แดนนิรมิตเทพ บทที่ 1044
หากใช้แดนของโลกฝึกบู๊เพื่มาออธิบาย แดนของเฉินโม่ในขณะนี้คือแดนเทพ!
การเข้าสู่แดนเทพ คือการเข้าสู่ฟ้าดิน
ควบคุมพลังฟ้าดิน นี่คือแดนเทพ!
เฉินโม่ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีในการเดินทางหลายสิบกิโลเมตร แต่เมื่อเขากำลังจะถึงบ้านตระกูลไช่ เฉินโม่ก็หยุดกะทันหัน
ที่สี่แยกของถนนเส้นนี้ มีผู้หญิงใส่เสื้อผ้าเก่าหน้ามอมแมมผมยุ่งเหยิง นั่งคุกเข่าอยู่ข้างถนน กำลังขอทานผู้ที่เดินผ่านไปมาไม่หยุดหย่อน
แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นได้อย่างชัดเจน แต่หลังจากที่ความแข็งแกร่งของเฉินโม่ไปถึงระดับชั้นเจ็ดแดนรวมพลัง เพียงได้กลิ่นลมหายใจก็สามารถจดจำคนผู้นั้นได้
ขอเพียงเป็นคนที่เคยติดต่อกับเฉินโม่ เมื่อปรากฏตัวห่างจากเฉินโม่ภายในระยะสิบเมตร เฉินโม่ก็สามารถจดจำได้ทันที
และด้วยการพัฒนาความแข็งแกร่งของเฉินโม่ ขอบเขตนี้จะขยายต่อไปเรื่อยๆ ในเวลานั้นเฉินโม่ไม่ต้องใช้จิตสัมผัสกับพลังบำเพ็ญ ก็สามารถแยกแยะทุกคนที่อยู่ในระยะหนึ่งพันกว่ากว่ากิโลเมตรได้
เฉินโม่รับรู้แล้วว่า ผู้หญิงคนนั้นคือคุณหนูใหญ่ของตระกลูไช่ ชื่อไช่เหวินหย่า
เพียงแต่ทำไมไช่เหวินหย่าถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เฉินโม่ไม่อาจรับรู้ได้
ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เฉินโม่ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างๆไช่เหวินหย่า ไช่เหวินหย่าไม่ทันสังเกตเลย ยังเอาแต่ก้มหน้า และขอทานไปเรื่อยๆ
“ทำบุญทำทาน ขอข้าวกินหน่อย……ทำบุญทำทาน ขอข้าวกินหน่อย!”
คุณหนูใหญ่ผู้หยิ่งผยองและสวยงามของตระกูลไช่ ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปจนจำไม่ได้ และดูเหมือนจะกลายเป็นขอทานโดยสมบูรณ์
ในแววตาเฉินโม่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ ในเมื่อบางสิ่งได้ทำไปแล้ว ก็จะต้องได้รับการชดใช้ คือกฎของธรรมชาติ และแม้แต่ผู้บำเพ็ญเซียนบุคคลที่ทรงพลัง ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ดังนั้นไช่เหวินหย่าจึงไม่คู่ควรกับความเห็นอกเห็นใจ คนที่เธอเคยทำร้ายในอดีตอาจจะทุกข์ยากกว่าสถานการณ์ปัจจุบันของเธอด้วยซ้ำ
แต่เฉินโม่ต้องการที่จะรู้ว่าในระหว่างที่เขาปลีกวิเวกฝึกฝน เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลไช่
เฉินโม่ยืนเอามือไขว้หลัง ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับไม่มีตัวตน ผู้คนมากมายเดินผ่านเขาไป เพียงมองไช่เหวินหย่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ราวกับว่าไม่เห็นเฉินโม่เลย
“ไม่คาดคิดว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลไช่ที่เคยโดดเด่น จะตกอยู่ในสภาพนี้!” เสียงของเฉินโม่เรียบเฉย โดยไม่มีคำเยาะเย้ยถากถาง
ไช่เหวินหย่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่นเล็กน้อย โดยไม่เงยหน้าขึ้น พูดเสียงเบา “ขอโทษ คุณจำคนผิดแล้ว”
เฉินโม่ชำเลืองมองเธออย่างเฉยเมย และพูดเบาๆ “บอกฉันทีว่าทำไมคุณถึงตกต่ำถึงเพียงนี้?”
ไช่เหวินหย่าก้มหัวลง และในแววตาเธอมีความเกลียดชัง แต่ไม่ได้เกลียดเฉินโม่ แต่เกลียดสมาชิกตระกูลไช่ที่เลือดเย็นและโหดเหี้ยมเหล่านั้น
แต่ว่า จะมีประโยชน์อะไรที่จะพูดเรื่องนี้กับเฉินโม่? เฉินโม่ไม่ใช่เพื่อนของเธอ ตรงกันข้าม กลับเป็นหนึ่งในฆาตกรที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
“ถ้าคุณไม่พูด ฉันจะไปแล้ว” เฉินโม่แค่เพียงอยากรู้อยากเห็นเพียงเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับไช่เหวินหย่า และในเมื่อไช่เหวินหย่าไม่ยอมจะพูด เขาจะไม่บังคับ
ในขณะที่เฉินโม่กำลังจะจากไป ไช่เหวินหย่าเงยหน้าขึ้นทันที เสียงของเธอเศร้าโศก “คุณอยากรู้จริงๆเหรอ?”
เฉินโม่มองเธอด้วยท่าทางนิ่งสงบ “คุณเลือกที่จะไม่พูดอะไรก็ได้”
“หึหึ ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ พวกเขาทำร้ายฉันจนเป็นแบบนี้ และฉันจะไม่ให้พวกมันสุขสบาย” แววตาของไช่เหวินหย่าเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลังจากการสนทนาเสร็จ เฉินโม่ก็พาไช่เหวินหย่าไปจากที่นี่
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เฉินโม่พาไช่เหวินหย่าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทำให้เธอแลดูสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง และปรากฏตัวที่หน้าประตูลานบ้านตระกูลไช่
“ไปกันเถอะ ไปทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำ” เฉินโม่พูดเบาๆโดยไม่หันกลับมามอง
“อืม!” ไช่เหวินหย่าพยักหน้า แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อยามเห็นเฉินโม่ เขาก็เปิดประตูทันทีด้วยความเคารพและปล่อยให้เขาเข้าไป
เฉินโม่ถามว่า “ไช่อิงกั๋วอยู่ข้างในหรือเปล่า?”
ยามคนนั้นไม่คาดคิดว่าเฉินโม่จะคุยกับเขา เขาผงะเล็กน้อยและตอบอย่างดีใจทันที “อยู่ข้างในครับ”
“อืม!”