Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1637 แพ้แล้วหรือ

ตอนที่ 1637 แพ้แล้วหรือ
“นี่…”
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าตกตะลึง อึ้งจนอ้าปากค้าง
ด้วยฐานะของพวกเขา ผ่านเหตุการณ์ใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินในโลกมาไม่รู้เท่าไหร่ แต่กลับเป็นครั้งแรกที่เห็นเรื่องที่เหลือเชื่อเช่นนี้
คนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง กลับทลายกระบวนค่ายกลที่หลิงเซียวจื่อภาคภูมิใจและมั่นใจที่สุดได้ราวกับปาฏิหาริย์!
นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยคิดมาก่อน
ควรรู้ว่าในการประชันหมากกระดานที่แปดนี้ หลินสวินนั่งนิ่งอนุมานมาหลายวัน ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าเลื่อนลอย
นี่ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ดูอยู่ตลอดถึงขั้นเตรียมพร้อมให้กำลังใจหลินสวินตอนที่เขาแพ้ เลี่ยงไม่ให้เขากระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป
ถึงอย่างไรปฐมาจารย์สลักลายมรรครุ่นเยาว์ที่โดดเด่นขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ทนเห็นเขาหมดกำลังใจไม่ได้
ทว่าตอนนี้…
หลินสวินวางหมากอย่างมั่นใจ ทำลายกระบวนค่ายกลในชั่วพริบตา!
ชั่วขณะหนึ่งเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าตาค้าง สายตาที่มองหลินสวินราวกับจ้องสัตว์ประหลาดน้อยตัวหนึ่ง
“หา? ฮ่าๆ… ฮ่าๆๆๆ…”
เริ่มแรกซุ่นจี้ยังสีหน้าอึ้งงัน กลืนน้ำลายลงคอ ส่งเสียงคำรามราวกับไก่ขัน ยากจะปกปิดความตะลึง
ทว่าครู่ต่อมาเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา เสียงราวกับฟ้าร้อง สั่นสะเทือนเป็นระลอก
ชนะแล้ว!
ในการประชันหมากกระดานที่แปด หลินสวินทำลายกระบวนค่ายกลได้สำเร็จ!
นี่ทำให้อารมณ์ที่ประหม่า ตื่นเต้นและกดดันมาโดยตลอดของซุ่นจี้พลันระบายออกราวกับกระแสน้ำเชี่ยวกราก เบิกบานอย่างยิ่ง อยากจะร้องเสียงดังออกมาเสียเดี๋ยวนี้
ฮูหยินชุดม่วงโฉมงามอดถอนหายใจยาวไม่ได้ มือหยกขาวผ่องราวกับต้นหอมตบบนหน้าผากอิ่มเอิบ ริมฝีปากแดงชุ่มฉ่ำเผยรอยยิ้มเย้ายวน สายตาที่มองหลินสวินแฝงความเอ็นดูและเมตตา
เจ้าหนูนี่ สุดยอด!
นางถึงขั้นกังวลอยู่บ้าง ว่าหลานสาวของตนแม้เรียกได้ว่ามากสามารถปราดเปรื่อง งดงามสะดุดตา อาจจะยังไม่คู่ควรกับเจ้าหนูนี่
และตอนนี้หลิงเซียวจื่อเหมือนถูกฟ้าผ่า อึ้งงันอยู่ตรงนั้น มุมปากสั่นเล็กน้อย เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป ตะลึงอึ้งงัน
นี่เป็นวิธีก้นกรุของเขา แรงกายแรงใจทั้งหมดของเขา เรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จสูงสุดตั้งแต่ที่เขาฝึกปราณมา
แต่สุดท้ายก็ถูกทำลาย!
ถูกเด็กรุ่นเยาว์คนหนึ่งทำลายอย่างสิ้นเชิง!
วางหมากอย่างไม่เสียใจภายหลัง
ลมพายุพัดผ่าน ปลามังกรแปรเปลี่ยน สุริยันจันทราเปลี่ยนวันใหม่!
บรรยากาศที่เงียบขรึมถูกบ่มอยู่ภายในความตะลึง จนกระทั่งครู่ใหญ่หลิงเซียวจื่อจึงมองไปยังหลินสวินที่อยู่ตรงข้าม พร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อน
“สหายน้อยมากความสามารถ ข้าขอชื่นชม”
ประโยคสั้นๆ ทำให้ทั้งลานฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
บนวิถีสลักวิญญาณ หลิงเซียวจื่อมีความสามารถทำให้เหล่ากึ่งจักรพรรดิต้องอุทานด้วยความตกใจ แต่ตอนนี้กลับชื่นชมคนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง!
เห็นได้ชัดว่าในใจหลิงเซียวจื่อ หลินสวินเป็นคนที่อยู่ระดับเดียวกันเขา!
ทว่าตอนนี้หลินสวินยังคงสีหน้าราบเรียบ ไม่แตกตื่นต่อการเป็นที่สนใจ ประสานหมัดเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสชมเกินไปแล้ว”
สีหน้าของเขาซีดเซียวเล็กน้อย การอนุมานและไตร่ตรองในช่วงหลายวันที่ผ่านมาทำให้พลังใจของเขาสูญเสียไปมาก แม้เป็นการทำลายกระบวนค่ายกลลายมรรค แต่กลับยากกว่าเข่นฆ่าศัตรูมาก
นี่ทำให้หลินสวินยังอดทอดถอนใจไม่ได้ ความเชี่ยวชาญด้านการสลักวิญญาณของหลิงเซียวจื่อ เป็นฝีมือชั้นยอดของระดับปฐมาจารย์อย่างแน่นอน มหัศจรรย์อย่างที่สุด
“ยังเหลือกระดานสุดท้าย เชิญสหายน้อยวางกระบวน”
หลิงเซียวจื่อสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง เสียงพูดขรึม
ตอนนี้ประชันหมากมาแล้วแปดกระดาน เขากับหลินสวินชนะคนละสี่ครั้ง เหลือเพียงกระดานที่เก้าแล้ว
หากเขาสามารถทำลายกระบวนค่ายกลที่หลินสวินวางไว้ ก็จะได้รับชัยชนะ
หากไม่สามารถทำลายได้ ก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
“หลิงเซียวจื่อ หรือไม่ก็พอแค่นี้ไหม พวกเจ้าหนึ่งแก่หนึ่งเด็กประชันหมาก หากสามารถทำให้การประชันหมากครั้งนี้เสมอกัน ก็จะเป็นดั่งคำว่าได้ผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย มีความสุขกันทุกฝ่าย”
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าอดส่งเสียงไม่ได้
“ใช่แล้ว เจ้าหนูนี่เพียงต้องการประสบการณ์บรรลุระดับมหาอริยะเท่านั้น พวกเราย่อมไม่มีทางไม่เกื้อหนุน”
คนอื่นๆ พากันเอ่ยปากขึ้นบ้าง
หากหลิงเซียวจื่อพ่ายแพ้ในกระดานที่เก้า ย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขาไม่น้อย
เข่นเดียวกัน หากหลินสวินแพ้ ไม่เพียงกระทบต่อขวัญกำลังใจของเขา ยังทำให้หลิงเซียวจื่อในฐานะผู้อาวุโส ดูรังแกเด็กเกินไปหน่อย
ซุ่นจี้เองก็พยักหน้าอย่างเหนือความคาดหมาย “ใช่ๆ มีความสุขกันทุกฝ่ายย่อมดีที่สุด”
สายตาของหลินสวินมองไปทางหลิงเซียวจื่อ
หลิงเซียวจื่อกลับปฏิเสธโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “การหยั่งมรรคไม่มีก่อนหลัง หรือทุกท่านคิดว่าข้าหลิงเซียวจื่อจะยอมรับชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ไม่ได้งั้นหรือ”
พูดถึงตอนสุดท้าย หว่างคิ้วของเขาเผยความเย่อหยิ่ง เผชิญหน้ากับหลินสวินพร้อมพูดว่า “สหายน้อย หากเจ้าจะนับข้าเป็นสหายต่างวัย ในกระดานที่เก้านี้ก็จงสู้อย่างสุดกำลัง ใช้วิธีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าออกมา ไม่ว่าผลการประชันหมากจะเป็นอย่างไร ขอเพียงเจ้ากับข้าล้วนไม่มีอะไรให้ต้องเสียดาย เป็นอย่างไร”
ขอเพียงไม่มีอะไรให้ต้องเสียดาย!
จากเรื่องนี้สามารถมองออกว่าหลิงเซียวจื่อใจกว้างเพียงใด
หลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ยิ้มพูดว่า “การเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง”
หลิงเซียวจื่อหัวเราะเสียงดัง “จากจุดนี้ หลังจากประชันหมากเสร็จ ข้าก็จะแบ่งน้ำยาแกนเทพเก้าทมิฬให้เจ้าสักหน่อย”
ซุ่นจี้อึ้ง พลันพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าทำเช่นนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีเรื่องมากมายขนาดนี้แล้ว ข้าว่าเจ้ามันอยู่ไม่สุข วอนหาเรื่อง”
ทุกคนอดหัวเราะไม่ได้ แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องตลกที่ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร
หลินสวินเริ่มวางกระบวนค่ายกล เขาคล้ายมีแผนอยู่แล้ว หยิบหมากขึ้นโดยไม่ต้องคิดแล้วกดลงบนตำแหน่ง ‘วังกลาง’
วู้ม!
กระบวนผนึกลายมรรคหนึ่งเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทันที
กระบวนค่ายกลนี้ราวกับฟ้าดาราว่างเปล่าปรากฏออกมา มีดวงดาวหมื่นล้านกะพริบอยู่ภายใน ปรากฏสภาพลึกลับและกว้างใหญ่ไพศาล
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างหุบยิ้ม กลั้นหายใจเพ่งสมาธิสังเกตอย่างละเอียด
ทุกคนต่างรู้ว่าในกระดานสุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลินสวินที่วางกระบวนค่ายกล หรือหลิงเซียวจื่อที่ทำลายกระบวนค่ายกล ล้วนสู้อย่างสุดกำลัง!
ก็เหมือนยอดฝีมือดวลกัน คนหนึ่งโจมตี คนหนึ่งป้องกัน
และหลินสวินได้ลงมือแล้ว
สังเกตอยู่นาน คิ้วของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าค่อยๆ ขมวดมุ่น ความเคร่งเครียดในแววตาก็ยิ่งเข้มข้น
ในใจพวกเขาปรากฏความรู้สึกแบบเดียวกัน กระบวนค่ายกลนี้ครอบคลุมหมื่นลักษณ์ ราวกับทะเลดวงดาวไร้ฝั่ง ทำให้ผู้คนไม่สามารถวัดขนาดได้!
เมื่อหันมองหลิงเซียวจื่อ เจ้าตัวนั่งตัวตรงแล้ว แววตาสาดประกายเทพ กายใจล้วนจดจ่อ มีความเคร่งขรึมสง่าอย่างหนึ่ง
พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยไป บรรยากาศในลานก็ยิ่งเงียบงัน
ก็เหมือนกับกระดานก่อน ครั้งนี้หลิงเซียวจื่อนั่งนิ่งอยู่นานไม่ต่างจากตอนที่หลินสวินทำลายกระบวนค่ายกลกระดานที่แปด
สองวันหลังจากนั้น
คิ้วของเขาค่อยๆ ขมวดมุ่น
ห้าวันหลังจากนั้น
เขาหยิบหมากเม็ดหนึ่งขึ้นมา ทำเอาลมหายใจของทุกคนชะงักไปตามๆ กัน แต่สุดท้ายหลิงเซียวจื่อกลับไม่สามารถวางหมากได้!
ฝ่ามือถูตัวหมาก จมสู่ภวังค์ความคิดอีกครั้ง
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
……
ส่วนลึกของฟ้าดาราที่เงียบงันซึ่งห่างจากกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิไม่รู้เท่านั้น มีสุสานที่ราวกับอุกกาบาตมากมายล่องลอยอยู่เงียบๆ
บนสุสานหนึ่งในนั้น ยุงโลหิตขนาดมหึมา ลำตัวแดงสดราวกับหล่อขึ้นจากเลือด บนหลังมีปีกสิบหกคู่ตัวหนึ่งส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ
ปีกสิบหกคู่ของมันพลันสั่นขึ้นมา
กลิ่นอายน่ากลัวดุร้ายแผ่ออกจากร่างของยุงโลหิตแม่น้ำนรกตัวนี้ ทำเอาสุสานเก่าแก่รอบๆ ระเบิดแหลกโดยพลัน
ตูมโครม!
ในเวลาเดียวกัน ยุงโลหิตที่ตัวใหญ่มหึมาก็เปลี่ยนเป็นเงาร่างผอมเพรียวในชั่วขณะ ยืนตระหง่านบนอากาศราวกับมารร้ายพลิกฟ้า
ผมสีเลือดของเขาพลิ้วไหว ดวงตาสีเลือดราวกับเพชร เครื่องหน้าทั้งห้าดั่งสลักจากหยกงามประณีต แฝงไอชั่วร้ายในความงาม
ด้านหลังเสื้อคลุมสีแดงสดตัวหนึ่งโบกสะบัดจนเกิดเสียงดังกลางอากาศ
“หลอมเลือดพันอริยะ รวมเศษจิตวิญญาณวีรชนโบราณ ในที่สุดพลังปราณของข้าก็บรรลุสู่ระดับไร้ศัตรูแล้ว…”
ชายหนุ่มชุดคลุมเลือดส่งเสียงถอนหายใจอย่างพึงพอใจ ดวงตาราวกับวังน้ำวนแปลกประหลาด วาบแสงน่าสะพรึง
ฮูม
เมื่อความคิดของชายหนุ่มชุดคลุมเลือดไหวเคลื่อน ในฝ่ามือของเขาปรากฏ ‘แท่นบัวสีเลือด’ ที่ประกอบจากปีกสีเลือดสามสิบหกข้าง
บนนั้นปกคลุมด้วยสัญลักษณ์อักษรนรกแน่นขนัดและแปลกประหลาด แสงเลือดราวกับน้ำตกสาดกระเซ็น ประหนึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำนรก
“ผ่านไปหลายปี ในที่สุด… ข้าก็สร้างแท่นบัวเทพนรกนี้ออกมาได้แล้ว…”
ชายหนุ่มชุดคลุมเลือดพึมพำ จนสุดท้ายเขาพลันเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ผมยาวสีเลือดทั้งหัวปลิวพลิ้วอย่างบ้าคลั่ง “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ในระดับมกุฎอริยะแท้ ข้าไร้คู่ต่อสู้แล้ว!”
เสียงอันตื่นเต้น ผงาดกร้าว และเย่อหยิ่งดังขึ้น ก้องกังวานอยู่ในฟ้าดาราอันเงียบสงบแห่งนี้
ส่วนเงาร่างของชายหนุ่มชุดคลุมเลือดนั่นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว
……
เวลาล่วงเลยไป การประชันหมากกระดานที่เก้าดำเนินมาสิบวันแล้ว
ในสิบวันนี้หลิงเซียวจื่อไม่ขยับเลย ราวกับต้นไม้แห้งเหี่ยว เพียงแต่วันนี้ดวงหน้าซูบตอบของเขาตึงเครียดถึงขีดสุดแล้ว เผยความซีดเซียวอยู่รางๆ
ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย!
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าหัวใจแขวนลอย ไม่มีใครกล้ารบกวนหลิงเซียวจื่อ กลัวเพียงว่าจะรบกวนการทำลายกระบวนค่ายกลของเขา
นี่ทำให้พวกเขาลอบทอดถอนใจไม่ได้ การประชันหมากในวันนี้ หากแพร่ไปทั่วกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ สหายมรรคคนอื่นๆ รู้เข้าคงไม่กล้าเชื่อแน่
คนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง กลับทำให้หลิงเซียวจื่อลำบากในการประชันหมาก ใครจะกล้าเชื่อ
และไม่ว่าผลการประชันหมากจะเป็นอย่างไร สัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่ในเหตุการณ์วันนี้ ล้วนเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลินสวินโดยสิ้นเชิง
คนรุ่นหลังน่ากลัวนัก!
“ฮู่ว…”
ทันใดนั้นในที่สุดหลิงเซียวจื่อที่ราวกับต้นไม้เหี่ยวแห้งก็ขยับแล้ว เขาถอนหายใจยาว ในดวงตาเผยความดีใจที่ยากจะปกปิด เอ่ยว่า “ข้าเข้าใจแล้ว!”
ทุกคนต่างตื่นเต้นขึ้นมา
ส่วนซุ่นจี้หัวใจไหวหวั่น เจ้าเฒ่าหลิงเซียวจื่อรู้วิธีทำลายกระบวนค่ายกลนี้แล้วจริงๆ หรือ
“สหายน้อย ข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
หลิงเซียวจื่อฮึกเหิมไปทั้งตัว เยือกเย็นมั่นใจ
“เชิญ”
แม้เป็นเวลานี้ หลินสวินก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า
หลิงเซียวจื่อหยิบหมากขึ้นมา วางในตำแหน่งวังกลางเบาๆ
ทันใดนั้นละอองแสงปลิวว่อน กระบวนค่ายกลที่หลินสวินวางไว้สลายไป ไม่คงอยู่อีก
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าเห็นเช่นนี้ต่างถอนหายใจยาวโดยไม่ได้นัดหมาย เผยสีหน้าประหลาดใจ ปลื้มปิติ และสะเทือนใจ
การประชันหมากรอบสุดท้าย ดูเหมือนง่าย น่าเบื่อ แต่ความจริงกลับน่าตื่นเต้นที่สุด!
ยังดีที่หลิงเซียวจื่อชนะแล้ว!
ส่วนซุ่นจี้แม้จะรู้ดีว่าหลินสวินแสดงความรู้และความแข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่ตอนที่เห็นภาพนี้ก็ยังอดถอนหายใจไม่ได้ ไม่จำยอมและผิดหวังอยู่บ้าง
ฮูหยินชุดม่วงโฉมงามเองก็ถอนหายใจยาวอย่างอดไม่ได้เช่นกัน หลิงเซียวจื่อช่างสมกับเป็นหลิงเซียวจื่อ ฝีมือประชันหมากสูงกว่าคนทั่วไป!
“สหายน้อย ออมมือแล้ว”
หลิงเซียวจื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ เดิมทีเขาอยากจะกดความตื่นเต้นและดีใจในใจสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ปกปิดไม่อยู่ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
พูดอย่างไม่เกินจริง การประชันหมากครั้งนี้เป็นครั้งที่รับมือยากที่สุดในชีวิตเขาอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะหลังจากทำลายกระบวนค่ายกลนี้สำเร็จ ความสะใจและความตื่นเต้นที่มันนำพามา ก็หาใดเทียบเช่นกัน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ หลินสวินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับดูเหมือนไม่ได้มีความรู้สึกพ่ายแพ้ สีหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์
………………
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท