แดนนิรมิตเทพ บทที่ 975
“ฮ่าๆ เยี่ยมมาก เมื่อกี้ขนาดฉันยังกังวลกับนายเลย คิดไม่ถึงว่านายจะผ่านค่ายกลสายฟ้าไปได้อย่างง่ายดายขนาดนี้!” ผู้อาวุโสคนนั้นหัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยขึ้น
เฉินโม่หันมามองผู้อาวุโสคนนั้น แล้วถามว่า “จะเข้ามาไหม”
ผู้อาวุโสหัวเราะร่า “แน่นอนอยู่แล้ว!”
เฉินโม่ยื่นมือมาคว้ากลางอากาศ ค่ายกลดึงสายฟ้าในบัดดลระเบิดทันที สายฟ้าดังเหมือนไฟช็อตร่วงลงมา เสียงน่าตกใจมาก
พวกนักบู๊ตกใจจนถอยหลังอย่างตื่นตระหนก มองเฉินโม่อย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้
ผ่านไปครู่หนึ่ง สายฟ้าค่อยๆ ลดลง จนกระทั่งหายไปจนหมด
เฉินโม่พูดกับผู้อาวุโสว่า “เข้ามาสิ!”
“นี่เรียบร้อยแล้วเหรอ” พวกนักบู๊ดูไม่ค่อยเชื่อ
ผู้อาวุโสคนนั้นก็ประหลาดใจเหมือนกัน แต่ค่อนข้างเชื่อใจเฉินโม่ จึงพยักหน้าเอ่ยขอบคุณ แล้วก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ตอนผ่านตำแหน่งที่เคยมีค่ายกลอยู่ ไม่มีฟ้าผ่าลงมา ผู้อาวุโสผ่านไปได้อย่างราบรื่น
“หายไปแล้วจริงๆ!” พวกนักบู๊ดีใจเป็นอย่างมาก
ใบหน้าสวยของเซี่ยฉิงมีความสับสน สายตาที่มองเฉินโม่ดูตกตะลึง สงสัย ที่มากกว่านั้นคือความโมโห
“ที่แท้ไอ้หมอนี่แอบซ่อนเอาไว้!”
เฉินโม่มองเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน แล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ไปกันเถอะ!”
“อืม!”
ทั้งสองคนเข้าไปในตำหนักทันที
ภายในตำหนักว่างเปล่า เสาหินขนาดใหญ่แปดต้นตั้งตระหง่านอยู่กลางตำหนัก เก้าอี้แบบโบราณทำจากไม้จันทน์แดง วางสองแถวขนานกัน ด้านบนมีฝุ่นเต็มไปหมด เก้าอี้ตัวหน้าสุดเป็นเก้าอี้แบบโบราณตัวใหญ่ ฝังหินหยกใสเป็นประกายสวยงามชิ้นหนึ่ง
นี่คือของทั้งหมดภายในตำหนัก
เฉินโม่กับเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่หน้าประตู มองภาพตรงหน้า เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอดหดหู่ไม่ได้ “เราลำบากลำบน เพื่อมาเห็นตำหนักพังๆ ที่นี่เหรอ เหอะๆ……” รอยยิ้มของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนดูขมขื่นเล็กน้อย
พวกนักบู๊ที่ตามมาด้านหลัง เห็นภาพตรงหน้า พากันมีสีหน้าหงอยเหงาเศร้าซึม
“ศิษย์พี่ตายฟรีแล้ว!” มีนักบู๊หนุ่มแอบปาดน้ำตา
ขนาดพวกผู้อาวุโสยังมีใบหน้าผิดหวัง
ด้านหน้าไม่มีทางให้ไปอีกแล้ว ที่นี่คือตำแหน่งสุดท้ายของเขาซูคง
ไม่แปลกที่ทุกคนหดหู่ ใครก็คิดไม่ถึงว่าลำบากลำบนขนาดนี้ ฝ่าอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายมาเห็นตำหนักว่างเปล่าแบบนี้เนี่ยนะ
แต่เฉินโม่ไม่ท้อใจ เขารู้ว่าไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น
เฉินโม่เริ่มกวาดตามองภายในตำหนัก เขาสัมผัสได้ว่ามีการเคลื่อนไหวพลังทิพย์ที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่ที่นี่ เขารู้ว่าตำหนักแห่งนี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก
ขณะนั้นเกิดเสียงวัตถุกระทบกันดังขึ้น จู่ๆ ประตูหินขนาดใหญ่ของตำหนัก ปิดลงเองอย่างประหลาด ทั้งตำหนักตกอยู่ในความมืดสลัว
“เกิดอะไรขึ้น ใครปิดประตู!” มีนักบู๊พูดด้วยความตกใจ
เฉินโม่ยื่นมือมาจับมือเล็กๆ ของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน พูดกำชับอย่างเคร่งครัดว่า “อีกเดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอห้ามอยู่ห่างจากฉันแม้แต่นิดเดียว!”
“อืม!” เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าอย่างว่าง่าย ท่ามกลางความมืด ไม่มีใครเห็นว่าหน้าเธอแดงเหมือนแอปเปิลสุกงอม
เสียงชราดังขึ้นในตำหนักที่ว่างเปล่า เสียงนั่นอ้างว้าง เจ็บปวดและแค้นเคือง แฝงไปด้วยความไม่พอใจมากมาย
“ทำไม ฉันเห็นประตูบานนั้นแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่สามารถเข้าไปได้ นี่มันเพราะอะไรกันแน่”
ภายในตำหนัก พวกนักบู๊มองไปรอบๆ ด้วยความตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก หาต้นตอของเสียง
“ใคร ใครกำลังพูดอยู่” มีนักบู๊พูดด้วยความตกใจ
ลมเย็นยะเยือกแปลกๆ พัดผ่านภายในตำหนัก ทุกคนเห็นชายวัยกลางคน ดูท่าทางเหมือนบัณฑิตในเสื้อขาว ปรากฏตัวขึ้นเงียบๆ ภายในตำหนัก ตรงเก้าอี้แบบโบราณขนาดใหญ่ ที่ฝังหินหยกเม็ดใหญ่ตัวนั้น
ความมืดสำหรับพวกนักบู๊ ไม่นับประสาอะไร ทุกคนเห็นบัณฑิตในเสื้อขาวคนนี้