แดนนิรมิตเทพ บทที่ 1002
คนในตระกูลไช่ในห้องโถง มองเฉินโม่อีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะมีความคิดหมอบกราบผุดขึ้นมา
คุณท่านไช่ไม่พูดอะไร ยื่นมือไปตบไหล่ไช่อิ้งเวิน แล้วหันหลังเดินออกไป
ตอนเดินมาถึงหน้าประตู เขาพูดทิ้งท้ายประโยคหนึ่ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เอาชีวิตฉันไปพนันเลย!”
“พ่อ!” ไช่อิ้งเวินน้ำตาคลอ เขาไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตของเขา จะต้องเอาชีวิตพ่อตัวเองมาพนัน
ไช่อิ้งเวินมองเฉินโม่ ความเคียดแค้นฝังลึกฉายออกมาทางแววตา “ไอ้หนุ่ม ฉันสาบาน หลังจากนายตาย ฉันจะฆ่าคนในครอบครัวนายให้หมด!”
“เฉินไต้ซือ ในเมื่อพ่อฉันพูดแล้ว งั้นฉันรับการเดิมพันนี้” ไช่อิ้งเวินมองเฉินโม่ พูดด้วยเสียงขรึม
เฉินโม่พยักหน้า แล้วหันหลังเดินออกไป “บอกเวลาและสถานที่ผมมา!”
ไช่อิ้งเวินพูดว่า “อีกสามวัน เวลาสามทุ่มที่ยอดเขายู่หลง ไม่พบไม่เลิกรา!”
“รู้แล้ว” เฉินโม่พูดจบ ก็เดินออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
ไม่รู้ใครเป็นคนแพร่ข่าวที่อันดับหนึ่งในโลกวิชาอาคมแห่งก่างวาน ท้าประลองเฉินไต้ซือแห่งมณฑลฮ่านหยาง ภายในวันเดียวแพร่กระจายไปทั่วก่างวาน แม้แต่นักบู๊หรือไม่ก็ผู้ที่มีความสามารถพิเศษ ในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต่างรีบมาที่เขายู่หลง
แม้คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเฉินไต้ซือแห่งมณฑลฮ่านหยางคือใคร แต่รู้จักนักพรตยู่หลงที่มีชื่อเสียงมาหลายปีเป็นอย่างดี เขาเป็นอันดับหนึ่งของโลกวิชาอาคมอย่างแท้จริง ในก่างวานรวมไปถึงเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
อันดับหนึ่งของโลกวิชาอาคม ที่ไม่ได้สู้กับคนมาสิบกว่าปีแล้ว จู่ๆ ก็มีข่าวว่าจะสู้กับคนที่เขายู่หลง แน่นอนว่าต้องทำให้ผู้ที่มีความสามารถพิเศษทุกคนแห่กันไป
ทุกคนอยากรู้มาก หลังจากปลีกวิเวกมาหลายปีขนาดนี้ พละกำลังของนักพรตยู่หลง จะถึงระดับแดนไหนกันแน่
หลังผ่านไปสามวัน ดวงจันทร์กลมอยู่บนท้องฟ้า
เฉินโม่อยู่ในชุดลำลองสีดำทั้งตัว มาถึงเชิงเขายู่หลง
เขายู่หลงคือสถานที่ที่นักพรตยู่หลงปลีกวิเวก เขาเลือกที่นี่เป็นสถานที่ต่อสู้ ไม่ดีต่อเฉินโม่เป็นอย่างมาก
แต่เฉินโม่ไม่ได้คำนึงอะไรมากมาย แม้ที่นี่เป็นบ่อมังกรและถ้ำเสือ มีอะไรให้เขาต้องกลัวเหรอ
ล่างเขายู่หลง มีรถยนต์จอดอยู่มากมาย อีกทั้งยังเป็นรถหรูแบบเดียวกัน
ระหว่างทางขึ้นไปมีคนทั่วทุกที่ แม้ตอนนี้ยังไม่ถึงกลางดึก แต่ก็สองทุ่มกว่าแล้ว คนที่ยังมาปีนเขาที่นี่ ต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน
เฉินโม่เดินตามกลุ่มคนขึ้นไปบนยอดเขา
ยอดเขามีวัดเต๋าอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าวัดยู่หลง เป็นวัดเต๋าที่นักพรตยู่หลงก่อตั้งขึ้น
รอบๆ วัดเต๋ามีผู้คนยืนอยู่เกือบเต็ม มีนักบู๊มากมาย อีกทั้งยังมีผู้ที่มีความสามารถพิเศษบางส่วน และมีผู้บำเพ็ญวิชาอีกบางส่วน
ในบรรดาคนพวกนี้ คนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุด ก็มีพละกำลังระดับปรมาจารย์แดนคุ้มกาย แต่ส่วนใหญ่มีพละกำลังระดับแดนนอกและแดนใน
เพราะสำหรับนักบู๊ส่วนใหญ่บนดาวไอกา ระดับปรมาจารย์ เป็นเรื่องที่ยากมาก
เฉินโม่เห็นคนตระกูลไช่ในกลุ่มคน พวกเขากำลังมองมาทางเฉินโม่เช่นกัน แต่ละคนสีหน้าอึมครึม แทบอยากให้เฉินโม่ตายเร็วๆ
เริ่มมีคนพูดคุยกันรอบๆ “เฉินไต้ซือแห่งมณฑลฮ่านหยาง คนนี้พละกำลังระดับไหน ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเลย”
“ไม่รู้ อาจเป็นคนใหม่ที่เพิ่งผงาดขึ้นมา อยากเอาการประลองมาทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงขึ้น!”
“หึ นักพรตยู่หลงมีชื่อเสียงมานาน วิชาอาคมยากจะคาดเดา สิบกว่าปีก่อนเคยฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ แล้วเฉินไต้ซืออะไรนั่นพละกำลังเป็นยังไง”
“ไม่รู้ เดาว่าอย่างน้อยคงเป็นปรมาจารย์เหมือนกัน ไม่งั้นเขาจะกล้าประลองกับนักพรตยู่หลงได้ยังไง”
ทุกคนพูดคุยกัน นักบู๊พวกนี้อาศัยอยู่บนชายฝั่งมานาน หรือไม่ก็ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ค่อยรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหัวเซี่ยมากนัก พวกเขาเป็นส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของเฉินไต้ซือ
“ตอนนี้กี่โมงแล้ว เฉินไต้ซือยังไม่มาเลย ไม่กล้ามาแล้วหรือเปล่า” มีคนถามขึ้น
“อีกสิบนาทีจะถึงเวลานัดแล้ว ถ้าสามทุ่มแล้วเฉินไต้ซือยังไม่มา ก็น่าจะไม่มาแล้วล่ะ”
“.…..เขาคงไม่ให้พวกเรามาฟรีๆ ใช่ไหม นั่นก็หมดสนุกสิ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ประตูไม้สีแดงสดของวัดยู่หลงมีเสียงแอ๊ดดังขึ้น แล้วค่อยๆ เปิดออก
นักพรตในลัทธิเต๋าอายุประมาณ 40 ปี สวมชุดนักพรตสีขาวนวลทั้งตัว ค่อยๆ เดินออกมา ภายใต้การคุ้มครองของนักพรตเด็กสองคน
นักพรตคนนั้นหน้าตาหล่อเหลา ลักษณะสง่ามีความรู้ ราวกับคนเป็นเทพเซียน