Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1647 ไพ่ตายของหลินสวิน

ตอนที่ 1647 ไพ่ตายของหลินสวิน

ยามกึ่งจักรพรรดิเกรี้ยวโกรธ เพียงแค่กลิ่นอายเล็กน้อยก็สามารถบดขยี้เวิ้งฟ้า หวดขวางภูผาธารา!

 เจ้ากล้า! 

พริบตานี้พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่กระตุ้นพลังแห่งตนออกมาอย่างไม่ลังเล อานุภาพรอบกายต่างแผ่ซ่านออกมาโดยพลัน

ฮู้ม!

บรรดากึ่งจักรพรรดิประจันหน้ากันอย่างกร้าวแกร่ง ภาพเหตุการณ์เช่นนี้เรียกได้ว่าน่าสะพรึงไร้สิ้นสุดโดยแท้ ฟ้าดินห้วงอากาศละแวกนั้นล้วนโกลาหลปั่นป่วน

ภายในด่านตะวัน เวลานี้มีเสียงอุทานตกตื่นไม่รู้เท่าไหร่ดังขึ้น พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ลอบสังเกตเรื่องทั้งหมดในเงามืด คล้ายคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะถึงขั้นตึงเครียดเช่นนี้!

นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึกเยียบเย็น ชั่วพริบตาก่อนหน้านี้ เขารับรู้ถึงไอสังหารรุนแรงที่ปะทะเข้ามาอย่างแรงกล้า ไม่ต้องสงสัยสักนิด นักพรตชิวคนนี้หมายจะฆ่าตนแล้ว

 ผู้อาวุโสทุกท่าน ให้ข้าจัดการคนเดียวเถิด! 

จู่ๆ หลินสวินพลันก้าวไปเบื้องหน้า ท่าทางสงบนิ่ง นัยน์ตากลับลุ่มลึกเยียบเย็นขึ้นเรื่อยๆ

พวกซุ่นจี้ล้วนจนวาจา จนป่านนี้เจ้าหนูนี่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์อีกหรือ เขาคนเดียวจะเป็นคู่ต่อสู้ของนักพรตชิวได้อย่างไร

 ฮ่าๆๆ หรือว่าทุกท่านดูไม่ออก เจ้าหนูนี่อยากใช้ความตายไถ่โทษชัดๆ แต่พวกเจ้าดันขวางอยู่ตรงหน้า ออกจะคิดเองเออเองเกินไปหน่อยหรือไม่ 

บนรถศึกผสานคราม นักพรตชิวแหงนหน้าขึ้นฟ้าระเบิดหัวเราะ อำนาจบารมียิ่งบีบคั้นผู้คนมากขึ้น

พวกหลิงเซียวจื่อสีหน้ามืดทะมึนไม่หยุด แต่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างแน่วแน่!

ที่นี่คือด่านตะวัน เป็นสถานที่ประจำการของพวกเขา หากแม้แต่หลินสวินยังปกป้องไม่ได้ พวกเขายังจะมีหน้าไปพบเจอผู้คนอยู่อีกหรือ

เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินทั้งซาบซึ้งทั้งจนปัญญา อดกล่าวไม่ได้ว่า  ผู้อาวุโสทุกท่าน เรื่องนี้ข้าไม่อยากลากพวกท่านมาเกี่ยวด้วยจริงๆ ผลที่ตามมาทุกอย่างให้ข้าเป็นคนรับผิดชอบเองก็พอแล้ว 

ซุ่นจี้กล่าวอย่างเดือดดาล  เจ้าหนู ข้าไม่เคยเจอคนดื้อดึงเช่นเจ้ามาก่อนเลย ทุกคนล้วนหวังดีต่อเจ้าทั้งนั้น! 

นักพรตชิวระเบิดหัวเราะอีกครั้ง  ดูสิ คิดเองเออเองดังคาด! 

ระหว่างที่พูด จู่ๆ เสียงคำรามสายหนึ่งก็ดังก้อง เบื้องหน้ารถศึกผสานคราม สิงห์มังกรทมิฬตัวหนึ่งพุ่งพรวดออกมาราวกับเมฆทะมึนแถบหนึ่ง เคลื่อนผ่านห้วงอากาศพุ่งตรงไปทางหลินสวิน

ระดับความเร็วและความแข็งกร้าวของกลิ่นอาย น่าสะพรึงเหนือจินตนาการ

แย่แล้ว!

พวกซุ่นจี้หน้าเปลี่ยนสี สิงห์มังกรทมิฬนี้เป็นสัตว์ประหลาดโดยกำเนิด ถูกกู่เหลียงฉวี่กำราบเมื่อนานมาแล้ว รับมาฝึกปราณข้างกาย

อย่ามองว่าสัตว์เหล่านี้เป็นแค่สัตว์ลากรถ ทว่าพลังต่อสู้แต่ละตัวล้วนเทียบเท่าราชันอริยะ เกรี้ยวกราดดุร้ายอย่างที่สุด

อย่าว่าแต่อริยะแท้อย่างหลินสวิน ต่อให้มหาอริยะอยู่ที่นี่ ก็ไม่ใช่ศัตรูระดับเดียวกับสิงห์มังกรทมิฬนั่น!

 เดรัจฉาน เจ้ากล้ารึ! 

ฮูหยินมู่โพล่งผรุสวาท ตั้งท่าจะลงมือ

สถานการณ์อันตราย พลังขับเคลื่อนและเป้าหมายก่อนหน้านี้ของพวกเขาอยู่ที่ตัวนักพรตชิว ใครก็คิดไม่ถึงว่าสิงห์มังกรทมิฬนั่นจะพุ่งโจมตีกะทันหัน

เพียงแต่ยังไม่รอให้ฮูหยินมู่เคลื่อนไหว ภาพเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น

สิงห์มังกรทมิฬที่พุ่งสังหารไปทางหลินสวินตัวนั้น ยังอยู่ระหว่างทางกลางห้วงอากาศก็ฟุบราบกับพื้นเสียงดังลั่น ร่างหมอบกระแตสั่นระริก ส่งเสียงร้องโหยหวนหวาดกลัวปานสะอื้นไห้ คล้ายถูกทำให้ตกใจจนขวัญกระเจิง

นี่ไหนเลยจะเหมือนสัตว์ดุร้ายที่เทียบเท่าราชันอริยะ ไม่เหลือสภาพเกินไปแล้ว!

บรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบแปลกประหลาดทันที

พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ หลิงเซียวจื่อต่างอึ้งงัน เกิดอะไรขึ้น

บนรถศึกผสานคราม รอยยิ้มของนักพรตชิวแข็งทื่อทันควัน นัยน์ตาหดรัด ทำท่าเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ

 นี่… 

บุตรนรกเกือบตาถลนออกมา

เจ้าเป็นถึงสิงห์มังกรทมิฬที่เทียบเท่าระดับราชันอริยะเชียวนะ เหตุใดเจ้าแม่งเหมือนแมวป่วยตัวหนึ่งไม่มีผิด

ต่อมาทุกคนถึงมองเห็น ไม่รู้เมื่อไหร่บนฝ่ามือหลินสวินปรากฏใบไม้ขาวโปร่งแสงปานหิมะน้ำแข็งใบหนึ่ง

ใบไม้กลมมนแวววาว ไหลเวียนด้วยแสงเรื่อแปลกประหลาด มดสำริดขนาดเท่าเมล็ดงาตัวหนึ่งกำลังนอนฟุบอยู่บนนั้น

มดสำริดเล็กจ้อยไม่เตะตาปานนั้น แต่ยามเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าทอดสายตามองไป ไม่มีใครไม่ใจสะท้าน

กลิ่นอายน่าสะพรึงยิ่ง!

เป็นพวกระดับใดกัน

ชั่วขณะนั้นบรรยากาศยิ่งเงียบกริบขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนต่างเข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดสิงห์มังกรทมิฬที่เทียบเท่าระดับราชันอริยะถึงถูกทำให้ตกใจจนกลายเป็นสภาพนี้

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะกลิ่นอายของมดสำริดตัวนั้นน่าสะพรึงเกินไป!

และยามนี้ หลินสวินคล้ายสั่นสอนหลานชายไม่มีผิด พูดกับมดสำริดตัวนี้ว่า  ตกลงกันแล้ว ให้เจ้าออกมาสูดอากาศ หากกล้าเล่นซน ข้าก็จะผนึกเจ้าไว้ตลอดกาล 

มดสำริดคล้ายเดือดดาล ขยับหนวดไปมา แต่สุดท้ายก็รอมชอม เค้นคำพูดออกมาจากปากคำหนึ่งว่า  ได้ 

ทุกคนไม่มีใครไม่ปากอ้าตาค้าง

มะ… มดสำริดน่าสะพรึงระดับนี้ ถึงกับเชื่อฟังคำสั่งคนรุ่นหลังอย่างหลินสวิน?

คราวนี้หลินสวินจึงยิ้มพอใจ ขยับปลายนิ้วเบาๆ ใบไม้แวววาวปานหิมะน้ำแข็งพลันสั่นไหว

ตูม!

มดสำริดตัวนั้นโฉบพุ่งออกไป ร่างกายที่แต่เดิมขนาดเท่าเมล็ดงา พริบตาเดียวก็มีขนาดเท่าลูกวัว ทั่วร่างประหนึ่งสร้างจากทองเทพ แผ่กลิ่นอายเจิดจ้าแพรวพราวออกมา

โดยเฉพาะกรามที่แหลมคมคู่นั้น น่าสยดสยองเทียบเท่าใบมีดศาสตราจิตชัดๆ

และเมื่อมดสำริดเผยร่างแท้จริง อานุภาพเย็นเยียบดุกร้าวก็พลอยพวยพุ่งออกมาด้วย ครอบฟ้าคลุมดิน ทำเอาฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือน

มันดูคล้ายหิวจะแย่ ทันทีที่ปรากฏตัวก็อ้าปากสูดกลืนหนึ่งครา กลืนสิงห์มังกรทมิฬที่นอนหมอบราบบนพื้นตัวนั้นเข้าไปในปากและเริ่มเคี้ยวอย่างเมามัน

เสียงกระดูกเลือดเนื้อระเบิดปะทุดังออกมาจากเขี้ยวฟันที่แหลมคมนั่น เลือดสดไหลเอ่อ ทำให้เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าแถวนั้นขนลุกขนพอง

มดสำริดจอมพลัง!

นี่เป็นถึงสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ที่หายากตัวหนึ่ง ซ้ำยังมีพลังน่าเหลือเชื่อ!

 นี่แม่ง… 

บุตรนรกอึ้งค้าง ในหัวมึนตื้อพูดไม่ออก

นักพรตชิวกลับสีหน้าเคร่งขรึม โกรธจนแผดเสียงลั่น  รนหาที่ตาย! 

เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ปราณดาบกร้าวแกร่งสายหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ดุจน้ำตกโปรยปรายเก้าสวรรค์ ขาวโพลนทั้งแถบ

มดสำริดหายตัวไปกลางอากาศเสียงดังพรึ่บ

จากนั้นพร้อมๆ กับที่เสียงร้องหวาดกลัวชวนสังเวชสายหนึ่งดังขึ้น สิงห์มังกรทมิฬอีกตัวก็ถูกมดสำริดกัดกินในปาก เริ่มสวาปามคำโต

สิงห์มังกรทมิฬสองตัวที่เหลืออยู่ตกใจกลัวจนหมอบราบกับพื้น ไม่กล้าขัดขืนสักนิด ถูกอานุภาพดุร้ายที่แผ่จากตัวมดสำริดเขย่าขวัญอย่างสิ้นเชิง

สิ่งนี้ทำให้นักพรตชิวเกรี้ยวโกรธขุ่นเคือง ลงมือโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด

ยอดฝีมือกึ่งจักรพรรดิที่สามารถติดสิบอันดับแรกในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ พลังต่อสู้ย่อมน่าสะพรึงไม่อาจดูเบา

ด้วยการลงมือของนักพรตชิว ห้วงอากาศแห่งนี้ล้วนปั่นป่วน ตกสู่ความโกลาหลที่พังพินาศดับสูญ

แต่การโจมตีเหล่านี้พุ่งใส่ตัวมดสำริด กลับทำได้เพียงส่งเสียงชนกระแทกดังตึงๆ ออกมา ประกายไฟพราวตาระลอกแล้วระลอกเล่าสาดกระเซ็น ไม่อาจเจาะทะลวงเปลือกหุ้มมดสำริดได้เลย

และในระหว่างนี้ มดสำริดก็กลืนกินสิงห์มังกรทมิฬสองตัวที่เหลืออยู่ติดต่อกัน คาวเลือดเต็มปาก ท่าทางโหดเหี้ยมอำมหิตนั่นทำเอาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าล้วนใจเต้นเนื้อกระตุก

ต่อให้เป็นหลินสวินก็ยังอดสูดหายใจเฮือกไม่ได้ สิ่งมีชีวิตระดับกึ่งจักรพรรดิที่จำศีลอยู่ในป่าต้นหม่อนอย่างมดสำริด ออกจะดุร้ายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง

เป็นเพราะนักพรตชิวอ่อนแอเกินไปหรือ

ไม่!

แต่เพราะมดสำริดตัวนี้แกร่งกล้าเกินไปต่างหาก!

 เดรัจฉานชั่ว!! 

และเวลานี้นักพรตชิวเดือดดาลจนตาแทบถลน ดวงตาล้วนแดงก่ำ

รถศึกผสานครามนี่เป็นของกู่เหลียงฉวี่ สิงห์มังกรทมิฬสี่ตัวนั่นก็ถูกรับเลี้ยงโดยกู่เหลียงฉวี่ ตอนนี้ล้วนถูกกลืนกินหมดเกลี้ยงแล้ว!

นี่จะให้เขากลับไปอธิบายต่อกู่เหลียงฉวี่อย่างไร

ส่วนบุตรนรก ถูกภาพเหตุการณ์นองเลือดทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำเอาตกใจจนหนังศีรษะชาหนึบตั้งแต่ต้นแล้ว ตกใจเกือบฉี่ราด

แค่มดสำริดตัวเดียว เหตุใดถึงแข็งแกร่งปานนี้

 เจ้าเฒ่า ข้าไม่สนใจเจ้า เจ้าก็ยังอุตส่าห์ร้องเรียกหรือ ข้ายังกินไม่อิ่มพอดี จะกินเจ้าให้อิ่มแปล้เลย! 

มดสำริดที่ไม่เคยโต้กลับตลอดมา เวลานี้ตวัดสายตาเกรี้ยวกราดคู่นั้นมองไปยังนักพรตชิว กลิ่นอายที่แข็งกร้าวนั้นพาดขวางฟ้าดิน

ตูม!

เงาร่างของมันว่องไวสุดขีด ขาหน้าที่แหลมคมดุจมีดกรีดแหวกห้วงอากาศ ประหนึ่งสัตว์ร้ายบรรพกาล พุ่งสังหารไปทางนักพรตชิว

อานุภาพแข็งแกร่งไร้ใดเปรียบนั่นทำเอาพวกซุ่นจี้ล้วนสะท้านไปตามๆ กัน

ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่พวกเขาล้วนคิดผิด หลินสวินมีหรือจะมองสถานการณ์ไม่ออก และมีหรือจะหาญกล้าท้าประชัน เห็นชัดๆ ว่ามีที่พึ่งจึงไร้กังวล!

มีสัตว์ร้ายเช่นนี้เป็นที่พึ่ง ไม่จำเป็นต้องให้คนเฒ่าอย่างพวกเขาลงมือเลยสักนิด!

ตูมโครมๆ!

ศึกแห่งกึ่งจักรพรรดิปะทุเดือด นักพรตชิวและมดสำริดต่างพุ่งทะยานสู่ชั้นฟ้านานแล้ว ทุกครั้งที่ปะทะกันก็เหมือนเทพเซียนกำลังประชันศึก พลิกลมเมฆสิบทิศ ต่อสู้จนฟ้ามืดดินสลัว สุริยันจันทราอับแสง

จากความแข็งแกร่งของหลินสวินในตอนนี้ ไม่สามารถสอดส่องสถานการณ์การต่อสู้นั้นได้เลย

อย่างไรเสียก็เป็นการฟาดฟันระหว่างกึ่งจักรพรรดิ พลังและฝีมือที่ใช้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำความเข้าใจได้เช่นเดียวกัน

แต่เขาก็ยังพอมองออกว่ามดสำริดครองความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด บุกโจมตีบ่อยครั้ง รวดเร็ว โหดเหี้ยม และเผด็จการ

กลับเป็นนักพรตชิวที่ถูกโจมตีจนเห็นชัดว่าห่างชั้น ตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบ ส่งเสียงตะโกนเดือดดาลออกมาเป็นพักๆ

พวกกึ่งจักรพรรดิอย่างซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ หลิงเซียวจื่อต่างดูการต่อสู้อย่างตึงเครียด

นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของพวกเด็กๆ หากแต่เป็นการฆ่าฟันดุเดือดของคนรุ่นเดียวกัน ทำเอาพวกเขาดูจนสติลอยตาลุก สะท้านสะเทือนตามๆ กัน

นักพรตชิวเป็นถึงกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งที่ชื่อเสียงเกรียงไกรในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ความแข็งกร้าวแห่งพลังต่อสู้เป็นที่ประจักษ์ของทุกคน หาไม่ ก่อนหน้านี้ซุ่นจี้คงไม่ถูกนักพรตชิวซัดสะเทือนถอยกรูดในการโจมตีเดียวแน่นอน

แต่ตอนนี้มดสำริดจอมพลังตัวหนึ่งพุ่งทะยาน กลับสำแดงพลังต่อสู้น่าสะพรึงที่สามารถกำราบนักพรตชิวอยู่หมัด นี่ย่อมทำให้ผู้คนสั่นสะท้านเป็นธรรมดา

มันมาจากไหน จากอานุภาพกร้าวแกร่งล้นฟ้าระดับนั้นของมัน เหตุใดจึงเชื่อฟังคำสั่งหลินสวิน

นี่เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

เวลานี้หลินสวินทอดสายตามองบุตรนรกแล้วยิ้มบางๆ  ดูเหมือนเมื่อครู่เจ้าจะเป็นคนเรียกข้าออกมากระมัง เด็กแจกทรัพย์ 

ฮูหยินมู่ส่งเสียงขำพรืดออกมาคราหนึ่ง เจ้าหนูนี่ก็ช่างตรงไปตรงมาเหลือเกิน

 เจ้าคิดจะทำอะไร 

บนรถศึกผสานคราม บุตรนรกร่างแข็งทื่อ สีหน้ากราดเกรี้ยวแต่ภายในปวกเปียก

 คลังสมบัติวางอยู่ตรงหน้า เจ้าว่าหากเป็นเจ้า… จะทำอย่างไร 

หลินสวินเดินขึ้นไปข้างหน้า หัวเราะหึๆ สายตาที่มองบุตรนรกคล้ายจับจ้องคลังสมบัติแห่งหนึ่ง ลุกโชนวาววับ

บุตรนรกโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ ทั้งตกใจเดือดดาล หัวเสียและกริ่งเกรง

เบื้องหน้าสิงห์มังกรทมิฬสี่ตัวถูกกิน นักพรตชิวก็รบราฆ่าฟันอยู่กับมดสำริด ไม่สนใจสิ่งอื่นใดสักนิด นี่จะไม่ให้บุตรนรกกริ่งเกรงได้อย่างไร

ต่อให้โมโหและเคืองแค้นปานใด เขาก็ไม่เหลือความกล้าจะไปต่อสู้กับหลินสวินอีก การพ่ายแพ้อนาถคราวก่อนยังคงฝังใจ ไหนเลยเขาจะรนหาเรื่องอีก

หนี!

บุตรนรกหันตัวเผ่นหนีโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด นั่นเรียกได้ว่าเด็ดขาดฉับไว

เพียงแต่หลินสวินเงาร่างขยับไหวตั้งนานแล้ว โผล่ขวางบนเบื้องหน้าเขา ใบหน้ายังคงฉายรอยยิ้มกล่าว  ครั้งนี้คงปล่อยให้เจ้าหนีไปอีกไม่ได้แล้ว 

ขณะพูดเขาลงมือโดยไม่ลังเล หนำซ้ำยังไม่มีการยั้งมือใดๆ

ตูม!

หมัดหนึ่งซัดออกไป ประหนึ่งเตาหลอมมหามรรคปรากฏกลางอากาศ คงอยู่นิรันดร์ กำราบอานุภาพทั้งปวง

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท