Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1643 เด็กแจกทรัพย์

ตอนที่ 1643 เด็กแจกทรัพย์
อากาศสั่นไหว เสียงของเขาราวกับฟ้าร้อง แท่นบัวเทพนรกที่แดงราวกับเลือดเปลี่ยนเป็นประทับฝ่ามือ กลับนำพาพายุแสงมรรคที่น่ากลัวเข้ามาในสังเวียนเทพมาร
เมื่อเรียกใช้การโจมตีนี้ เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าล้วนไม่สามารถสงบได้
นี่ยังเป็นพลังที่อริยะแท้คนหนึ่งสามารถครอบครองได้อีกหรือ
น่าทึ่งเกินไปแล้ว
หลินสวินหน้าไม่แสดงอาการ ต่อยหนึ่งหมัดออกไป
พริบตานั้นพลังอริยะยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกจากร่างของเขา แสงเทพไร้สิ้นสุดส่องสว่างท้องฟ้า!
ราวกับสะท้อนภาพเตาหลอม เผยลักษณ์ป่วนโลก
ตูมโครม!
ฟ้าดินสั่นไหว สุริยันจันทราไร้แสง
สามารถมองเห็นได้ว่าตำแหน่งที่พลังหมัดของหลินสวินผ่าน ไม่มีสิ่งใดไม่ทลาย ไม่สลาย ไม่สามารถขวางกั้น และไม่อาจทัดเทียม
การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของบุตรนรกน่ากลัวและพลิกฟ้าเพียงใด ทว่าเผชิญกับหมัดนี้ กลับถูกกระแทกออกไปทั้งอย่างนั้น
เปรี๊ยะ!
แท่นบัวเทพนรกที่แดงราวกับเลือดนั่นระเบิดออกทันที เปราะบางเหมือนกระดาษเปื่อยอย่างไรอย่างนั้น
และภายใต้สายตาตะลึงของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่า พลังของหมัดนี้กระแทกใส่จนบุตรนรกปลิวออกไปอย่างแรง
เสียงพรูดดังขึ้นคราหนึ่ง บุตรนรกจมูกปากหลั่งเลือด เสื้อผ้าตรงหน้าอกแหลกละเอียด เผยให้เห็นเกราะลวดลายลึกลับสีดำเข้ม
นี่คงจะเป็นสมบัติโบราณที่มีพลังป้องกันตะลึงโลกชิ้นหนึ่ง แต่ตอนนี้บนเกราะนี้กลับยุบเป็นรอยหมัด มีท่าทีว่าจะแตก
สามารถคาดการณ์ได้ว่าหากไม่มีเกราะนี้กีดขวาง บาดแผลที่บุตรนรกจะได้รับครั้งนี้จะหนักเพียงใด!
ก็หมายความว่าหนึ่งหมัดของหลินสวิน ไม่เพียงซัดการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของบุตรนรกจนย่อยยับ ยังทำให้อีกฝ่ายกระเด็นลอยได้รับบาดเจ็บ!
ในลานเงียบกริบ พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ต่างสีหน้าเลื่อนลอย
แม้พวกเขาเป็นกึ่งจักรพรรดิ ประสบการณ์หลากหลายหาใดเปรียบ แต่เคยเห็นการต่อสู้ชั้นยอดเช่นนี้เสียที่ไหน
วิชาชั้นยอดที่บุตรนรกสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ก็น่าสะพรึงกลัวและไม่สามารถจินตนาการได้แล้ว ใครจะคิดว่าหลินสวินกลับยิ่งกว่า!
“สหายน้อยหลินสวิน… เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”
“บุตรนรกเพิ่งจะสร้างวิชาแห่งตนได้เมื่อไม่นานมานี้ แต่สิ่งที่มั่นใจได้คือ สหายน้อยหลินสวินคงจะก้าวสู่ระดับนี้นานแล้ว!”
“เมื่อเทียบกับพวกเขา พวกเราในตอนนั้นด้อยกว่ามากเกินไปแล้ว”
ชั่วขณะหนึ่งเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าหัวใจกระเพื่อมไหว บ้างทอดถอนใจ บ้างอุทานด้วยความตกใจ
คนรุ่นเยาว์สองคน แต่ละคนแข็งแกร่งกว่า ดุดันและยิ่งใหญ่กว่าอีกคน ทำให้พวกเขาได้เปิดโลกไปด้วย การรับรู้ที่มีก่อนหน้านี้แทบจะถูกล้มล้างทั้งหมดแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ บนโลกนี้มีวิชาแห่งตนเช่นนี้ได้อย่างไร”
ยามนี้สีหน้าของบุตรนรกขาวซีดและดุร้าย เต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ
การโจมตีนี้ของหลินสวินเป็นเหมือนค้อนหนัก กระแทกความเย่อหยิ่งและความมั่นใจของบุตรนรกจนแทบจะทรุดทลายแล้ว
เขาไม่อาจคิดได้ว่าหลินสวินถึงกับก้าวสู้เส้นทางอริยะแท้ไร้ศัตรูก่อนตนแล้ว อีกทั้งวิชาแห่งตนที่สร้างออกมายังน่ากลัวขนาดนั้น!
“โง่เขลา การสร้างวิชาแห่งตนขึ้นมา มีแต่ต้องเตรียมรากฐานพลังที่ไร้ศัตรูของตน อยากไร้ศัตรูในหมู่มกุฎอริยะใต้หล้า อย่างเจ้ายังไม่มีคุณสมบติ”
เสียงของหลินสวินราบเรียบ นัยน์ตาดำเย็นเยียบ
ยามเอ่ยพูด เขาก็เปิดการโจมตี ทะยานออกไปกลางอากาศแล้ว
ต่อสู้มาถึงตอนนี้ เขารับรู้รากฐานพลังของบุตรนรกโดยสิ้นเชิงแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องยืดเยื้ออีกต่อไป
ตูม!
ร่างของหลินสวินราวกับเตาหลอม ชี้ฟ้ากวาดดิน ล้วนมีอานุภาพหลอมหมื่นมรรค
“เหลวไหล เจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาชี้แนะข้า”
บุตรนรกเดือดดาล พุ่งโจมตีอออกไป
อานุภาพของเขายังคงน่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้ เพียงแต่สิ่งที่ต่างออกไปคือสถานการณ์ได้พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
วิชามหัศจรรย์นับพัน วิชามรรคนับหมื่นของเขา ล้วนถูกบดขยี้จนแหลกสลายราวกับฟองอากาศ ให้ความรู้สึกเหมือนมดแดงเขย่าต้นไม้ใหญ่!
เพราะหลินสวินในตอนนี้ประหนึ่งไร้ศัตรูแล้วจริงๆ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนแฝงอานุภาพกำราบหมื่นกาลอย่างไม่มีข้อยกเว้น
เตาหลอมดุจร่างกาย อานุภาพกดข่มศัตรูทุกคนในระดับนี้!
สิบลมหายใจหลังจากนั้น บุตรนรกก็ถูกกำราบจนเงยหน้าไม่ขึ้นแล้ว กระอักเลือดต่อเนื่อง หน้าซีดเซียวเผ้าผมยุ่งเหยิง
สามสิบลมหายใจหลังจากนั้น
พร้อมกับเสียงกึกก้องสะเทือนหู เกราะสีดำเข้มที่ป้องกันอยู่เบื้องหน้าร่างบุตรนรกพลันระเบิดแตกกะทันหัน กลายเป็นชิ้นส่วนลอยกระเด็น
และในระหว่างนี้ หลินสวินทะยานเข้ามา อานุภาพทะลวงฟ้า!
สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นต่างมองหน้ากัน สูดหายใจด้วยความตกใจไม่หยุด เพิ่งจะตระหนักได้ว่าคนหนุ่มที่ถูกหอฤทธิ์เทพส่งมากำแพงเมืองด่านจักรพรรดิผู้นี้สุดยอดเพียงใด
ที่น่าขันคือ ตอนแรกพวกเขากลับไม่ได้สนใจ มองข้ามเขาไป…
“ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”
ในสังเวียนเทพมาร บุตรนรกที่เผ้าผมยุ่งเหยิงบ้าคลั่งอย่างสิ้นเชิงแล้ว ดวงตาแทบถลน โจมตีออกไปโดยไม่สนอะไรแล้ว
หลายปีก่อนในแดนมกุฎ เขาพ่ายแพ้ในมือหลินสวินต่อเนื่องหลายครั้ง ทุกครั้งล้วนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา ขายหน้าจนไม่เหลือ อับอายถึงขีดสุด
หากไม่ใช่เพราะมีกาหลอมจิต เขาคงร่วงหล่นไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ก็เพราะเช่นนี้ ในหลายปีมานี้เขาจึงฝึกปราณอย่างบ้าคลั่งในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิแห่งนี้ เพื่อแก้แค้น ทวงคืนเกียรติและศักศรีดิ์ของตัวเองกลับมา
ใครจะคิดว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้เขาสร้างวิชาแห่งตนขึ้นมาแล้ว กลับล้วนถูกทำลายทั้งหมด นี่จะให้บุตรนรกทนได้อย่างไร
ชิ้ง!
กระบี่อเวจีที่ดำสนิทและหมอกมารคละคลุ้งโฉบออกมา ปราณกระบี่พุ่งทะลวง ปรากฏภาพน่ากลัวที่สิบทิศล้วนหลอมละลาย
“ฆ่า!”
บุตรนรกคำราม สีหน้าบิดเบี้ยวดุดัน
“นี่เป็นทรัพย์หลังศึกของข้า เจ้าจะเอาไปใช้ได้อย่างไร เอามา”
หลินสวินเอ่ยคำพูดลวกๆ ทันทีที่ยกมือขึ้น ผนึกป้าเซี่ยอันลึกลับก็แผ่ออกมากลางฟ้าดิน
เสียงฟุ่บดังคราหนึ่ง กระบี่อเวจีราวกับถูกกักขัง ถูกหลินสวินจับไว้ในฝ่ามือแล้วเก็บไป
“เจ้า…”
บุตรนรกโกรธจนแทบกระอักเลือด พลันส่งเสียงคำรามยาวราวกับเทพชั่วร้ายที่คลุ้มคลั่ง พลิกฝ่ามือเรียกประทับนรกมืดดำออกมา
วู้ม!
โลกนรกสามสิบหกชั้นควบรวมในอากาศ บรรยากาศมืดทะมึน
แต่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นก็ถูกหนึ่งหมัดของหลินสวินซัดทลาย แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
“ประทับนี้ไม่เลว เอามาด้วยแล้วกัน”
ภายใต้เสียงหัวเราะ หลินสวินพลันยื่นมือคว้า ประหนึ่งเจินหลงยื่นกรงเล็บออกมาจากชั้นเมฆ เกิดพลังกลืนกินที่น่ากลัวไร้ขอบเขต
ชั่วพริบตานั้นประทับนรกมืดดำเองก็ถูกคว้าไปด้วย ตัดขาดความสัมพันธ์กับบุตรนรก ถูกหลินสวินเก็บไปแล้ว
เขาก้าวเดินในห้วงอากาศ สายตาเหมือนจ้องบ่อเงินบ่อทอง ยิ้มพูด “มาๆๆๆ มีสมบัติอะไรอีก เอาออกมาใช้เลย!”
พรวด!
บุตรนรกโกรธจนกระอักเลือดโดยตรง ร่างกายสั่นไปหมด กัดฟันคำราม “หลินสวิน เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!!”
เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ยันต์สีเลือดสายหนึ่งโฉบออกไป
ยันต์นี้แปลกประหลาดอย่างมาก เหมือนทองแต่ไม่ใช่ทอง เหมือนหยกแต่ไม่ใช่หยก ขนาดไม่ถึงครึ่งฉื่อ พื้นผิวเต็มไปด้วยลายมรรคสีเลือดแน่นขนัดราวกับไส้เดือน
ทันทีที่ปรากฏ กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นที่สามารถทำให้เทพผีชิงชังพลันกระจายออกมา ย้อมอากาศเป็นสีเลือดชวนกดดันอย่างหนึ่ง
“ยันต์วิญญาณเลือดหมื่นอริยะ!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งตกใจ ส่งเสียงตะโกน “สหายน้อย หลบเร็ว!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ เองก็หน้าเสีย
ยันต์นี้เป็นของต้องห้ามอย่างหนึ่งของเผ่านรกแม่น้ำเลือด อยากจะหลอมยันต์เช่นนี้ ต้องใช้ผิวหนังของมหาอริยะที่สมบูรณ์หนึ่งร่าง และเลือดหัวใจของอริยะสามพันคน รวมทั้งเสี้ยววิญญาณวีรชนโบราณอีกนับหมื่น
ผิวหนังมหาอริยะมีแก่นแท้แห่ง ‘มหา’ เมื่อผ่านการหลอมจะสามารถเปลี่ยนเป็นยันต์ห้วงอากาศได้
เลือดหัวใจของอริยะและเสี้ยววิญญาณวีรชนโบราณคือแหล่งพลังที่ใช้สร้างยันต์!
สมบัติระดับนี้ เป็นสมบัติมารร้ายที่ทั้งคนและเทพต่างเกลียดชัง คาวเลือดและโหดร้ายเกินไป เป็นสิ่งที่ทุกคนบนโลกทนไม่ได้
หลังจากจักรพรรดินรกเลือดทมิฬมุ่งหน้าไปทางเดินโบราณฟ้าดารา วิชาหลอมสมบัตินี้ก็ถูกเอาไปด้วย ไม่ได้สืบทอดต่อมา
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่า ในมือบุตรนรกกลับครอบครองยันต์น่ากลัวที่สามารถทำให้อริยะพูดถึงแล้วหน้าเปลี่ยนสี!
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าทนไม่ไหวอยากลงมือ
แต่ตอนนี้เองกลับเห็นหลินสวินไม่ลนลาน เรียกเจดีย์สมบัติที่ประหนึ่งหลอมจากทองเทพหลังหนึ่งออกมา
วู้ม…
เจดีย์สมบัตินี้พาดขวางกลางอากาศ กลิ่นอายไพศาลและเก่าแก่ แสงมรรคทองนิลกาฬหลายสายพุ่งออกมาเหมือนเชือก!
เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด!
ยันต์สีเลือดนั่นยังไม่ทันได้สำแดงอานุภาพ ก็ถูกแสงมรรคทองนิลกาฬมากมายกำราบและปิดผนึก เก็บเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดโดยพลัน
บุตรนรกอึ้งไปเป็นอันดับแรก ลูกตาเบิกโพลงคล้ายไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นก็เดือดดาลราวกับฟ้าร้อง โกรธจนเลือดขึ้นหน้า แทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว
ยันต์วิญญาณเลือดหมื่นอริยะเป็นถึงสิ่งที่บรรพบุรุษจักรพรรดินรกเลือดทมิฬเหลือทิ้งไว้ ในดินแดนรกร้างโบราณอันกว้างใหญ่นี้ก็มีเพียงแค่อันเดียว ในอนาคตไม่มีทางมีอันที่สองแล้ว
ใครจะคิดว่าแม้แต่อานุภาพยังไม่ทันปลดปล่อย ก็ถูกเก็บไปโดยตรงแล้ว!
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างงงไปหมด ก่อนหน้านี้ตอนที่ยันต์วิญญาณเลือดหมื่นอริยะปรากฏ ก็ทำให้พวกเขาสะดุ้งโหยง รับรู้ได้ถึงความรุนแรงของสถานการณ์
ทว่าเพียงพริบตากลับถูกหลินสวินชิงไปแล้ว
นี่ดูเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
“สมบัติในมือบุตรนรกมีมากมาย แต่เห็นได้ชัดว่าในมือสหายน้อยหลินสวินก็ไม่ขาดสมบัติมหัศจรรย์ไม่อาจคาดเดา อย่างเจดีย์สมบัตินี้ ความลึกลับของกลิ่นอาย ความยิ่งใหญ่ของบรรยากาศ ความสูงส่งของอานุภาพ หาใช่สมบัติทั่วไปบนโลกจะเทียบได้ ข้าถึงขั้นสงสัยว่านี่ไม่ใช่สมบัติอริยะ!”
แววตาหลิงเซียวจื่อเป็นประกาย สีหน้าหวั่นไหว
“ยังมีอีกไหม มาต่อ”
ในสังเวียนเทพมาร หลินสวินยิ้มพลางเก็บเจดีย์สมบัติ เอ่ยพูดคล้ายยังกระหาย
“เจ้า เจ้า เจ้า…”
บุตรนรกโกรธจนเบื้องหน้าสายตาพร่ามัว หน้าเขียวไปหมดแล้ว เขาหลินสวินเห็นตนเป็นอะไร เด็กแจกทรัพย์หรือ
“ข้าจำได้ว่าเจ้ายังมีกาหลอมจิตอีกอันมิใช่หรือ รีบเอาออกมาเถอะ ไม่เช่นนั้นครั้งนี้เจ้าจะต้องคุกเข่ากับพื้นตบหน้าตัวเองแล้วนะ”
หลินสวินยิ้มอย่างอบอุ่น ท่าทางสั่งสอนอย่างตั้งใจ โน้มน้าวอย่างสุภาพ
เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าต่างสีหน้าแปลกประหลาด หลินสวินนี่ดูเหมือนนอบน้อมมีมารยาท บริสุทธิ์ไร้พิษภัย คิดไม่ถึงว่าจะเหี้ยมขนาดนี้
นี่เขาคิดจะเชือดแกะอ้วนอย่างบุตรนรกชัดๆ!
“หลินสวิน เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง!”
ตูมโครม!
ทันใดนั้นร่างของบุตรนรกพลันขยายออก เปลี่ยนเป็นยุงโลหิตที่ร่างกายใหญ่ถึงร้อยจั้ง มีปีกสิบหกคู่
ไอดุดันเหี้ยมโหดท่วมฟ้าก็พลุ่งพล่านตามออกมา
นี่เป็นร่างดั้งเดิมของบุตรนรก เห็นได้ชัดว่าเขาถูกบีบจนร้อนรนแล้ว หมายจะสู้ตายกับหลินสวินโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
เพียงแต่การดิ้นรนเช่นนี้ถูกกำหนดให้ไร้ประโยชน์
เพียงครู่เดียวภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของหลินสวิน ร่างใหญ่โตของบุตรนรกถูกโจมตีจนเลือดอาบ เต็มไปด้วยบาดแผล ในปากส่งเสียงร้องเดือดดาล ไม่จำยอมและน่าอนาถอยู่ตลอดเวลา
สภาพน่าเวทนานั่นทำเอาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าทนดูต่อไปไม่ไหว ต่างรู้สึกเจ็บแทนบุตรนรก
จะลำบากไปทำไม
รู้เช่นนี้แต่แรก มีสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเขาอยู่ จะยอมให้การต่อสู้เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร!
ทว่าเจ้าบุตรนรกกลับบ้าระห่ำไร้ขอบเขต ไม่ฟังกันเลยจริงๆ ตอนนี้เป็นอย่างไร ต่างอะไรกับการหาเรื่องใส่ตัว
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท