์เดาได้จากสีหน้าของทุกคนได้นานแล้ว ม้าที่ตัวเองเลือกต้องไม่ได้เรื่องเท่าไรแน่นอน ได้ยินพี่สาวตัวเองพูดแบบนี้อีก เธอยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่
“พี่เฉินโม่ ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้เรื่องการเลือกม้าจริงๆ”
เฉินโม่ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ฉันว่าม้าตัวนี้ดีมาก ชนะได้แน่นอน”
“หา จริงเหรอ” เฉินเข่อเอ๋อร์ตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว
“จริงสิ ฉันเคยหลอกเธอตอนไหนกันล่ะ” เฉินโม่ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
“ฉันเชื่อพี่เฉินโม่!” ใบหน้าเล็กที่เฉินเข่อเอ๋อร์มองเฉินโม่ เต็มไปด้วยความแน่วแน่
“เฉินโม่ นายแน่ใจเหรอว่าจะเลือกม้าตัวนี้” หมิงเจ๋อเซวียนพูดเตือน
“มีปัญหาอะไรเหรอ” เฉินโม่ย้อนถามอย่างราบเรียบ
หมิงเจ๋อเซวียนแสยะยิ้มเย็นชา “อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ม้าตัวนี้ดูสูงใหญ่ดุดัน แต่แค่สวยใช้งานไม่ได้ นายใช้ม้าตัวนี้มีโอกาสแพ้สูงมาก”
เฉินโม่ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น เริ่มเถอะ นายว่ากฎมา”
หมิงเจ๋อเซวียนรู้อยู่แล้วว่าเฉินโม่ไม่ฟังคำเตือน ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อโชว์ความเป็นสุภาพบุรุษของตัวเองเท่านั้น อีกเดี๋ยวถ้าเฉินโม่แพ้ จะได้ไม่มีใครหาว่าเขาชนะด้วยวิธีไม่เหมาะสม
“วิ่งรอบๆ สามรอบ ใครถึงเส้นชัยก่อนคนนั้นชนะ เป็นไง” หมิงเจ๋อเซวียนถาม
“ของเดิมพันคืออะไร” เฉินโม่ถาม
หมิงเจ๋อเซวียนไม่ได้ขาดแคลนเงิน เขาแค่อยากทำให้เฉินโม่อับอาย เขาคิดแล้วพูดว่า “ถ้านายแพ้ ให้ขอโทษลูกน้องคนนี้ของฉัน เป็นไง”
ลูกน้องคนนั้นรู้สึกตื้นตันใจต่อหมิงเจ๋อเซวียนทันที ลูกพี่คนนี้เหมาะสมกับตำแหน่งจริงๆ
เฉินโม่พูดหน้านิ่ง “ได้ แต่ถ้านายแพ้ ต่อไปเมื่อเห็นฉัน ให้นายเป็นฝ่ายถอยห่างฉันไปไกลๆ เป็นไง”
หมิงเจ๋อเซวียนพยักหน้า “ไม่มีปัญหา!”
“งั้นเริ่มเถอะ!” เฉินโม่พูด
พูดจบ เฉินโม่รับสายบังเหียนม้าจากมือเฉินเข่อเอ๋อร์ แล้วพลิกตัวขึ้นไปบนม้า
เห็นท่าทางไม่ชำนาญของเฉินโม่ โอกาสชนะในใจหมิงเจ๋อเซวียนเพิ่มขึ้นมาก
ลูกน้องคนหนึ่งหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “พี่หมิง เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่ขี่ม้าไม่เป็น พี่ดูท่าทางของเขาสิ น่าเกลียดมากเลย”
“อย่าประมาท ไม่แน่เขาอาจจะจงใจทำก็ได้” หมิงเจ๋อเซวียนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทำให้คนรู้สึกว่าเขาจริงจังมาก แต่ในใจเขาดีใจแทบแย่แล้ว
เฉินเข่อเอ๋อร์ยกกำปั้นน้อยๆ ให้เฉินโม่ แล้วพูดว่า “พี่เฉินโม่ สู้ๆ!”
เฉินโม่ยิ้มบางๆ “วางใจได้เลย”
เฉินเข่อซินพูดอย่างราบเรียบว่า “เฉินโม่ ถ้านายขี่ม้าไม่เป็นฉันขี่แทนนายได้ อย่าทำให้ตระกูลเฉินของเราขายหน้า!”
เฉินโม่ไม่สนใจเธอ มองหมิงเจ๋อเซวียน “เริ่มเถอะ!”
เฉินเข่อซินทั้งอายทั้งโมโหอยู่ครู่หนึ่ง พูดในใจว่า “เดี๋ยวนายแพ้ คอยดูเลยว่าฉันจะจัดการนายยังไง!”
หมิงเจ๋อเซวียนพูดว่า “ฉันนับ หนึ่ง สอง สาม เราเริ่มเลย หนึ่ง สอง สาม!”
เมื่อพูดจบ หมิงเจ๋อเซวียนพุ่งออกไปก่อน เหมือนม้าดีที่นั่งคร่อมอยู่ เดินทางได้วันละพันลี้ เพียงพริบตาก็ทิ้งห่างเฉินโม่ทันที
“พี่หมิง เยี่ยมมากๆ!” ลูกน้องกับเพื่อนของหมิงเจ๋อเซวียน ตะโกนเชียร์เขาเสียงดัง
เฉินเข่อเอ๋อร์ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ เอาสองมือป้องปาก แล้วตะโกนว่า “พี่เฉินโม่ สู้ๆ!”
แต่เฉินโม่กลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน จนทำให้ทุกคนสงสัย
“พี่เฉินโม่ ทำไมไม่วิ่งล่ะ เขาวิ่งไปไกลขนาดนั้นแล้ว” เฉินเข่อเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าร้อนใจ
เฉินโม่นั่งอยู่บนม้า เอามือกอดอก สีหน้าไม่แคร์ “ไม่เป็นไร ให้เขาวิ่งไปก่อนสักพัก”
“ฮ่าๆ ไอ้หมอนี่ประสาทเหรอ! เส้นทางแข่งสั้นขนาดนี้ เขายังกล้าอ่อนให้ ถึงเขาเป็นนักขี่ม้ามืออาชีพ ก็ไม่สามารถออกนำคู่แข่งได้มาก ในเส้นทางที่สั้นแบบนี้” เพื่อนคนหนึ่งของหมิงเจ๋อเซวียนแสยะยิ้มเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้น
“ไอ้หมอนั่นแพ้แน่นอน!” อีกคนแสยะยิ้มเย็นชา